ค่ายรถยนต์ “จีเอ็ม” เผยขาดทุนฯ กว่าแสนล้านในปี 2017
6 ก.พ. 2561 เจเนรัล มอเตอร์ หรือจีเอ็ม (GM) ผู้ผลิตยานยนต์สัญชาติอเมริกัน เปิดเผยตัวเลขขาดทุนสุทธิ 3,864 ล้านดอลลาร์ (ราว 123,648 ล้านบาท) ในปี 2017 โดยสาเหตุหลักมาจากการจัดเก็บภาษีแบบใหม่และการดำเนินงานที่ถูกยกเลิกไป
จีเอ็มรายงานว่าปัจจัยใหญ่มาจากการเรียกเก็บเงินที่ไม่ใช่เงินสด จำนวน 7,300 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเกี่ยวพันกับการวัดค่าใหม่ของสินทรัพย์ภาษีเงินได้รอการตัดบัญชี ที่มีต้นทางมาจากการปฏิรูปภาษีของรัฐบาลสหรัฐฯ และอีก 6,200 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นผลจากยอดขายซบเซายาวในโซนยุโรป
จีเอ็มซึ่งมีฐานอยู่ในเมืองดีทรอยต์ รัฐมิชิแกน ได้ขายหน่วยธุรกิจรถยนต์ต่างชาติ 2 หน่วย ได้แก่ โอเปิล (Opel) ในเยอรมนี และวอกซ์ฮอลล์ (Vauxhall) ในสหราชอาณาจักร เมื่อปีก่อน เพื่อพยายามตีตัวออกจากตลาดที่ไม่สร้างเงินรายได้ให้กับบริษัท
“ปี 2017 ถือเป็นปีแห่งการเปลี่ยนแปลงหลังจากเราทำสิ่งต่างๆ เพื่อเสริมสร้างธุรกิจหลักให้แข็งแกร่งและเดินหน้าวิสัยทัศน์ด้านยานยนต์ส่วนบุคคลให้ชัดเจนยิ่งขึ้น” แมรี่ บาร์รา ประธานกรรมการและซีอีโอของจีเอ็มกล่าว “เราจะทำตามแผนการที่วางไว้และปรับปรุงบริษัทให้อยู่ในจุดที่ประสบความสำเร็จระยะยาว”
ทั้งนี้ ยอดขายรถยนต์ทั่วโลกของจีเอ็มในปีก่อนอยู่ที่ 8.9 ล้านคัน เพิ่มขึ้น 0.8 เปอร์เซ็นต์จากปี 2016 และส่วนแบ่งทางการตลาดในตลาดหลัก 3 แห่งของบริษัท ได้แก่ สหรัฐฯ จีน และอเมริกาใต้ ก็ปรับตัวสูงขึ้น
ยอดขายรถยนต์ของจีเอ็มและบริษัทร่วมทุนบนแผ่นดินจีนแตะ 4 ล้านคันเป็นครั้งแรก ด้านป่าวจวิ้น (Baojun) และบิวอิคก์ (Buick) รวมถึงคาดิลแลค (Cadillac) ก็มียอดขายสูงเป็นประวัติการณ์ พบอัตราขยายตัวกว่า 51 เปอร์เซ็นต์