เอาที่สบายใจ! พี่หมากปรับเพิ่มอีก 7 มาตราการที่แบรนด์ห้ามทำ
จากที่เฟสบุ๊คมีการปรับ Reach News Feed จนนักโฆษณานักการตลาดปวดใจกันถ้วนหน้าไปเมื่อครั้งก่อน เพราะต้องเผชิญกับความยากลำบากในการทำธุรกิจมากขึ้น นอกจากนั้นค่าโฆษณาไตรมาสที่ผ่านมาของ Facebook ยังแพงขึ้นถึง 35% ทำให้แบรนด์ส่วนใหญ่ไปเน้นบน Twitter มากขึ้น
แต่ก็ดูเหมือนว่าพี่มาร์กก็ยังไม่หยุดอยู่เพียงเท่านี้ ล่าสุด Facrbook ได้ได้ประกาศเพิ่มอีก 7 นโยบายใหม่ที่ปรับปรุงครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 25 มกราคมที่ผ่านมา ในหัวข้อ “นโยบายเนื้อหาที่มีแบรนด์” ที่เหล่าคนทำเพจ แบรนด์ และนักโฆษณา ห้ามทำเด็ดขาด โดยระบุไว้ว่า
เพจและโปรไฟล์ Facebook และบัญชีผู้ใช้ Instagram ที่สามารถใช้เครื่องมือเนื้อหาที่มีแบรนด์ได้จะต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดต่อไปนี้
1. อย่าใส่โฆษณาก่อน คั่นกลาง หรือหลังเนื้อหาวิดีโอหรือเสียง
2. ห้ามใส่โฆษณาแบบแบนเนอร์ไว้ในวิดีโอหรือรูปต่างๆ
3. ห้ามใส่โฆษณาปะหน้าไว้ภายในช่วงสามวินาทีแรกของวิดีโอ โฆษณาคั่นที่ไม่ได้อยู่ในช่วงสามวินาทีแรกของวิดีโอ เช่น โฆษณาคั่นกลางหรือโฆษณาต่อท้าย จะต้องมีความยาวต่อเนื่องไม่เกินสามวินาที และต้องไม่อยู่ใน Facebook Stories และ Instagram Stories
4. เพจของรายการโชว์ต้องไม่มีเนื้อหาที่มีแบรนด์เป็นโลโก้รายการหรือในวิดีโอตัวอย่าง
5. อย่าใช้เครื่องมือเนื้อหาที่มีแบรนด์เพื่อแท็กเพจ แบรนด์ หรือพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจโดยไม่ได้รับความยินยอมล่วงหน้า
6. อย่ายอมรับสิ่งที่มีค่าใดๆ เพื่อโพสต์เนื้อหาที่คุณไม่ได้สร้างหรือไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการสร้าง หรือไม่ได้มีคุณอยู่ด้วย
7. คุณต้องปฏิบัติตามกฎหมายและระเบียบข้อบังคับที่บังคับใช้ รวมทั้งตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณได้เปิดเผยสิ่งที่จำเป็นทั้งหมดต่อผู้ใช้งาน Facebook หรือ Instagram เช่น การเปิดเผยที่จำเป็นต่อการระบุลักษณะเชิงพาณิชย์ของเนื้อหาที่คุณโพสต์
และเมื่อโพสต์ใดที่เป็นการละเมิดนโยบายดังกล่าว ระบบจะซ่อนโพสต์ที่เผยแพร่ไม่ให้ปรากฏบนฟีดข่าวจนกว่าจะได้รับการแก้ไข แต่จะยังคงเป็นโพสต์ที่เผยแพร่บนเพจอยู่ และเมื่อโพสต์ละเมิดนโยบาย ผู้ดูแลจะได้รับการแจ้งเตือนที่บอกเหตุผลของการละเมิดเพื่อให้ผู้ดูแลสามารถกู้คืนโพสต์ แก้ไขการละเมิด และสร้างโพสต์ใหม่ หรืออุทธรณ์การละเมิด ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับกรณีในการละเมิดนั้นๆ
โดยนโยบายดังกล่าว จะเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคมนี้เป็นต้นไป ดังนั้นเหล่าคนทำเพจ แบรนด์ และนักโฆษณา ก็คงต้องเตรียมรับมือกับเรื่องดังกล่าวให้ดี และคาดว่าในอนาคตน้นคงจะมีนโยบายต่างๆ ออกมาอีกแน่นอน