วัดกระแสต้านรัฐบาล คสช. 4 กลุ่มหลากปัญหา ยิ่งจับยิ่งลุกฮือ
จับตารัฐบาล คสช.ขาลง เผชิญวิฤตศรัทธา ระบุ “4 กลุ่ม” หลากปัญหาถาโถม ทั้งกลุ่มต้านเผด็จการ กดดันให้จัดการเลือกตั้ง กลุ่มนักศึกษา คณาจารย์ นักสิทธิมนุษยชน ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากโครงการภาครัฐ และเครือข่ายต่อต้านถ่านหิน หลายภาคส่วนแห่ค้านการสั่งจับผู้ชุมนุม ชี้เหตุ “บิ๊กตู่” ยอมถอย เพื่อลดแรงกดดัน ชะลอโรงไฟฟ้าเทพา ด้านนักวิชาการชี้แนวคิดแบบทหารจะนำไปสู่ความรุนแรง ถึงที่สุดเผด็จการจะอยู่ไม่ได้!
ณ วันนี้ต้องยอมรับว่า กระแสความไม่พอใจรัฐบาล คสช. ที่กดดันสั่งสมมานานเริ่มระเบิดออกมาให้เห็นพร้อม ๆ กัน ซึ่งกลุ่มต่าง ๆ ที่ได้ออกมาชุมนุมเคลื่อนไหวด้วยหวังจะส่งเสียงให้ดังขึ้น โดยเพิกเฉยต่อคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 3/2558 ห้ามการชุมนุมหรือมั่วสุมทางการเมืองตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป จนนำไปสู่การดำเนินคดีกับมวลชนที่ออกมาเคลื่อนไหว และอาจกลายเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดแนวร่วมต่อต้านรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มากขึ้น
ขณะที่ ผศ.ประสาท มีแต้ม นักวิชาการด้านพลังงาน ตั้งข้อสังเกตว่า ที่ผ่านมารัฐบาลมักมองผู้ชุมนุมว่าเป็นผู้ก่อความวุ่นวาย ทั้งที่เขามาเรียกร้องให้รัฐบาลแก้ปัญหาความเดือดร้อน รัฐจึงใช้มาตรการทางกฎหมายเข้ามาจัดการ มีการจับกุมดำเนินคดี โดยหลงลืมไปว่าแรงกดจะเท่ากับแรงต้านเสมอ ซึ่งปัญหาที่ผ่านมาของรัฐบาล คสช.ก็คือ ฟังแต่ข้าราชการ แต่ไม่ฟังเสียงประชาชน
“บางเรื่องรัฐบาลรับปากไว้ก่อนที่จะเข้ามาบริหารประเทศ อย่างเรื่องการปฏิรูปพลังงาน แต่จะ 4 ปีแล้วรัฐบาลก็ไม่ทำ ประชาชนจึงออกมาประท้วง แต่รัฐบาลกลับมองผู้ชุมนุมเป็นผู้บ่อนทำลายชาติ ประเมินพลังประชาชนผิดพลาดการจะเป็นนายกฯ ที่ดีต้องฟังประชาชน ไม่ใช่พูดให้ประชาชนฟัง หรือใช้แต่อำนาจสั่งการแบบระบบทหาร ซึ่งแนวคิดเช่นนี้จะยิ่งนำไปสู่ความรุนแรง ประวัติศาสตร์ก็เคยมีบทเรียนแล้วว่าท้ายที่สุดเผด็จการจะอยู่ไม่ได้” ผศ.ประสาทกล่าว
จากนี้คงต้องติดตามต่อไปว่าการเคลื่อนไหวของมวลชนกลุ่มต่าง ๆ จะขยายวงออกไปมากน้อยเพียงใด และรัฐบาลจะรับมือกับสถานการณ์เช่นนี้อย่างไร ไม่ให้กลายเป็นน้ำผึ้งหยดเดียว !