หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

*ไปเที่ยวใสๆทำไมดัน Extreme* 'เอธิโอเปีย' ครั้งแรก ครั้งเดียว..ไม่ไปอีกแล้วจ้า! / ภูเขาไฟ ทะเลเกลือ นอนกลางดินและฟลามิงโก้(พีคสุดในชีวิต!!)

โพสท์โดย เจ้าหนูบู้บี้
 
 
 
เอธิโอเปีย! ประเทศที่ให้ตายยังไงก็บอกกับตัวเองไว้ก่อนว่า “กูไม่ไปอีกแล้วโว้ย”

ประเทศที่จะกินคุ้กกี้เสี่ยงทายหมดทั้งประเทศ ก็ทำนายไม่ถูกว่าเจออะไร
ประเทศที่ยังกินเนื้อดิบ (ห่อแป้งเป็นโรตีสายไหมเลย)เป็นอาหารหลัก ประเทศที่นาฬิกาเดินกลับหลัง และช้ากว่าที่อื่น 7 ปี!
และประเทศนี้คือบ่ออารยธรรมมนุษย์คนแรกของโลก ขอเสียงปรบมือให้กับป้าลูซี่และเอธิโอเปีย
จะแมนแค่ไหนประเทศนี้ก็ทำให้สาวแตกได้ทุกวันคร่า

รอบนี้เราเริ่มเที่ยวเมืองหลวงที่ชื่อเก๋อย่าง ‘แอดดิส อะบาบา’ ไปดินแดนที่ร้อนที่สุดในโลกอย่าง ‘แอ่งดานากิล’
ปีนภูเขาไฟเดือดๆเหมือนแม่เวลาโมโหที่ ‘Erta Ale’ แถมยังมีเวลาให้ผ่อนคลายที่ทะเลเกลือ นั่งจิบไวน์ที่ไม่อร่อยแทบขย้อน
นั่งดูคาราวานน้องอูฐ และไปเมืองตากอากาศดูนกฟลามิงโก้เป็นแสนเป็นล้านตัวแบบไม่จกตา แต่ลำบากลำบนจนจำไปตลอดชีวิต

เอธิโอเปียเป็นอีกประเทศที่จะทำให้รู้ว่าโลกมันกว้างมากและแสนตลก ยังมีอีกหลายๆ ที่ต่างวัฒนธรรมรอให้เราไปเห็นและ
เรียนรู้จนทำตาโต เรื่องพีคๆ ของเอธิโอเปียที่เราเจอมา บอกเลยว่าสนุก ลำบากลำบนจนคิดได้ว่าบาง Wishlist นี่ก็นะ.....
'เหมือนเวลาเราแอบชอบใครซักคน มันก็ไม่ได้ทุกคนปะ เพราะฉะนั้น Destination นี้ก็เช่นกัน
ก็ควรต้องปล่อยให้มันเป็นความฝันลมๆ แล้งๆ ก็ได้!' 

มาเถอะ อ่านจบแล้ว ไข่เห่าบนหัวที่เป็นกลีบเพราะไม่ได้อาบน้ำ 3 วัน(อาบก็เหมือนไม่ได้อาบไหลแบบเยี่ยว)
จะกระโดดเกาะหัวทุกคนไปด้วย

เริ่ม! 


 
ย้อนกลับไปช่วงต้นปี 2017 ระหว่างนั่งเมาท์มอยกับเพื่อนว่าปีนี้ไปไหนกันดี มือไหลจอมือถือเร็วๆ นั่นก็น่าไป นี่ก็น่าไป
แต่ส่วนใหญ่มันก็แมสมากกกก หรือไม่ก็เคยไปมาแล้ว เลยไม่ตื่นเต้นเท่าไหร่ แต่ตาเหลือกทันทีตอนเห็นโปร
เอธิโอเปีย 16,xxx อู้ย! ถูก จองเลย! อย่างอื่นค่อยว่ากัน ถ้าแพงมากก็เท แล้วก็ดูเพิ่มเติมว่า เออ...ไม่ต้องทำวีซ่าไปก่อนด้วยหวะ
ทำ On Arrival (ทำที่สนามบินตอนถึง) ได้เลย เลยตัดสินใจ เอาที่นี่แหละ! เป็นไงเป็นกัน ยังไงก็ไม่ได้ไปคนเดียว
กูตายก็ยังมีเพื่อนกลับมาบอกแม่ 5555 หรือถ้าเพื่อนเราตาย โดนกิน เราก็จะได้กลับมาบอกแม่มันได้ หรือถ้าตายทั้งหมด
ก็น่าจะเป็นการเร่งทางการไทยให้ตามหาเราและเพื่อนๆ ได้ดีมากว่าตายคนเดียวอะ 555 นี่คิดแค่นี้จริงๆ
แล้วจองตั๋วเครื่องบินทันทีเพราะกลัวใจ กลัวตัวเองและเพื่อนเปลี่ยนใจ เลยจองๆ ไปก่อน เดินทางอีกที พฤศจิกายน 17
อย่างอื่นค่อยว่ากัน!
 
 

 
พอเริ่มหาข้อมูลไปเรื่อยๆ มีอยู่ประมาณ 4 -5 ที่ ที่เราอยากไปดูที่เอธิโอเปียรอบนี้ ซึ่งแต่ละที่นั่นถ้าเดินทางแบบเก๋าๆ
“เฮ้ย กูแบคแพคเกอร์เว้ย” เท่ากับการเอาตัวเองไปตาย อย่าลืมนะว่าที่นั่นแอฟริกา ไม่ใช่ประเทศไทยที่ไปทางไหน
ก็เจอยิ้มสยามไปซะหมดทุกที่ มันไม่ใช่อุทยานแห่งชาติที่จะได้ขับมอไซค์หรือแบกเป้นั่งสองแถวเข้าไปได้ง่ายๆ
แต่ทุกที่ ที่เราไปต้องจ้างทัวร์ไปเกือบทั้งหมด เพราะเรื่องความปลอดภัยทั้งสิ้น 

อ๋อออ! ก่อนออกเดินทางอย่างน้อย 10 วันอย่าลืมไปฉีควัคซีนที่บังคับฉีดก่อนไปประเทศพวกนี้ด้วยเพราะบางที
ตม.ประเทศต้นทางจะขอตรวจ หรือไม่ตอนกลับเข้าไทยเค้าก็ต้องตรวจอยู่ดี ราคาวัคซีนก็แพงพอๆ กับวีซ่าไปยุโรป
อเมริกานั่นแหละค่ะ มันเลยไม่ต้องทำวีซ่ามั้ง 555 วัคซีนที่ต้องฉีดแน่ๆ คือพวกไข้เหลือง , ไข้รากสากใหญ่ , ไข้หวัดใหญ่
มาลาเรีย ประมาณนี้ ปรึกษาคุณหมอได้เลยว่าควรฉีดอะไรไว้บ้าง ในฐานะคนที่กลัวตายเพราะโรคจากการเดินทาง เราฉีดทุกตัว
ที่เค้าแนะนำ ทั้งที่จำเป็นและไม่ค่อยจำเป็น 555555 กลัว! กลัวมากจริงๆ กลัวมันเป็นอะไรที่นู่นขึ้นมา แล้วรักษาไม่หาย
แต่ก็ไม่ตายและกลับประเทศไม่ได้เงี้ย เพราะฉะนั้น ฉีดๆ ไปเหอะ ยังไงมันก็เป็นภูมิคุ้มกันให้ร่างกายเรานี่แหละ 
อย่า งกกับสุขภาพ
 
 



ทัวร์ก็ติดต่อแล้ว โรงแรมในเมืองหลวงก็จองแล้ว ก็เดินทางจ้า! เราบินกับ Kenya Airways ต่อเครื่องที่ไนโรบี ราคาดี เครื่องดี
มีกลิ่นบ้าง อาหารขาออกจากไทยอร่อย ขากลับไม่ค่อยถูกปาก แต่ราคานี้ถือว่าดีงาม จริงๆ สามารถบินตรงถึงแอดดิส อะบาบา
ได้เลยนะ มี Ethiopian Airlines บินมาไทยด้วย 

น้องนาตาชา และสมุนของนางที่โดนเหยียบตีนอยู่พร้อมพาเราเที่ยวเอธิโอเปียแล้วค่ะ ตามเธอไปเลยค่ะ!
 
 
วันแรกที่มาถึง เราถึงแอดดิสอะบาบาในช่วงเช้าวันอาทิตย์ซึ่งเป็นวันหยุด เมืองเลยดูร้างๆ ไม่ค่อยมีคน สนามบินที่นี่
เข้มกว่าอินเดียเยอะ อินเดียคือให้เฉพาะคนที่เดินทางเข้าไปข้างใน ส่วนคนที่มาส่งหรือมารอรับ ให้รอที่ด้านนอกอาคาร
แต่ที่นี่ ไม่ว่าจะมาส่งหรือมารับ นู่นนน.. ไปรอนู่นเลยค่ะ ในที่จอดรถ 55555 ถ้าใครซื้อทัวร์มาล่วงหน้าแบบเรา สิ่งที่ควรทำมากๆ
ไม่ว่าประเทศไหนคือก่อนเดินทางควรคอนเฟิร์มอีกรอบ อาจจะมองว่าจุกจิกแต่เป็นสิ่งที่ควรทำ ดูสิ! ขนาดเราเมล์ย้ำนักย้ำหนา
ว่าจะถึงกี่โมง และควรมารับกูกี่โมง ออกมาแล้วยังต้องรออีกเป็นชั่วโมง จนต้องให้คนแถวนั้นช่วยโทรเบอร์บริษัททัวร์
ให้อีกรอบถึงจะยอมมา 

เราค้างคืนแรกที่ Addis Ababa เมืองหลวงของที่นี่ดีกว่าที่คิดไว้มาก คนจีนมาลงทุนที่นี่เยอะ ไม่ใช่เมืองในภาพจำของเรา
ว่าต้องมีแต่เด็กพุงโลก้นปอดเดินไปเดินมาแล้วเรียก 'ป้อๆ ขอตังบาท' แต่ที่นี่อยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเล และพื้นที่ทั้งประเทศ
ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่สูง อากาศเย็นทั้งปี น่าจะสูงพอๆ กับดอยอินทนนท์บ้านเรานะ ส่วนสภาพแวดล้อมก็ตามสภาพอะค่ะ  
สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคงหนีไม่พ้นอาหาร คนกินยากไม่น่าอ้วนแบบเรา ก็ยิ่งหากินลำบาก 5555 ลำบากลื๊มมม! 
 

 
 
เราบังคับทัวร์ที่จะซื้อไปดูภูเขาไฟว่า ถ้าซื้อแล้ว ขอแถม City Tour ให้วันนึงได้มั้ย?ตอนแรกก็อิดออด แต่อ้อนๆ หน่อย
ขอไปขอมานางก็ให้นะ และส่งไกด์บ้ามาคนนึง! ไกด์เราตลกมาก ผู้ชายอายุ 29 ชื่อ Ababa(อะบะบ้า) แปลว่าดอกไม้แสนสวย
เราถามนางว่า “ป้าลูซี่อยู่ไหน พาไปดูหน่อยพิพิธภัณฑ์อะไร พาไปดูทีอยากดูม๊าก” มันบอกว่า ‘ตายไปเป็นล้านๆ ปี
ป่านนี้ก็น่าจะไปเกิดแล้ว’ 55555 กวนมาก แล้วนางก็สารภาพทีหลังว่าตั้งแต่เกิดมา 29 ปี ยังไม่เคยมาดูเลย และไม่เห็นอยากดู

ขับผ่านสถานทูตอเมริกา มันบอก ยูรู้มั้ยว่า โดนัลด์ ทรัมป์ อยู่ข้างในนั้น ส่วนคิม จองอิล และเกาหลีเหนือ ก็เดินวนๆ อยู่รอบๆ
แถวนี้แหละ 555 ซักพักอีอะบาบ้าก็ทำเรื่องเสี่ยงตายนี่น่าโดนยิงกบลาทั้งรถ นางเปิดกระจกลงแล้วตะโกนเข้าไปหน้าสถานทูตว่า
"I Love America!!! Whoo" 555555 เพี้ยนมากกก
 

 
นี่คือป้าลูซี่ กำลังยืนจดๆ อะไรไม่รู้ 5555 หลอกจ้า ป้าอยู่ในตู้ อิอิ มนุษย์โฮมินิด คนแรกของโลกเลยนะเหยยย
 

 
แล้วนางก็พาไปดูโบสถ์อีกที่นึงบน Mt. Entoto เห็นวิวเมือง แต่ด้านนอกโบสถ์คนท้องถิ่นเยอะมาก และเป็นคนท้องถิ่นที่พร้อม
กรูเข้าหานักท่องเที่ยว จำไว้นะว่าอย่าให้ขนม เงินหรือลูกอมเด็กเด็ดขาด เพราะไม่งั้นมันจะมาเป็นขบวน มารุมล้อมและขอๆๆ
 
 

 
แล้วเนื้อตัวก็มอมแมมมาก จะเอาเจลล้างมือให้ เดินมาอ้วกเต็มเสื้อ ปากเปิกน้ำลายไหลย้อยยยยยย บางทีชอบเดินมาเงียบๆ
เบาๆ แบบ Waliking Dead สงสารก็สงสารแต่ก็กลัว เลยรีบปิดประตูแล้วหลับตา! ซักพัก อะบาบ้าก็เดินมามาไล่ให้ ไล่แบบ
ไล่จริงๆ เราเป็นคนขี้สงสาร เลยพยายามไม่มอง มองแล้วอยากช่วย แต่ของแบบนี้ต่างกรรมต่างวาระ ช่วยเค้าเราอาจลำบากก็ได้
แต่หนูๆ เดินมาข้างหลังเงียบๆ นี่ขย่มขวัญไม่ไหวเด้อ


 
ระหว่างทางเดินลงเขา พร้อมร้องเพลงสรรเสริญพระเจ้า 
 

 
มื้อเย็นนางพามากินอาหารท้องถิ่น เราให้นั่งกินด้วยกัน ให้มันสอนด้วยว่ากินยังไง 5555 อีอะบาบ้าอร่อยเวอร์ จุ๊บจั๊บๆ
เข้าปากคำต่อคำ มันถามว่าไม่อร่อยหรอ? “ชอบเบอร์เกอร์ พิซซ่า สปาเก็ตตี้ใช่มะพวก อะ’ นางบอก
ได้! เดี๋ยวกูพาไปส่งสถานทูตอเมริกานะ 55555
 
 

 
อาหารท้องถิ่นที่นี่ส่วนใหญ่จะกินกับแป้ง Injera ให้นึกถึงแป้งแพนเค้กนุ่มๆ แต่ของที่นี่จะบางกว่าและแผ่นใหญ่
ส่วนซอสและเนื้อทั้งหลายเค้าเรียกว่า Wat ก็จะเป็นพวกซอสเครื่องเทศต่างๆ ชีสผงและเนื้อสัตว์ ที่ฮิตสุดคือเนื้อวัวแบบดิบๆ
เนื้อหมูแบบดิบๆ แต่ให้เค้าปรุงสุกได้ ส่วนแป้ง Injera เนี่ย โอ้ยยย รสชาติขนลุกขนพอง มันเปรี้ยวๆ เย็นๆ และเป็นรูๆ
เต็มแผ่น กินวันแรกลำบาก วันอื่นก็อร่อยขึ้น อย่างว่าความชอบคนเรามันต่างกันนะ แต่เรารู้สึกว่าอาหารมันควรเป็นอาหารร้อน
ไม่ควรมาแบบเย็นๆ อะ 555 พวกแกงต่างๆ ก็พอทานได้ ต้องเลือกร้านดีๆ ที่ทำให้ไม่มีกลิ่นได้
 

 
 
ดูรูที่แป้งซะก่อน เหมือนรูสิวเสี้ยนที่ชอบแชร์กันในเน็ต เอานี่คลี่ออกมาต้องรีบพลิกไปอีกด้านนึง เห็นแล้วกลัว!
 
 
 
 
วันต่อมาเราออกจากแอดดิส อะบาบา นั่งเครื่องต่อไปลงเมือง Mekele ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง เมืองนี้จะเป็นจุดเริ่มต้น
ของทัวร์พื้นที่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเลแสดงว่ามันจะร้อนขึ้นและร้อนขึ้นเรื่อยๆ พอเริ่มออกทัวร์ ก็ขย่มขวัญอีกแล้วค่ะประเทศนี้!
เปิดภาพมาด้วยรถที่คว่ำหลายตลบอยู่กลางทางโค้ง อาจจะเพราะขับเร็วเกินไป หรือไม่ก็ที่นี่ไม่มี สสส. แบบรณรงค์เมาไม่ขับ
เลยเป็นแบบนี้ตามสภาพ 
 
 

 

 
เราซื้อทัวร์ Danakil Depression 4 Days คือรวมทะเลเกลือ บ่อกำมะถันหลายๆ สีที่สวยงาม และไปปีนภูเขาไฟที่ยังไม่ดับ
อารมณ์แบบโบรโม่ ก็รู้แหละว่าลำบากพอตัว เตรียมใจมาไว้ละ เพราะอยากมาเอง กระเ...้ยนกระหือรือเหลือเกิน เจอกับฝรั่งแซ่บๆ
ทั้งชาย หญิง นานาชาติมาก หรือไม่ก็ป้าๆ ลุงๆ หัวทองที่เกษียณแล้วมาดูโลก ก็เบาใจไปได้เปราะนึงเนาะ ว่าเพื่อนร่วมทางเยอะ
นี่ก็สวมมงฯ จากไทยแลนด์ ทักทายเป็นมิตรทุกคน สร้างกองสร้างกองทัพลับๆ ไว้ก่อน เผื่อมีปัญหาจะได้มีเพื่อน

เริ่มทัวร์เค้าก็จัดให้นั่งคันละ 4 คน ทั้งๆที่รถใหญ่ แต่เห็นของที่ทัวร์ขนก็พอจินตนาการได้ว่าลำบาก ฟูกนอนเอย น้ำใช้
น้ำกินขวดๆ เก้าอี้ ไฟฉาย ฯลฯ และอีกหลายอย่างที่คนไปเที่ยวสบายๆ มันจะไม่พกไป ระหว่างทางฝรั่งนางก็ตื่นตาตื่นใจ
สวยจังโอ้ว้าว วิวมุมสูงของเอธิโอเปียช่างดีงามเหลือเกิน~ เราก็ไปยืนมอง ไม่เห็นสวยเลย แห้งแล้งไร้สีสัน แต่เรื่องแบบนี้
มัน Objective มองคนละความสวย เราและเพื่อนเลยไปหาที่ยืนฉี่แทนทุกครั้งที่จอดดูวิว 5555 เพราะอากาศแห้งมาก
กินน้ำเยอะ คอแห้งผากมาก สำหรับคนที่ท่อสั้นไม่ต้องกลัวว่าจะไม่มีห้องน้ำนะ เพราะทุกที่คือห้องน้ำ55
 

 
 
จากอากาศตอนมา 10-20° ขับรถต่ำลงมาเรื่อยๆ ช่วงบ่ายปุ๊ปดีดไปประมาณ 42° แบบไม่มีที่หลบร้อน ร้อนจนเลือดกำเดาไหล
ทั้งๆ ที่มันไม่ค่อยไหลเลย และอาหารส่วนใหญ่เป็นมังสวิรัติ สปาเก็ตตี้ผัก ซุปผัก ขนมปังโคตรแข็ง แต่ก็ต้องกิน No Choices
เพราะอากาศแบบนี้ เนื้อสัตว์มันบูดง่ายมาก เหมือนได้กินเจไปโดยปริยาย รสชาติแบบกินกันตายมาก
 
 

 
ส่วน Hilight ของวันแรกคือ Salts Mined in Ragad มันเป็นพื้นที่แห้งแล้งแห่งหนึ่งของโลกที่ปลูกพืช ไม่ได้เลย ตายหมด
ทำได้ก็แค่เหมืองเกลือนี่แหละ มันกว้างออกไปสุดลูกหูลูกตามากๆ แต่สูงแค่ 5 ซม. คือเดินเอาตีนลุยน้ำเกลือได้สบายๆ
สวยมากกกกก ยิ่งตอนเย็นรอพระอาทิตย์ตกโคตรดี ควรมาฮันนีมูน แล้วก็ยืนนัวกันให้รสเค็มของเกลือกับกลิ่นตัวพวกเธอ
ตัดกับความหวานของน้ำลายและน้ำอย่างอื่นอีกที
 

 
Sunset โบลิเวียปะคะ ไม่ใช่จ้า เอธิโอเปียเอง 555

 
ที่วางที่พื้นหน่ะ นางบอกเป็นไวน์ รสชาติไม่ได้เรื่องเล๊ยยยยยย กินเป็นมารยาทแต่ปวดหัวเวอร์

 
ช่วงปลายปีแบบนี้ ก็จะเห็นคาราวานน้องอูฐหลายตัว เค้าจะตัดก้อนเกลือเป็นแผ่นหนาๆ แล้วให้อูฐแบก
เดินเป็นขบวนออกจากทะเลเกลือขึ้นไปทางเหนือ อีอูฐต้องแบกเกลือบนหลังประมาณ120 กิโลเดินไป

 
 
 
มาถึงเรื่องที่นอนพีคๆ บ้าง 555 ก็เห็นผ่านตามา ว่าที่นอนสำหรับการมาที่นี่มันคือการ "นอนแคร่" สภาพแคร่ก็เหมือนที่เค้าเอาไว้ในใต้ถุนบ้านย่ายาย ที่เอาไว้นั่งคุยกันตอนเย็น เอาไว้ปลอกหอมแดงงี้ แล้วนอนกันยังไง ? มันจะมีเพิงตรงกลางเป็นครัว แล้วก็มีแคร่เนี่ยเยอะๆ วางรอบๆ ก็เอาแคร่ตัวเองมาวาง เรียงกันเสร็จแล้วให้บอกคนขับ นางก็จะเอาฟูกมาให้ ซึ่งแน่นอนมากๆ ว่าสกปรกและใช้ซ้ำเรื่อยๆ 5555555 เพราะนางจะเก็บคืนทุกเช้า ยัดใส่ถุงแล้วคืนต่อมาก็แจกใหม่ โชคดีที่คนฉลาดและกลัวเชื้อโรคแบบเราเห็นก่อน เราเลยเก็บของตัวเองไว้ตั้งแต่วันแรกไม่เอาไปรวมกับคนอื่น วะฮะฮ่า ที่นอนกูต้องหอมฉุยทุกวันโว้ยยยย 

พอปูที่นอนให้เสร็จสรรพพร้อมนอน ห้องอาบน้ำ.. ไม่มี ห้องขี้..ไม่มี ที่ล้างหน้า..ไม่มี!! วิธีคือ เตรียมน้ำขวดนึง ทิชชู่เปียกและของส่วนตัว เดินออกไปจาก Basecamp ให้ไกลที่สุดแต่ระวัง! แล้วก็จัดการชีวิตตัวเองซะ ระหว่างเดินก็ต้องระวัง เพราะอาจเหยียบขี้ของคนที่มาก่อนก็ได้ บางทีส่องไฟไปก็งงว่า เอ๊ะ! นั่น ขี้หรือหิน จะลองเหยียบก็เสี่ยงไป เดินเลี่ยงก็เจอก้อนอื่นอีก เหมือนมาเจริญสติเดินไปก็ภาวนาไป ขี้หนอ ขี้หนอ ขี้หนอ ถ้าเหยียบก็ให้รู้ว่าขี้ แต่อย่าเจ็บใจไรงี้ 55 เราเนี่ยเป็นคนเกลียดห้องน้ำพื้นเปียกมากที่สุดในโลก รอบนี้ก็แห้งสมใจเลย 555 ไม่มีแม้แต่หยาดน้ำ

นี่ใช้ทิชชู่เปียกไป 20 แผ่นสำหรับการเช็ดตัวคืนแรก เช็ดทุกร่องตีน ขาหนีบและกลีบผม สะอาดมากกกก 
หอมฉุยที่สุดใน Basecamp ถ้ามีเสือมากูตายแน่ๆ เพราะคนอื่นไม่ค่อยทำอะไร ฟันก็ไม่แปรง
ชุดก็ไม่เปลี่ยน หน้านี่ก็ยังไม่ค่อยจะล้างกันเลย แต่สิ่งที่น่าชื่นชมที่สุดในการเที่ยวแบบนานาชาติครั้งนี้คือ 
"ทุกคนตรงเวลามากก!!" คือรู้หน้าที่ตัวเอง เช่น ตื่นสายก็ไม่ต้องกิน ไม่มีมาอิดออดแบบ รอแปปนะๆ 
คืออดก็ต้องอดเพราะสายเอง ไม่มีมาอ้อมแอ้มๆ รอกันไปกันมาเด็ดขาด เพราะพระอาทิตย์ขึ้นเมื่อไหร่จะเริ่มร้อนทันที

 
ตกกลางคืนก็นึกว่าจะเย็น โอ้ยยย เอาอะไรมาเย็น 25-35++° ดีกว่าตอนบ่ายที่นี่ แต่ร้อนเท่าไทยเที่ยงๆ เอากระเป๋าวางไว้บนพื้น
เสื้อผ้าด้านในร้อนหมดเลย ลมที่พัดมาเรื่อยๆ เหมือนจะช่วยแต่ก็ไม่ซักนิด 555 เพราะมันคือลมร้อน และไอจากดินที่มันคลายร้อน
แต่สิ่งที่แลกกันคือ ดาวล้านดวงประกายเต็มท้องฟ้า ฟ้าดูต่ำกว่าปกติ เห็นดาวชัดมาก พระจันทร์ใกล้มาก ตามองดูดาว ฮัมเพลง
ลมร้อนและดาวเดือน  แล้วน้ำตาคลอนอนดูดาว 55555 ดาวใกล้จนตื่นมาดูว่าแสงอะไรแยงตา.. อ่อ พระจันทร์ เก๋มาก  
เหมือนนอนในท้องฟ้าจำลอง ดวงดาวสวย แต่ใกล้ดวงอาทิตย์ไปหน่อย ขาหนีบเปียกหมดเลยค้าบพี่ค้าบ 55 ได้ฟีลลิ่ง
แบบโกโบริก็มาอวยพรว่า... 'สู้ๆ กับเอธิโอเปียนะ อย่าตาย ไม่มีใครรอที่ทางช้างเผือก!'

ความพีคยามค่ำคืนยังไม่จบจ้ะ! ด้วยความที่ตอนนอนมันมืดมาก ถ้าวันไหนพระจันทร์ไม่ส่องเต็มดวง คือมองไม่เห็นอะไรทั้งนั้นจริงๆ
นี่ก็นอนอยู่ดีๆ ซักพักก็ได้ยินเสียงเหมือนคนเดินมาเป็นกลุ่มใหญ่ๆ ฝูงๆ ใจคอไม่ดีเลย เริ่มไม่แน่ใจว่าน้ำที่ขาหนีบนี่
เหงื่อหรือว่ากลัวจนเยี่ยวแตก 555  ผีหรอวะ? กลางพื้นที่โล่งๆ นี่อะหรอ ใช่หรอ เราถามตัวเอง เอ๊ะหรือจะเป็นวิญญาณป้าลูซี่
และบรรพบุรุษมนุษย์มะ เพราะนางถูกค้นพบแถว Area นี้นี่แหละ 5555555 ซักพักเพ่งมองดีๆ อ้ออออ อูฐแบกเกลือเดิน
เป็นฝูงเลยท่ามกลางความมืด น่ารักไปอี้กกกกกก เค้าเดินตั้งแต่ดึกๆ นี่แหละเพราะมันเป็นช่วงที่ร้อนน้อยที่สุดแล้ว 😌😌😌

 
นี่คือวิวตอนนั่งขี้ที่สวยที่สุดในชีวิต ถูกต้องจ้า! เราเดินไปขี้ในทะเลทรายมาแล้ว ปวดไม่ไหวละ ถือทิชชู่เปียกและมือถือเปิดไฟฉาย เดินดุ่มๆ ไปหามุมที่ดีที่สุด ส่องไฟให้แน่ใจก่อนนั่ง ว่าไม่ได้มานั่งขี้ทับที่ใคร แล้วก็ปลดปล่อยให้สะดวก ถ้าเห็นเงาตะคุ่มๆ เดินทางก็เปิดไฟหน้าจอมือถือ เป็นการบอกคนอื่นว่า .. "ตรงนี้มีคนขี้จ้า" 55555นางก็จะได้เดินไปหาหมุดหมายต่อไป ที่เยอะแยะ ขี้ทั้งชีวิตยังไม่น่าจะทับที่กันเลยมั้ง
 
วันต่อมาเราไปเที่ยว Danakil Depression ที่ขึ้นชื่อว่าสวย แห้งแล้งและอันตรายที่สุดในโลก  มันเป็นแอ่งซัลเฟอร์
อยู่ในทะเลทราย Danakil อีกที เค้าเลยเรียกว่าเป็น 'แอ่งดานาคิล' ดินแดนแห้งแล้ง บริเวณนี้เป็นที่ๆ ร้อนเกินคนจะอยู่ได้
รวมถึงสัตว์ด้วย แต่เรามาได้เพราะจ่ายเงินมา 555555555555

นี่ก็นั่งรถตุเลงๆ เข้าไปได้นิดนึงก็ต้องลงเดินต่อ เพราะมันขับไปต่อไม่ได้ละ เหมือนอยู่ใน Madmax กำลังโดนจับเป็น
ตัวประกัน อากาศนี่ไม่ต้องพูดถึง ทั้งแห้งทั้งร้อน ร้อนแบบกินข้าวกินน้ำไม่อร่อยอะ

 
พอเดินไปถึงปุ๊ป ฝรั่งถึงกับอุทาน "โอ้ สวยจังเลย!!" ในขณะที่เรายังไม่เห็นอะไรเลย เพราะเหงื่อเข้าตา แต่พอเห็นปุ๊ป
โอ้มันก็สวยมากจริงๆ เป็นสิ่งที่ไม่เคยเห็นมาก่อน มันมีสีสันประมาณ 3-5 สี จากแร่ธาตุต่างๆ ซัลเฟอร์ โพแทสเซียม
อย่างอื่นไม่รู้ละ ฟังไม่ทัน อิอิ

นางก็ให้เวลาประมาณชั่วโมงนึงเดินดูรอบๆ แต่ระวัง เพราะมันเป็นเกลือค่อนข้างเปราะ ถ้ามันแตกทะลุ ขาเรียวสวยของเรา
จะลงไปอยู่ในน้ำที่เดือดปุดๆ แสบๆ ร้อนๆ มันจะกัดเท้า ไม่รู้ขู่รึป่าว แต่เราก็เชื่อฟังนะ

 


อะ! แล้วนอกจากความน่ากลัวของแอ่งดานากิลนี้ ยังมีความอันตรายของบรรยากาศรอบๆ ไปอี้กกกก เพราะมันเป็นพื้นที่ชายแดน
Afar Triangle เลยมีทหารถือปืนยืนตามจุดต่างๆ จุดละ 2-3 คน เตรียมยิงทุกครั้งที่มีพวกก่อการร้าย เพราะติดชายแดน
ประเทศเอริเทรีย (Eritrea) ประเทศที่แยกออกจากเอธิโอเปีย ทหารก็หน้าตาขึงขัง ขอถ่ายรูป ไม่ให้ถ่าย แต่พอให้ลูกอมไปเม็ดนึง
....เอ้าเป็นเพื่อนละจ้า ถ่ายได้แล้ว น่ารักน่าชังเด้อพ่อหนุ่ม
รองเท้าก็แสนเก๋ไปอี๊กกก 

 


เสร็จแล้วนางก็พาไปบ่ออะไรซักอย่างที่เป็นน้ำสารพวกนี้แหละ เค้าบอกว่า ให้ลองเอานิ้วจุ่มๆ ดู หรือถอดรองเท้าเอาเท้าแช่ก็ได้
จะทำให้ผิวสุขภาพดี 55555 แต่ดูจากเท้าพี่แล้วนั้น น้องขอบายค่ะพี่ เป็นคนนิสัยหยาบแล้วยังชอบให้ตัวเองผิวหยาบด้วยค่ะ
// วิ่งหนี

 

 
ประเทศนี้เค้ามีผัวมีเมียกันทุกคนนะ เพราะไม่มีนก นกตายหมดแล้วค่ะพี่ตา 5555 

 
เสร็จแล้วเค้าก็พาไปดูคนงานเหมืองเกลือต่อ ที่ทำงานท่ามกลางอุณหภูมิที่เคยพีคถึง 50++°  ร้อนจนขนลุก สงสารคน
สงสารอูฐและลา ไปตอนนางพักเที่ยงกันพอดี สิ่งที่นางอยากได้ แล้วเข้ามาขอกันเยอะๆ คือปากกา แว่นตา และน้ำซึ่ง
ถ้าให้ 1 คน แล้วคนอื่นไม่ได้ก็จะมารุมกัน เลยปฏิเสธไป นางก็มาชวนกินกาแฟแทน 5555 โอ้โห น้ำใจงามทำเรารู้สึกผิดเลย...
 

 
น้องพูดได้หลายภาษานะคะ เพราะโดนล่ามรวม 5555555555 ตลกมั้ยน้า 

 
กาแฟนางเงือกชื่อดังสาขาเอธิโอเปีย 555
 
วันต่อมาคือวันที่เราจะได้เห็นลาวาไหลเดือดปุดๆ Lava Flow คือ Must See ที่สุดของทริปนี้!! ลาวาและภูเขาไฟสีแดงๆ
พร้อมระเบิด เคยอ่านเจอเค้าบอกว่ามีแค่ 6 ที่ในโลกเท่านั้น ที่เราสามารถดูลาวาที่เพิ่งปะทุได้แบบปลอดภัย(มั้ง)
หมายถึงปลอดภัยจากลาวาแต่อย่างอื่นก็เสี่ยงอยู่ คือที่คองโก กัวเตมาลา ฮาวาย ชิลี อิตาลี และที่นี่ เอธิโอเปีย

 
ตอนจองมาก็ไม่รู้หรอกว่าเดินเยอะแค่ไหน รู้แค่ว่าไปดูภูเขาไฟ อีทัวร์ก็ไม่ Mentionไรทั้งนั้น เริ่มจากขับรถเข้าไปใน
ถนน Off Road ถนนเลวร้ายมาก นั่งสองชั่วโมงกว่าแต่รู้สึกเหมือนทั้งชีวิตแต่อีกหน่อยมันน่าจะดีขึ้นเพราะจนจีนมาลงทุนแล้วจ้า
ส่ายไปส่ายมาจากท้องผูกกลายเป็นท้องพร้อมขี้ ระหว่างทางก็ทะเลทราย อูฐ ลา หมา แกะ แพะ เด็กเต็มไปหมด บ้านกันดารๆ
แห้งแล้งมาก ร้อนประมาณ 43° กับรถที่กำลังขับบนหินภูเขาไฟและเรานั่งอยู่ในนั้น! เด็กๆ เอธิโอเปีย มาต้อนรับเราในฐานะ
ทูตยูเอ็น แทนปูไปรยา และเพจท่องเที่ยวชื่อดังแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 55555 เพื่อนบอกเอาที่สบายใจละกัน 5555555
คิดได้บวกมากๆ แบบนี้ใจก็ฮึดสู้ 

 
รถเข้าไปถึงบริเวณ Basecamp ของทหารเอธิโอเปีย จากปากทางตอนประมาณบ่ายสองนิดๆ กว่าจะถึง แคมป์ก็ประมาณ 5 โมงกว่า
แดดเริ่มคล้อยลอยต่ำ นางก็จะให้เราจัดการตัวเองคือใส่รองเท้าผ้าใบล้างหน้าล้างตา เปลี่ยนชุดสบายๆ เตรียมกินข้าว
แล้วก็เตรียมชุดไปเปลี่ยนด้วย ต้องนอนบนภูเขาไฟ โอ้ย ชิค เก๋ คูลๆ เล่าได้อีกนานอะ ไปนอนที่นั่น

 
ประมาณทุ่มครึ่งก็เริ่มเดิน แบกน้ำคนละ 2 ขวดลิตร เสื้อผ้าส่วนตัว อุปกรณ์การนอนของตัวเอง เดินมืดๆ ต้องใช้ไฟฉาย
เดินนำทางไปเรื่อยๆ เพราะมืดมากแต่ดาวเป็นประกายสวยงาม ระหว่างเดินต้องระวัง เพราะคือหินภูเขาไฟสลับกับทราย
เดินยาก ไกด์ก็บอกว่าให้เดินแถวเรียงหนึ่งนะ แบ่งเป็นกรุ๊ปไป ตอนแรกนี่ขออยู่กลุ่มสุดท้าย เพราะมีตรรกะว่า...

ถ้ามันระเบิดตอนเดิน กรุ๊ปแรกๆจะตายกันก่อน ส่วนกรุ๊ปหลังยังพอมีเวลาวิ่งหนีทัน 555555555 ระเบิดปุ๊ป ใส่เกียร์หมาปั๊ป
สรุปตาย ท่าทุเรศอีก แต่เดินๆ ไปยิ่งร้อนยิ่งหงุดหงิด ข้างหน้าก็เดินช้า เสียสเต็ปการเดินมาก รู้ตัวอีกทีมาอยู่กรุ๊ปแรกจ้าา
เห็นจ้ำม้ำแบบนี้การเดินเร็วฉึบฉับๆ มาเป็นที่หนึ่งนะ ช่างตายก็ตาย ประกันจ่าย แม่กูรวยเละเลยโว้ยยยยย

 
เดินขาหนีบสีกันไปประมาณ 3 ชั่วโมงนิดๆ ก็ถึง ถึงไหน? ถึงปากปล่องชั้นแรก 555 มันมีสองชั้นหวะ เค้าก็จะพาเดินกันไป
ปากปล่องชั้นสองที่มีลาวาปะทุ ล่าสุดที่มัน Eruption คือเดือนมกราปี2017 เพราะฉะนั้น บางจุดหินยังไม่แข็ง เปราะมาก
ต้องค่อยๆ เดินกัน เพราะไม่รู้ว่าตรงไหนยังมีแม็กม่าหนืดๆ อยู่ด้านล่าง

 
 
บางจุดที่เดินรู้สึกได้เลยว่าร้อนผิดปกติก็รีบเบี่ยงไป พอเห็นของจริง อีพวกเวอร์ๆ ที่บอกน้ำตาไหล บอกว่าหายเหนื่อยเลยทันที
เนี่ยตอมาก 5555 มันเหนื่อยอยู่โว้ยยย ยืนหอบแห่กๆ แทบทุกคน แค่เปลี่ยนจุดโฟกัส เพราะปากปล่องมันกว้างมาก
ใหญ่แบบไม่เคยเห็นที่ไหน มองลงไปข้างล่างนั้น ลึกประมาณนึง เราจะเห็นลาวาแท้ๆ ไหลวนไปวนมา พร้อมแตก บึ้ม บึ้ม บึ้ม
เป็นจังหวะที่สวยงามมาก ไอร้อนและแสงสีแดงๆ ที่ส่องขึ้นมาด้านบนนั้นเป็น The Dramatic Action of Boiling Lava

ตอนยืนบนปากปล่องรู้สึกเหมือนตัวเองสวยที่สุด เป็น Walter Mitty ออกมาค้นหาโลก เป็นโคลัมบัส จังหวะที่ลาวาไหล
เคลื่อนตัวช้าๆ มหัศจรรย์มากกก เหมือนมาดูรายการสำรวจโลก ยั่วยวนและมีสีสัน ไม่เคยคิดว่าจะได้เห็นของจริง 5555
ดีใจจริงๆนะ ต่อไปนี้ก็ขิงใส่ทุกคนได้ละว่า เคยเห็นลาวาละโว้ย

 
ตอนเดินเนี่ยต้องบอกว่าให้ตั้งใจเดิน มีสติตลอด เพราะพื้นที่ตรงนี้อันตรายมาก นอกจากลาวาแล้วนั้น ยังมีก่อการร้าย
โอ้ยจ่ายเงินให้มาเสี่ยงตายอี้กก เพราะเป็นพื้นที่ชายแดนติดกับประเทศเอริเทรีย พื้นที่ตรงนี้กำลังแย่งกัน ชาว Afar แถบนี้
บางส่วนอยากไปอยู่กับเอทิเรีย บางส่วนอยากอยู่เอธิโอเปีย เค้าบอกว่าเอธิโอเปียมีเสรีภาพมากกว่า แต่นั่นแหละ พวกก่อร้าย
มันก็อยากแยก เผลอๆ ตั้งประเทศใหม่งี้ ช่วงที่ผ่านก็มีการซุ่มยิงระหว่างเดินไปภูเขาไฟด้วยมีตายไป 7-9 คนมั้ง ที่เหลือ
โดนจับเป็นตัวประกันพวกรัฐบาลทั้งหลายประเทศก็ประกาศให้พื้นที่นี่ เป็นพื้นที่อันตราย ควรหลีกเลี่ยงการมาเที่ยวชม
ทำให้ระหว่างเดินต้องมีทหารคุ้มกันหัวท้าย 2 คน แต่รูปร่างทหารนั้นเหมือนพึ่งทำกับข้าวเย็นเสร็จ แล้วก็มาถือปืนคุ้มกันต่อ
คือดูไม่น่าช่วยกูได้เล๊ยยย ขนาดยื่นลูกอมให้ยังวางปืนเลยอะ 555555555 แล้วรองเท้าพี่ทหารคนนี้ก็แสนเก๋กว่าเดิม... 

 
ขาเดินกลับลงมานี่เหนื่อยกว่าเดิม ตอนมานี่เดินมืดๆ ขากลับก็ต้องออกแต่เช้ามืด ไม่งั้นจะร้อนมากๆเดินข้ามเขาหลายโค้ง
หลากลูกมากก็ไม่ถึงซักที ไปกลับเดินรวมกันประมาณ 20 กิโล 6 ชั่วโมงกว่า

บอกเลยว่าเราไม่ใช่สายแบบปีนเขา พิชิตพันยอดดอย แต่ที่เลือกมาที่นี่เพราะลาวา ลาวาล้วนๆ เลยจริงๆ เราเป็นพวกรักสบาย
อนามัยเรื่องห้องน้ำและที่นอน ถ้าต้องปีนขึ้นไปดูพระอาทิตย์ขึ้น ทะเลหมอกงี้ จะไม่ค่อยไฟท์เท่าไหร่ 55555 นานๆ จะอยากไป
ABC EBC หิมาลัยเอเวอเรสต์เนี่ย ‘ไม่ได้-กูหร๊อก’ จะสวยแค่ไหนก็เถอะ บาง Wishlist นี่ก็นะ..... เหมือนเวลาแอบชอบใครซักคน
มันก็ไม่ได้ทุกคนปะ 55555 เพราะฉะนั้นบางDestinations ก็เช่นกัน 😌 ก็ต้องปล่อยให้มันเป็นความฝันลมๆ แล้งๆ ต่อไป

 
เดินตามควายก็โดนควายไล่

 
เดินตามอูฐมันก็ขี้ใส่ ฉันมันคนไม่มีที่ยืน! 
 

 
 

นี่จะเป็นครั้งแรกและครั้งเดียวจริงๆ กับ Erta Ale ภูเขาไฟที่กำลังปะทุและมีลาวาลูกแรกในชีวิตที่เห็น ที่อื่นๆ ก็คงจะได้ไปอีกแน่ๆ
ส่วนที่นี่พอแล้วโว้ยยยย! พูดเลยว่าคุ้มยิ่งกว่าคุ้ม ถ้ามีโอกาสก็ควรมาเด้อออเรายังจำทุกโมเมนท์ที่เดินขึ้นไปกับเพื่อน
อยู่บนนั้น แต่ลงมาได้เป็นอย่างดี

 
 

ใครอยากมาเอธิโอเปียนี่นัดหมอหน้าไว้รอเลยนะ กลับไปปุ๊ป จะได้หาหมอทันที แดดแรงแสบมากๆ โชคดีที่เตรียมมาก์สหน้า
บรรเทาความแสบร้อน55 Beauty Blogger อย่างแพรี่พายและดุจดาวก็แพ้เราที่นี่ คันยุบยิบเต็มหน้า น้ำที่มีให้อาบก็ไหลช้า
กว่าเยี่ยว ฝุ่นเฝิ่นก็บั้งเข้าหน้าเช้าเย็น ทิชชู่เปียกก็เอาไม่อยู่ ผมเป็นกลีบพร้อมฟักไข่เหามากๆ นังอูฐก็ยิ้มเยาะอยู่ด้านหลัง
 
ส่วนวันอื่นๆระหว่างทัวร์ มีบางคืนที่เข้าไปนอนในหมู่บ้าน หรือกินข้าวในหมู่บ้านที่อยู่ในหุบเขา เราจะเจอเด็กๆ เยอะ
แต่ต้องยอมรับตรงๆ ว่าเด็กพวกนี้ไม่ได้น่ารักทุกคน บางคนมาทั้งคำหยาบคายตะโกนด่าเห็นเป็นเรื่องตลก เข้ามาหยิก
มาจับนม จับก้น ของคนในทริปแล้วหัวเราะ หรือโดนสอนมาว่าให้ขอเงินจากพวกนักท่องเที่ยว ซึ่งจริงๆ มันเป็นเรื่องที่ไม่น่ารัก
เลยซักนิด แต่มองอีกมุมนึง เราเชื่อว่าเด็กพวกนี้มันทำไปเพราะความไม่รู้นั่นแหละ ไม่รู้ว่ามันคือความไม่ดี หรือสิ่งที่ไม่ดีที่
ไม่ควรทำ ถ้าสอนได้ก็สอนเด็กๆ มันได้ แต่ถ้าสอนไม่ได้ก็อย่าไปโกรธเลย เพราะจะทำให้เราอารมณ์เสียเปล่าๆ นั่นแหละ

แต่เด็กที่โตขึ้นมาหน่อย นางน่ารักมากๆ เลยนะ เด็กแถวนี้พูดภาษาอังกฤษ ได้ฉะฉานสมวัย ถามได้ตอบได้ สิ่งที่เค้าอยากได้
และเดินเข้ามาขอมากที่สุดคือหนังสือ ปากกา สมุด และพวกเครื่องเขียน ฮืออ ขอโทษไม่ได้เตรียมมาเลย

 
 
ถ้าคิดว่าการได้เห็นลาวาเดือดปุดๆ นั้นคุ้มค่าที่สุดสำหรับทริปนี้นั้น บอกเลยว่าคิดผิด เพราะมันมีดับเบิ้ลคุ้มที่จะจำไปจนตาย
คือฟลามิงโก้!

 
หลังจากจบทัวร์ภูเขาไฟระเบิด4 วันก็กลับแอดดิสฯ เราเว้นไว้นอนโรงแรมที่เป็นโรงแรมมีเตียงจริงๆ 555 แล้วก็ไปต่อ!
เช้าวันถัดมานี่จอง Private Tour เพราะพวกเราเหนื่อยมาก อยากเอกเขนกแบบส่วนตัวๆ

 
เราเลือก Awassa มันเป็นเมืองตากอากาศของที่นี่ มีทะเลสาบ มี Lake สวยๆ และมีซาฟารีอีกนิดหน่อย ตามแพลนมันเขียน
ว่า..'Thousands of flamingos can be seen at various times of the year.' เราก็ ‘เฮ้ เอานี่แหละ’ จะได้เห็นฟลามิงโก้
เป็นพันๆ ตัว คนขับก็ดับฝัน บอกว่ามันเห็นไกลๆ อันตรายด้วย เพราะมันแฉะๆ เป็นน้ำ ไปดูฮิปโปแทนมั้ยหละ เราก็โวยวาย
บอก ฮิปโปบ้านกูก็มี ไปดูฮิปโปมันเห็นไกลๆ ไม่เอา! จะเอาฟลามิงโก้ นางก็ยืนยันว่าไม่ได้ๆ

 
เราเลยบอกว่าตามแพลนสิ! เสนออะไรมาก็ไปอันนั้น ไม่งั้นจะขอเงินคืนนะ นางบอกงั้นก็ได้ แล้วแต่ยู! คนขับก็ขับไปรับทหาร
มาด้วยคนนึง เหมือนเป็นเจ้าหน้าที่อุทยานงี้ ตัวใหญ่ๆ ดำๆ ดูดุ แล้วก็ขับเข้าไปใน Lake Abiatta ถนนขรุขระมาก เค้าบอกปกติ
ไม่พาใครมาหรอกนะ เพราะมันไกล นางขับไปซักพักก็จอดให้ลงเดิน ไม่บอกอะไรทั้งนั้น ตอนนั้นก็เห็นไกลๆ ละ ทะเลสาบกว้าง
และสวยงาม และฟลามิงโก้เยอะมาก น่าจะมีเป็นแสนตัวได้ แต่.. ระหว่างทางก็ชวนตื่นเต้นเหลือเกินน

 
 
จะต้องเดินไป นี่ก็คิดไว้ โอ้ยชิวๆ ภูเขาไฟก็เดินมาละ เดินอีกร้อยโลก็ไหว ปากเก่งมะ 555555555555 มองด้วยตาไกลๆ
มันคือพื้นที่กว้างๆ ที่น้ำแห้งแล้ว เป็นที่ที่สามารถเดินไปได้ ก็เดินลัลล้ากันไปชิวๆ ซักพัก..เริ่มรู้สึกได้ถึงแผ่นดินที่ไม่มั่นคง!
เพื่อนเราลองขย่มพื้นดู ปรากฎว่ามันไหวได้โว้ยยยย พื้นกระเพื่อมต่อกันทั้งแผ่นกว้างๆ ตกใจมากกกก มันเป็นทะเลเก่าที่น้ำ
แห้งไป ด้านบนแข็งๆ แต่ ด้านล่างยังเป็นโคลนเละๆ ซักพัก พรูดดดดด!!!! ขาเราตกคนแรก!!! ‘กูอีกแล้ววว กูอีกแล้ว!!’
 
 
จากตรงที่ขาเราจมนั้น ฟลามิงโก้ยังห่างไกลลล ทุกคนเริ่มถอดรองเท้าเดิน ทหารที่มาด้วยกันมองตาเหมือนบอกเราว่า
"อย่าตกใจๆ ขวัญเอ้ยขวัญมา มากับพี่นะหนูนะ" นางก็บอกให้เราเดินกับนาง ค่อยๆ เดินไป จูงมือกัน เป็นภาพที่โรแมนติกมาก
555555555 เดินกับชายไปดูฟลามิงโก้เป็นแสนๆ ตัว โดยมีคนรับใช้อีก 5 คนเดินตามหลังคอยถ่ายรูป

 
ความรักเริ่มก่อตัว...

 
จากนั้นเสียงก็เริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ "อุ้ยเxี้ย" "เxี้ยๆ" "สั ส ขากู" "เxี้ยยยยย อ้ายยยยย" นั่นแหละ ขาทุกคนลงดินหมด 5555
เพราะมันนิ่มมากๆ นึกว่าเดินอยู่บนบึงบัวหรือผักตบชวาในเจ้าพระยา

 
ซักพักพี่ทหารที่แอคติ้งจูงมือนั้น ก็ผละมือออก บอกว่าดูตรงนี้แหละไกลๆ ใกล้กว่านี้ไม่ได้แล้ว แต่..มันก็ยังไกลอยู่ดี
เหมือนบอกเรากลายๆ ว่า..."ถ้าอยากเดิน เดินเอง! กูรอแถวนี้!" สรุปพวกเราก็เลือกไปต่อ เพราะมาถึงนี่ทั้งทีก็อยากสู้
คนขับกับทหารก็ยืนดูด้วยความสมเพศ 55555

 
ส่วนพวกเราก็เริ่มเดินทางไปดูฟลามิงโก้ใกล้ๆ ยิ่งใกล้ฟลามิงโก้เท่าไหร่ทางเดินยิ่งนิ่ม!!! สรุปไปต่อไม่ได้ คือเดินไม่ได้แล้ว
ต้องน้ำหนักประมาณ 30 ถึงจะเดินได้ เพื่อนที่ผอมสุดยังเดินไม่ได้ แต่!!! ยังไม่ยอมแพ้ เพื่อนอีกคนก็เริ่มหากลยุทธ์ยังไงดี 5555
คนเราทำอะไรก็ต้องมีกลยุทธ์จ้า เพื่อให้ไปถึงชายหาดที่ฟลามิงโก้ส่งเสียงเรียกเรา

 
นางก็เริ่มด้วยการเดิน 4 ขา!! เออ 4 ขาจริงๆ เอาแขนสองข้าง และขาอีกสองข้างเดินไปเรื่อยๆ "เดินแบบนี้ ให้มันถ่ายโอนน้ำหนัก"
เพื่อนเราตะโกนในขณะที่กำลังเดินท่าหมาไปข้างหน้าเรื่อยๆ 555 แล้วคืออะไรรู้มะ มันเหนื่อยมากเดินท่าหมาเนี่ย คนขับเลย
ตะโกนบอกว่า "กลิ้งสิกลิ้ง จะได้เร็วๆ!"

 
 
สรุปเราก็กลิ้ง ก็กลิ้งไปกลิ้ง กลิ้ง กลิ้ง โอ้โห เหนื่อย  สงสารและตลกตัวเองเวอร์ แล้วหน้าดินที่แห้งเนี่ยเป็นเกลือนะ
เหม็นเค็มทั้งตัว

 
 
ส่วนฟลามิงโก้เหมือนมิติคู่ขนาน Stranger Things ได้ยินเสียงไกลๆ เห็นภาพบางเบาแต่ยิ่งคลาน กลิ้ง ก็ไม่รู้สึกว่ามันใกล้ขึ้นเลย
แต่ตอนนั้นทุกคนสู้มาก นึกว่านักรบล้มลุกคลุกคลาน คนขับก็ตะโกนไล่หลังเหมือนแกล้ง 'ไปอีกๆๆๆๆๆๆๆ ด้านหน้ามันแห้ง
แข็งแล้วเดินได้’ 555555555555 เพื่อนที่เตรียมชุดกะมาชิวเต็มที่ เสื้อตัวเก่งตัวแพงก็เหมือนว่ายในโคลนจากคลานท่าหมา
แล้วเดินได้ ทำไปทำมาจมทั้งขาทั้งแขนเลย 5555 ลำบากสุด ไฟท์สุด ภูเขาไฟนี่แพ้ไปเลยเพราะมีทางให้เดิน+ไม่เปื้อน
ส่วนอีมาดูฟลามิงโก้นี่ เปื้อนตั้งแต่ปลายผมที่แตกยันขนที่หัวแม่ตีน ติดพันไปด้วยโคลนและเกลือ

 
ความพยายามกลายเป็นศูนย์ที่แท้จริงห่างแค่เพียงเอื้อมมือแต่มันคือแสนไกล ตลกก็ตลก เนี่ยแหละนะที่ไม่ยอมเชื่อมันแต่แรก
รั้นจะมาจะมา มิน่าหละ ไม่มีนักท่องเที่ยวซักคน แม้จะมีฟลามิงโก้เป็นแสนๆ ตัว อยู่ลิบๆ เราขอยกให้การเดินทางด้วย
ท่าหมาคือที่สุดในทริปนี้ โมโหตัวเองมาก! ฟลามิงโก้เนี่ยสวนสัตว์ก็มี หัวหินเลยพระราม2 บ้านเราไป 2 ชั่วโมงป้อนข้าวได้
นี่คลานตั้งแต่บ่าย2 จนกลับมาที่รถตอนจะ 5โมง แม้แต่ขนหรือจงอยปากนก ก็ยังไม่เห็นใกล้ๆ! จำไว้นะว่าพวกเธอว่า
เอธิโอเปียไม่ใช่ที่สำหรับดูฟลามิงโก้!!!!
 
วันกลับระหว่างทางเดินก็เจอนกอะไรไม่รู้ตัวใหญ่มากและดูน่ากลัว ไม่กล้าเล่นด้วยเลย 

 
ปกติที่เอธิฯ ช้ากว่าไทย 4 ชั่วโมง แต่จริงๆ แล้วมันช้ากว่า 7 ปี 4 ชั่วโมง เพราะประเทศเอธิโอเปียนางนับเวลาเป็นของ
ตัวเองตลอด  เราไปปี 2017 ที่นั่นพึ่งจะปี 2010 ดูประกาศตามป้ายในเมือง ไปเที่ยวที่นี่เหมือนย้อนเวลาตั้ง 7 ปีนะเหวยย 

 
นี่คือร้านกาแฟชื่อดังของเมือง ประเทศนี้เด่นมากเรื่องกาแฟเพราะมันสูงกว่าระดับน้ำทะเล ปลูกอะไรก็อร่อย

 
สตรอเบอร์รี่ก็อร่อย ไม่น่าเชื่อว่าประเทศแห้งแล้งๆ แบบนี้สตรอเบอร์รี่ยังสด ฉ่ำ และถูกมาก กล่องนี้ประมาณ 100 บาท

 
ฟาสฟู๊ดที่นี่ไม่มีจากเมืองนอก แต่มียี่ห้อดังเป็นของตัวเองชื่อว่า Chicken Hut ทุนนิยมที่ไหนๆ ก็แข่งกันทำราคา แต่ที่นี่
มี Hashtag หลักคือ #Chickenhut #mostexpensiveburget #InEthiopia ว้ายยยย เบอร์เกอร์คนรวยไปอี๊กกก

 
นอกจากเวลาที่ช้ากว่าบ้านเรา 7 ปี 4 ชั่วโมง(จริงๆ ช้าแค่ 4)แล้วนั้น เอธิโอเปียยังเป็นประเทศที่ดูเวลาประหลาด คือมันจะนับ
1-12 วนไปเรื่อยๆ สองรอบ งงมะ? เหมือนเริ่มต้นที่ 6 คือ 1 O'Clock แล้วก็นับไปเรื่อยๆไม่มี AM PM อะไรทั้งนั้น 5555555
นางบอกว่าจะมารับตอนเช้า half past four ก็ต้องเข้าใจว่าต้องมารับตอน ตีสี่ครึ่งถูกมะ แต่ผิดนางหมายถึงตอน 10.30 งี้
นับแบบคนแก่อะ แต่พอเห็นนาฬิกาก็งง เลยบอกเอาเวลาสากลเถอะ!

 
นี่ในสนามบินนะ นางขี้เกียจเลยปล่อยกระเป๋าลงมาก่อนแล้วค่อยเดินลงมา 55555 

 
ขอชม Kenya Airways ซะหน่อยว่าผ้มห่มดีมากก อุ่นสบาย เหมือนผ้าห่มที่เอาไว้แจกบนดอยตอนหน้าหนาว
 
สุดท้ายนี้ขอบคุณ 'เอธิโอเปีย' ที่ทำให้รู้สึก เหมือนตอนเรียนจบใหม่ๆ แล้วไปเที่ยวเองครั้งแรก เหมือนตอนใจกล้าไปอินเดีย
ก่อนเริ่มทำเพจ (อะขายของเก่าซะหน่อย ถ้ายังจำกันได้ เราก็คิดถึง   : https://goo.gl/swyJnE) แถมไปกับใครก็ไม่รู้
ที่เจอในพันทิปและไอจีอีก2คน ที่ตอนนี้กลายเป็นเพื่อนไปแล้ว เอ้อ ดีและเด๋อไปอีก 5555

 
รู้สึกเฟรชมากกกกกก ได้ทำอะไรตามใจอยากจริงๆ ปกติเวลาไปเที่ยวก็เต็มที่อยู่แล้ว แต่รอบนี้มันเต็มที่มากกว่าปกติมันได้
ฟีลแบบ เอาวะ ทำๆ ไป มาทั้งที กูอาจจะไม่กลับมาประเทศนี้อีกแล้วก็ได้ 555 มันเต็มจนล้นเลย เจ็บเนื้อเจ็บตัวสะบัดสะบอม
กลับมาบ้านที่ไทยก็ไม่สบายกันต่ออีก ไม่น่าเชื่อว่าคนอย่างเราจะกล้าไปอะไรแบบนี้ สะใจดี ตั้งใจไว้ว่าจะหาประเทศไกลๆ
และแปลกๆ ไปทุกปี แล้วแต่เงินและเวลาจะอำนวยเนอะ 
 
 

 
ปีนี้ประเทศแปลก และไปครั้งเดียวในชีวิตนั้นยังไม่ได้เลือกว่าจะไปไหน
แต่จะทำให้ดีที่สุด เหมือนมารีญา ไปรอมงฯ รอได้เลยยยยย

ส่วนใครจะไปตามรอยเรา อย่าลิมพกลูกอม ซูกัสติดไม้ติดมือไปด้วยนะ
แต่อย่าให้แบบโจ่งแจ้ง ถ้ามีไม่เยอะพอ ค่อยๆ ให้ ให้เสร็จแล้ววิ่งขึ้นรถ!
หรือดีหน่อยก็พวก ปากกา ดินสอ ยางลบ ซื้อเป็นแพ็คๆ ไว้เลย 
เราว่ามีคุณค่ามากสำหรับพวกเค้า แถมเราสามารถซื้อได้ราคาไม่แพงด้วย 

นี่คือน้องหนูที่เดินมาขอปากกาและยางลบแต่เราไม่มี

 
มีคนถามว่า ถ้าทุกที่คือส้วมแล้วมันไปกันทั้งชายทั้งหญิง เวลาจะเข้าห้องน้ำต้องทำไง?
ไม่อยากเลยจ้ะ ง่ายๆ รถไปเป็นคาราวานไป จุดไหนที่จะจอดให้เป็นห้องน้ำก็ง่ายๆ
แค่จอดรถเรียงกัน แล้วไกด์จะตะโกนว่า "ชะนีไปเยี่ยวด้านซ้าย ผู้ชายมาทางขวาค่า"
รถยนต์คือพรมแดนระหว่างสองเพศสภาพ นอกนั้นก็ตามใจค่ะ จะขี้จะเยี่ยวยังไง 
ขอแค่กลับขึ้นรถมาอย่าเหยียบขี้ใครติดมาด้วยก็พอ อิอิ 
 
 
ส่วนค่าเงินของที่นั่น ว่าไม่ได้นะคะว่ามันแพงกว่าบ้านเรา 1 บาทเรา และได้ประมาณ 75 สตางค์
เงินที่นั่นมีหน่วยเป็น Birr แต่สภาพธนบัตรต่างๆ นั้นเหมือนโรงกษาปณ์เจ๊งไปแล้วอะ
เปื่อย ยุ่ยติดมือมาก 5555 เหมือนกระดาษทิชชู่เปียกที่สั่งขี้มูกแล้วเปื่อยกว่าเดิม
แต่จะทิ้งได้ยังไง ในเมื่อมันคือเงิน! เรานี่พยายามไม่จับเลยเพราะดูสกปรก 5555555 
รูดบัตรเครดิตเอา! ค่าเงินต่างกันไม่มาก แถมพวก Visa Mastercard ก็ใช้ได้ทั่วมากกก
แต่ก็ต้องเลือกรูดจากห้าง หรือโรงแรม หรือร้านที่ดูน่าเชื่อถือนะ 
 

 
ถ้ามีคำถามสงสัยตรงหรืออยากปรึกษาว่า "ไปยังไงดีคะ อยากไปแต่เริ่มไม่ถูก" มาถามเราและติดตามได้ในเฟซบุ๊คส่วนตัวเรา
ได้เลยนะที่ ไปไง มาไง (https://www.facebook.com/incaseyouwonderwdwg/) เราตั้งใจว่าจะเขียนในพันทิปด้วย
ถ้าเป็นประเทศโหดๆ และแปลกๆ จะได้รู้และเปิดหูเปิดตากันถ้วนหน้า ถ้าไม่ชอบตามเพจท่องเที่ยวก็รอในพันทิปนี่แหละ
ไว้จะกลับมาใหม่ ขอบคุณมากจ้า
ขอบคุณที่มา: https://pantip.com/topic/37344637
สมาชิกพันทิพ คุณ นางฟ้าหมูน้อย
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
เจ้าหนูบู้บี้'s profile


โพสท์โดย: เจ้าหนูบู้บี้
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
60 VOTES (4/5 จาก 15 คน)
VOTED: lilu, Zoi, ยูยู่ของโบจัง, คุณบี๋, ซาอิ, Tabebuia, karn23, หญิง วังแตก, cutiebarbie, แมวล่ะเบื่อ, zerotype
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
เปิดวาร์ป “เจ๊นุช-เมียหรั่ง” มือซ้าย-ขวา “แม่ตั๊ก” สนิทแค่ไหนต่างชาติถึงกับหัวเราะไม่หยุด เมื่อพบชื่อร้านอาหารไทยสุดครีเอทีฟ แฟนๆ แห่กันอยากไปลองจยย.ตาวัย 76 กลับรถ ถูกบรรทุกเทเลอร์ชนไฟลุกไหม้ดับคาที่ตะลึง!อายุแค่นี้เองหรือ เปิดเผยอายุจริงของแม่ตั๊ก-ป๋าเบียร์ ไม่ได้แก่ตามที่คิดรวมภาพเรียกรอยยิ้มประจำวันนี้ วันที่มีฝนพรำๆฉ่ำเย็น ตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว เพื่อนๆระวังเป็นหวัดกันด้วยน๊าการค้นพบเหรียญทอง มูลค่ามหาศาล ในยุคโรมัน ใต้โรงละครเครสโซนีของประเทศอิตาลีเด็กหญิงวัย 6 ขวบถูกจระเข้ลากในน้ำขณะว่ายน้ำเล่นสายมูมาดู วิธีแก้ดวงตกกับวัดชื่อดัง ได้ผลจริง ไม่ถูกหมอดูหลอกชื่อ'เกาหลี'มาจากไหน?กรุ๊ปเลือดบอกนิสัย ทายนิสัยจากกรุ๊ปเลือดชายไต้หวันวัย 50 ปีเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ระยะที่ 3 เพราะนิสัยกลั้นอุจจาระตั้งแต่อายุประมาณ 20 ปีเพจดังหลุดใบ้ นางเอกเตรียมหย่าสามี ยื้อเพื่อลูกมานาน ชาวเน็ตพูดชื่อนี้
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
สรยุทธ ปาดน้ำตา “อาลัย 3 ครูผู้เสียสละ” กอดปกป้องเด็กจนนาทีสุดท้ายสูตรมะนาวดอง "แบบง่าย"จยย.ตาวัย 76 กลับรถ ถูกบรรทุกเทเลอร์ชนไฟลุกไหม้ดับคาที่สายมูมาดู วิธีแก้ดวงตกกับวัดชื่อดัง ได้ผลจริง ไม่ถูกหมอดูหลอกชายไต้หวันวัย 50 ปีเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ระยะที่ 3 เพราะนิสัยกลั้นอุจจาระตั้งแต่อายุประมาณ 20 ปี
กระทู้อื่นๆในบอร์ด เรื่องตลก ขำขัน
รวมภาพเรียกรอยยิ้มประจำวันนี้ วันที่มีฝนพรำๆฉ่ำเย็น ตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว เพื่อนๆระวังเป็นหวัดกันด้วยน๊าเมื่อแม่ทำเสียงแปลก ๆ ตอนกินฝรั่ง จนลูกนึกว่าฝรั่งติดคอแม่ ที่ไหนได้......🤣เมื่อนักเรียนเห็นข้อสอบคณิตวันเเรก อาการมันเป็นยังไงไหนเล่าซิ 🤣รวมภาพเรียกรอยยิ้มประจำวันนี้
ตั้งกระทู้ใหม่