ศาสนาซิกข์ กับ การกิน เนื้อ
ภากจาก Pinterest
สวัสดีครับ,
บางคนเข้าใจว่าซิกข์ กินเจ
บางคนเข้าใจว่าซิกข์ กินมังสวิรัติ
บ้างก็เข้าใจว่าซิกข์ กินเนื้อได้ เว้นเนื้อวัว
และบ้างก็เข้าใจว่าซิกข์ กินเนื้อทุกประเภทได้
แต่บางคนยังสับสนหรือไม่ทราบเลยว่า ตกลงซิกข์กินอะไรได้
เนื่องจากชาวซิกข์เอง บางคน และ/หรือ บางกลุ่ม/บางนิกาย กินเจ/มัง และเชื่อว่าการกินเนื้อนั้น ผิดศีลธรรม
เช่นเดียวกัน ซิกข์บางคน และ/หรือ บางกลุ่ม/บางนิกาย กินเนื้อด้วย และเชื่อว่าการแบ่งแยกสิ่งมีชีวิตที่เรานำมากินเป็นอาหาร มาเป็นเนื้อกับเป็นผักนั้น ผิดศีลธรรม
ความจริงคือ... ในพระคัมภีร์ ศิริ คุรุ ครันถ์ ซาฮิบ (Sri Guru Granth Sahib) ที่ซิกข์ทุกคน ทุกกลุ่ม และ ทุกนิกาย เห็นด้วยพร้อมกันกับ พระธรรม/คุรบาณี (Gurbani)/ ภายใน นั้น.. คำสอน จะเอ่ยถึงการฆ่าสัตว์ และ การกินเนื้อ ไม่เหมือนกัน ในแต่ละบริบทของแต่ละธรรมคาถา และชาวซิกข์แต่ละคน/กลุ่ม/นิกาย ก็ตีความที่ตนเข้าใจ ต่างออกจากกัน จึงทำให้เกิดความสับสน เช่น
ภาพจาก Flickr
• บางแห่งในพระคัมภีร์จะมีการรวม เนื้อ เข้าไปเป็นหนึ่งในกลุ่มอาหารเช่นเดียวกัน ไม่ต่างจากผักและผลไม้
• บางแห่งก็จะประณามการทรมานสัตว์ แม้จะเรียกการกระทำเช่นนั้นว่า ถูกต้องตาม กฎ/ศีล ของตนก็ตาม
• บางแห่งก็ประณามความสองหน้าของ พวกที่ไม่กินเนื้อ ที่มาทำเป็นปิดจมูกเวลาเห็นเนื้อสัตว์ ว่าเนื้อเป็นสิ่งสกปรก แต่ลับหลังกลับกินคนในยามมืด และไหนๆ ตัวเองก็ปั้นขึ้นมาจากเลือดเนื้อของผู้อื่น (ตัวเองไม่สกปรก และไม่บาปหรือ?)
• บางแห่งก็บอกว่า ทั้งเนื้อทั้งผัก ล้วนมาจากน้ำ (แหล่งชีวิต) และอาหารนั้นสะอาดหมด
• บางแห่งก็กล่าวว่า ปราศจากสติและจงรักภักดีในพระเจ้า ทุกอย่างคือขยะและเป็นเท็จไปหมด
• บางแห่งก็จะอธิบายว่า สิ่งมีชีวิตก็คือสิ่งมีชีวิต (ซึ่งทุกชีวิตก็อยากมีชีวิตอยู่รอดกันทั้งนั้น) จึงอย่าไปหลงผิวของมัน ซึ่งบ้างก็เป็นเนื้อ และ บ้างก็เป็นผัก
• บางแห่งประณามผู้ที่มองเนื้อเป็นสิ่งสกปรกแล้วเอาน้ำมาลางครัวของตัวเอง คุรุท่านก็ถามว่า แล้วในน้ำนั้นไม่มีสิ่งมีชีวิตหรือ (จุลินทรีย์) แล้วน้ำนั้นไม่สกปรกด้วยหรือ?
• บางแห่งก็ประฌามบางคนที่ทำเป็นโชว์ว่าตนกินอาหารที่สะอาดและบริสุทธิ์ที่สุด แต่เวลาอาหารนั้นแตะผู้บริโภคคนนั้น กลับเสื่อมเสียสกปรกที่สุด เพราะจิตใจผู้นั้นยังสกปรกอยู่เลย
• บางธรรมคาถาก็แสดงออกถึงความทุกข์ทรมานของต้นอ้อยเป็นตัวอย่างเช่นกัน
• บางแห่งก็ประณามพวกที่กินกัญชา ปลา กับ ไวน์ (ภาวะมึนเมา) ว่าจะตกนรกทั้งหมด
• บางแห่งก็ประณามการนำสิ่งมีชีวิตมาพลีชีพเพื่อเป็นเพียงอาหารคำหนึ่งกับขนมปังหรือโรตี แล้วใครอยากจะยอมตายเพื่อแค่นี้
• บางแห่งก็ประณามว่า หากการฆ่าสัตว์ได้กลายมาเป็นพิธีกรรมศักดิ์สิทธ์ของศาสนา แล้วคนที่ฆ่าชำแหละเนื้อสัตว์มาขายในตลาดเป็นประจำ จะไม่ศักดิ์สิทธิ์กว่าศาสนาจารย์หรือ?
• บางแห่งก็ประณามว่า พวกที่เอาเรื่องเนื้อ เรื่องผักมาทะเลาะเถียงกัน ว่าบาปกับบุญมันอยู่ในไหน เป็นพวกคนโง่ ซึ่งไร้สติปัญญาความรอบรู้ที่แท้จริง
• บางแห่งก็ประณามผู้ที่ไม่ให้เกียรติสิ่งมีชีวิตด้วยกัน และประกาศว่าผู้ใดกดขี่ชีวิตอื่นก็ต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ตนทำเมื่อถึงเวลา
• บางแห่งก็ประณามผู้ที่เด็ดดอกไม้ ใบไม้ กิ่งไม้ (สิ่งมีชีวิต) เพื่อมาบูชานับถือวัตถุ (ที่ไม่มีชีวิต) ที่มนุษย์เราสร้าง/ปั้นขึ้นเอง แล้วมาสถาปนาในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ ของเราเอง
ภากจาก BBC
========
ส่วนตามประวัติศาสตร์ในสมัยคุรุศาสดา ก็มีเรื่องราวบางเรื่องที่โยงกับเนื้อสัตว์ เช่นกัน เช่น:
• ครั้งหนึ่ง ตอนที่มี Solar eclipse เกิดขึ้น (ตอนที่ราหูอมดวงอาทิตย์)ในเมือง Kurukshetra (India) ชาวฮินดูมีความเชื่อว่า ไม่ควรกินเนื้อสัตว์ในวันนั้น พระองค์ปฐมบรมศาสดา คุรุ นานัก ท่านเอง จึงเริ่มเอาเนื้อกวางที่มีสาวกคนหนึ่งนำมาถวายให้พระองค์ มาทำอาหารทันที เพื่อให้ประชาชนตาสว่างในบางความเชื่อที่พระองค์ท่านเห็นว่าเป็นเรื่องงมงาย
• ครั้งหนึ่ง คุรุศาสดา องค์ที่ 7 ศิริ คุรุ ฮริ ราย ตอนพระองค์ยังเด็ก พระองค์เดินเข้าสวนเพื่อไปหาพระบิดาของพระองค์ (คุรุศาสดาองค์ที่ 6: ศิริ คุรุ ฮริ โควินท์) ด้วยความไม่ระมัดระวัง ซึ่งได้ทำให้ชุดของพระองค์ไปเกี่ยวดอกไม้ข้างทาง แล้วทำให้มันหักออกจากต้นของมัน จึงโดนพระบิดาของพระองค์สวดที่ไม่ระมัดระวังกับสิ่งมีชีวิตรอบข้าง (แต่ถามว่าเหล่าซิกข์ศาสดาเห็นด้วยกับวีถีชีวิตของชาวเชนที่กวาดทางเดินของตนเพือจะได้ไม่เหยียบแมลงใดๆ หรือเอาผ้าปิดปากกับจมูกจะได้ไม่ฆ่าจุลินทรีย์ที่เข้าไปเวลาหายใจ เหล่าคุรุท่านก็มิได้เห็นด้วยเช่นกัน)
• ครั้งหนึ่ง ตอน คุรุศาสดาองค์ที่ 10: ศิริ คุรุ โควินท์ สิงห์ มาพักอาศัยอยู่ในเมือง Nanded (ปัจจุบัน อยู่ในรัฐ มหาราษฎร์ ภาคกลางของอินเดีย) มีนักสิทธิ์ โยคี คนหนึ่ง ชอบคุกคาม ข่มขวัญ เผ่าชนของเมืองนั้น ด้วยเวทมนต์และพลังไสยศาสตร์เหนือธรรมชาติของตน นักสิทธิ์ท่านนี้เลี้ยงแพะที่ค่ายของตน วันหนึ่งคุรุศาสดาและชาวซิกข์ของท่านได้แวะมาที่ค่ายของนักสิทธิ์ผู้นี้ แต่เขาไม่อยู่ คุรุท่านจึงสั่งชาวซิกข์ของพระองค์ให้จับฆ่าแพะให้หมด เมื่อชนเผ่าได้เห็นการจับแพะฆ่า จึงดีใจและรีบมาเอาเนื้อมาทำอาหารกิน เนื่องจากอดยากและหิวโหยมานาน แล้วได้ขอบพระคุณคุรุศาสดาที่ได้เลี้ยงอาหารพวกเขา คุรุศาสดาท่านได้แถมควายไปเลี้ยงให้กับชนเผ่านี้เช่นกัน
ภาพจาก WordZz
• เป็นที่รู้กันด้วยว่า ศิริ คุรุ โควินท์ สิงห์ เคยออกล่าสัตว์กับชาวซิกข์เช่นกัน โดยเฉพาะพวกเสือหรือสิงโตที่กลับมากินคน
========
ภาพจาก SikhiWiki
นิกาย
อมฤต-ธารี (ชาวซิกข์ที่โพกผ้าหัวหลากสีกัน)
ในบทสรุปของระเบียบวินัย จะระบุว่า ห้ามกินเนื้อสัตว์ที่ถูกฆ่าแบบพลีชีพ เชือดพลี หรือ ทารุณ ซึ่งมิได้ระบุว่า ห้ามกินเนื้อเลย จึงอยู่ที่แต่ละคน ส่วนใหญ่ชาวซิกข์จะสรุปว่าห้ามกินเนื้อที่ผ่านพิธี 'ฮาลาล' ซึ่งเป็นเนื้อ 'กุรบาน' (เชือดพลี) ที่หลักธรรมซิกข์ไม่เห็นด้วย ไม่เห็นด้วยกับการนำสิ่งมีชีวิตมาฆ่าเพื่อมาถวายผู้ที่เรานับถือ แม้เขาจะเป็นใครก็ตาม (บรรพบุรุษ ผี พระ หรือ พระเจ้าเองก็ตาม) เพราะหลักธรรมซิกข์เชื่อว่า เราไม่สามารถถวายอะไรให้กับพระเจ้าได้ เนื่องจากทุกอย่าง ทุกสิ่งมีชีวิตเป็นของพระองค์อยู่แล้ว เว้นแต่ความหลงผิดในอหังการ (ego) หรือ ความหลงไหลในตัวเองเท่านั้น
แต่ก็มี อมฤต-ธารี หลายคนที่ไม่แตะเนื้อเลย
ในวัดซิกข์เช่นกัน ไม่มีการนำเนื้อเข้ามาในโรงอาหารหรือครัวคุรุศาสดา เนื่องจากไม่อยากให้เกิดความแบ่งแยกในการรับประทานอาหาร เพราะสาเหตุหลักของการเลี้ยงข้าวทุกคนคือความสมานฉันท์ ความเท่าเทียม และ ความเป็นเอกภาพของมนุษยชาติ
(ผม อมฤต-ธารี)
นาม-ธารี (ชาวซิกข์ที่โพกผ้าสีขาวตลอด)
เขาจะไม่กินเนื้อ
นีล-ธารี (ชาวซิกข์ที่โพกสีฟ้าเข้มส่วนใหญ่)
เขาก็จะไม่กินเนื้อครับ
นิหัง (ชาวซิกข์ที่ยึดเหนี่ยวในประเพณีดั้งเดิมตั้งแต่สมัยของคุรุศาสดา แต่งกายสีน้ำเงิน พกอาวุธเยอะ เป็นนักรบ)
เขาจะมีการฆ่าแพะและทำอาหารกับเนื้อในครัวคุรุศาสดาที่วัดที่อยู่ภายใต้การดูแลของเขา (โดยเฉพาะที่เมือง Nanded) สมัยหนึ่ง วัดใหญ่ๆ อื่นๆ ทั่วอินเดีย เช่น วิหารทองคำในรัฐปัญจาบด้วย เคยอยู่ภายใต้การดูแลของขาวนิหัง แล้วได้ประกอบการฆ่าแพะแล้วแจกเนื้อในวัดตามประเพณีของเขามาตลอด จนในสมัยของอังกฤษ ตอนที่สมาคม ศรีคุรุสิงห์สภา (กลุ่มผู้ซึ่งเป็นนักวิชาการซิกข์ และ อมฤต-ธารี) ได้ถูกก่อตั้งขึ้นเพื่อเข้ามาดูแลวัดซิกข์ต่างๆ ทั่วประเทศ ช่วนิหังจึงยอมถอยออกจากหน้าที่เดิมนี้เกือบทุกแห่ง
=======
ภาพจาก World-Religions-Professor.com
บทสรุป
ตามที่ผมเข้าใจส่วนตัว
หลักธรรมของซิกข์:
การหลงกิเลสรสชาติ การกินเพื่อความสนุก การกินจนท้องโต การกินจนสุขภาพร่างกาย และ จิตใจไม่สบาย ตกต่ำ การกินจนมึนเมาและขาดสติจนไม่รู้จักแยกของเขา ของเรา ล้วนเป็นพฤติกรรมที่ผิดมหันต์
การกินเนื้อ ไม่ผิด หากมิได้กินเพื่อรสชาติ หากมิได้ทรมานสัตว์ (เช่นตลอดชีวิตของมัน เหมือนฟาร์มไก่สมัยนี้) แม้ชาวนิหังเอง ก็มิได้กินเนื้อทุกวัน ส่วนใหญ่มักจะกินช่วงวันฉลองใหญ่ ส่วนใหญ่ชาวนิหังจะ ฆ่าสัตว์ที่คนจะบริโภคเอง เป็นการแสดงความรับผิดชอบ เป็นการได้ชินกับเลือดเนื้อ และมิได้มานั่งคิดว่า เนื้อที่ตนกินนั้นมาจากไหน นิหังส่วนใหญ่จะไม่กินเนื้ออื่นที่กลุ่มของตนมิได้ฆ่าเอง
แต่ (ในควรมเข้าใจส่วนตัวของผม) ปัจจุบัน การฆ่าแพะโดยชาวนิหังกลับได้กลายเป็นพิธีกรรมศาสนาไปซะแล้ว มีการสวดมนตร์ แล้วพอฆ่าแพะเสร็จ กลับนำเลือดมันมาโปรยบนศาสตราวุธเหมือนกับมันกระหายเลือด!
วิธีการฆ่าของชาวซิกข์ จะเรียกว่าวิธี 'Jatka' ซึ่งเป็นการใช้มีดใหญ่หรือดาบที่คมมาก แล้วตัดหัวสัตว์ขาดทันทีโดยหนเดียว ซึ่ง ส่วนใหญ่ มันมักจะตายก่อนที่มันจะได้รับรู้ด้วยซ้ำว่ามันตายแล้ว
หวังว่าคงได้ไอเดียพอสมควรนะครับ
หากพบเจอเพื่อนชาวซิกข์
ก็ฟังมุมมองเขาด้วยแล้วกันครับ
ผมเองอาจผิดพลาดในประเด็นนี้ก็ได้
หากมีคำถาม ยินดีถามได้เลยครับ
ขอบคุณที่สละเวลามาอ่านครับ
สวัสดีครับ
ค้นพบแหล่งทองคำกว่า 500 ตัน มูลค่าสูงถึง 600,000 ล้านหยวน
ปุ๋ยล็อตใหญ่ ไปชายแดนเกือบ 3,000 นาย
ไทย ชวดเหรียญทอง ปันจักสีลัต ทั้งที่กำลังจะขึ้นรับเหรียญ
ช็อกวงการมวย! “ตะวันฉาย” ขาหักหลังพ่าย TKO ยกแรก
สถานีรถไฟเกือบเจ๊ง แต่รอดเพราะแมวตัวเดียว ตำนาน ทามะนายสถานีขนฟูแห่งญี่ปุ่น
เครื่องบินรบไทยรุ่นใหม่ T50TH ลงสนามจริงครั้งแรกผลงานประทับใจ
ถล่มอุโมงค์ลับ เนิน 350 ทัพฟ้าส่ง F-16 เสิร์ฟไข่ 6 รอบติด
ความสุขของสายใจผ่อนคลายจากสายน้ำ "น้ำตกวังเดือนห้า คอนสาร"
เตือนภัยเทรนด์เลี้ยง "งูสีฟ้า" ตามรอย Zootopia 2 สวยประหารที่มาพร้อมพิษร้ายอันตรายถึงชีวิต
“คาล์ฟคิก” ท่าเตะเงียบที่ทำให้นักมวยไทยหลายคน ยางแตกกลางยก
เปิดเหตุผล ทำไมเขมรถึงพยายามรุก บ้านหนองจาน ทั้งที่เป็นแผ่นดินไทย
ทึ่งทั่วโลก : หุบเขาเทวดาวั้งเซียนกู่" หมู่บ้านที่สร้างอยู่ริมหน้าผา สถานที่ท่องเที่ยวแสนน่าทึ่งของประเทศจีน
เตือนภัยเทรนด์เลี้ยง "งูสีฟ้า" ตามรอย Zootopia 2 สวยประหารที่มาพร้อมพิษร้ายอันตรายถึงชีวิต
ความสุขของสายใจผ่อนคลายจากสายน้ำ "น้ำตกวังเดือนห้า คอนสาร"
คิม อูบิน และ ชิน มินอา แต่งงานวันนี้ บริจาคเงิน 300 ล้านวอน และ มี อี กวางซู เป็นพิธีกร







