หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม แต่งรูป คำคม Glitter สเปซ ไดอารี่ เกมถอดรหัสภาพ เกม วิดีโอ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

กว่าจะได้เป็นทหารกรุข่า!! ที่ได้ชื่อว่า เก่งและโหดที่สุดในโลก

โพสท์โดย warrior B

ทหาร กูรข่าเป็นส่วนหนึ่งของกองทัพอังกฤษมาประมาณ 200 ปีครั้งแรกคือในสงครามพินดารี(Pindaree War )ปี1817 ในสงครามโลกครั้งที่ 1 ทหารกูรข่าจำนวน 100,000 นายได้เข้าร่วมในกองพลกูรข่า ในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 มีทหารกูรข่าจำนวน 40 กองพัน จำนวน 112,000 นาย ได้เข้าร่วมรบกับกองทัพอังกฤษและกองทัพประเทศในเครือจักรภพอังกฤษเสียชีวิตในสงครามโลกครั้งที่ 2 ไป 43,000 นาย และมี 26 นายได้เหรียญกล้าหาญวิคตอเรีย ครอส ซึ่งเป็นเหรียญกล้าหาญชั้นสูงสุดของอังกฤษ

ภายหลังการแบ่งแยกดินแดนของอินเดียในปี1947(แยกออกเป็นอินเดีย ปากีสถาน บังคลาเทศ) กองกำลังกูรข่าจำนวน 6 กองพลได้ตัดสินใจที่จะอยู่กับกองทัพอินเดีย ในขณะที่กองกำลังที่เหลือ ได้แก่ กองกำลังที่ 2 กองกำลังที่ 6 กองกำลังที่ 7 และกองกำลังที่ 10 เข้าร่วมกับกองทัพอังกฤษในวันที่1 มกราคม 1948

กองกำลังกูรข่าได้เข้าไปปฏิบัติการในไซปรัส เมื่อตุรกีได้รุกรานประเทศนี้ ปฏิบัติการในสงครามหมู่เกาะฟอล์คแลนด์ เซียร่าเลโอน สงครามอ่าวเปอร์เซีย บอสเนีย โคโซโว อิรัก อัฟกานิสถาน ปัจจุบันมีทหารกูรข่าประมาณ 3,800นายอยู่ในกองทัพอังกฤษ(ข้อมูลปี2012) และประจำในอินเดีย30,000นาย ทหารกูรข่ามีคติว่า “Better to die than be a coward” (ยอมตายดีกว่าอยู่อย่างคนขลาด) ชื่อ กูรข่า (Gurkha) มาจากชื่อเมืองภูเขา ‘Gorkha’ ซึ่งเป็นเมืองที่คนเนปาลรวมชาติและขยายอาณาจักร ลักษณะนิสัยของคนเนปาลคือในยามปกติเป็นคนที่มีเมตตา แต่ถึงคราวรบก็รบกันจริงๆ จังๆ

การคัดเลือกทหารกูรข่าเข้าประจำการซึ่งมีมาตั้งแต่ปี 1857 หรือ พ.ศ. 2400 จะเริ่มในเดือนสิงหาคม-มกราคมที่แคมป์ทหารอังกฤษเมืองโพคราทางตะวันตกของเนปาล ยอดรับอยู่ที่ 200-230 คน มีคนสมัครสอบซึ่งเดินทางลงมาจากเขาและที่ราบรวมกันปีละ17,000-28,000 คนจากทั่วเนปาลบางคนมาจากสิงคโปร์ นั่นคือเฉลี่ยแล้วจะสอบได้ 1 คนจาก 104 คน (สอบตก 103 คน)ในเนปาลคนที่สอบผ่านเป็นทหารกูรข่าได้ถือเป็นเกียรติอันยิ่งใหญ่ ทหารกูรข่ามีกำหนดประจำการ 15-30 ปี หลังจากนั้นจะถูกส่งกลับเนปาล และได้เงินบำนาญประมาณ 1/6 ของทหารอังกฤษ ซึ่งรัฐบาลอังกฤษอ้างว่า ค่าครองชีพในอังกฤษแพงกว่าเนปาล 6 เท่า ทุกวันนี้มีทหารอังกฤษที่เคยร่วมรบกับทหารกูรข่าและแนวร่วมรณรงค์ให้มีการจ่ายบำนาญเท่าทหารผ่านศึกอังกฤษ


ภาพอาวุธของชาวกูรข่าซึ่งเป็นน้อยชาติในโลกที่รบชนะอังกฤษ ทำให้อังกฤษจ้างมาเป็นทหาร


ภาพทหารกูรข่า ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกองทัพอังกฤษมาประมาณ 200 ปี มีชื่อเสียงในเรื่องความกล้าหาญ การเชื่อฟัง ความมีวินัย ความอดทน และไปไหนก็ต้องมี “มีดคูกรี (Kukri)” ขนาด 20 นิ้ว (50.8 เซนติเมตร)ไปด้วย

(ร่องหยักตรงปลายด้ามจับทำไว้เพื่อดักเลือดที่เปื้อนมีดให้เลือดหยดออกจากคมมีดไปก่อนไม่ให้ไหลมาเปื้อนมือซึ่งทำให้ลื่น มีดสองด้ามเล็กๆนั้น อันหนึ่งไม่ใช่มีดแต่เป็นเหล็กเอาไว้ลับมีด ส่วนอีกด้ามเอาไว้ใช้แล่หนังสัตว์และขูดไขมันออกจากหนังสัตว์)

(ภาพจาก http://www.ayo-gorkhali.org/index.php/gurkhas/recruits-best-of-the-best/)

การ คัดเลือกจะมี 2 รอบใหญ่ๆ ได้แก่ รอบแรกเลือกจากการทดสอบคนภูเขา (hill selection) คนที่สอบผ่านจะต้องสอบรอบสองที่สนามกลาง (central selection) “ว่า ที่ทหาร” เหล่านี้ส่วนใหญ่เดินเท้าจากภูเขาเข้าเมือง 1-3 วัน ส่วนน้อยนั่งรถมา การคัดเลือกมีหลายรอบ กินเวลาตั้งแต่สิงหาคมจนถึงธันวาคมหรือมกราคมของทุกปี เกือบทุกรายมาจากที่ราบสูง 4,000-12,000 ฟุต (การอยู่ในที่ราบสูงระดับนี้อาจทำให้ร่างกายปรับตัวโดยเพิ่มความเข้มข้นเม็ดเลือดแดง เพื่อให้นำออกซิเจนได้มากพอในเวลาออกแรง-ออกกำลัง )

การสอบเข้าเป็นแบบ “น็อคเอาท์ (knock-out)” หรือแบบ “แพ้-คัดออก” แทบจะทุกขั้นตอน กรรมการสอบจะเขียนหมายเลขบนหน้าอกด้วยหมึกที่ลบไม่ออกใหม่ทุกเช้า ถ้าสอบไม่ผ่านไม่ว่าจะขั้นตอนใดก็ถือว่าตกต้องรอปีต่อไป(ปัจจุบันได้ยกเลิกการเขียนหมีกบนหน้าอกไปแล้ว)


(ภาพจากhttp://nickfleming.com)

การทดสอบขั้นแรกเรียกว่าHill selection จะเป็นการตรวจสอบคุณสมบัติของผู้สมัครคือ ต้องมีอายุ17ปี6เดือน-21ปี ส่วนสูงไม่ต่ำกว่า158ซม. น้ำหนักตัวอย่างน้อย50กก. มีการตรวจร่างกายเบื้องต้นก่อนหากใครที่มีท่าทีว่าไม่แข็งแรงหรือมีอาการป่วยเป็นโรคความดันโลหิตสูง หูอักเสบหรือแก้วหูทะลุ ฟันผุ ฯลฯ จะถูกคัดออกทันที รอบอกขั้นต่ำ 31 นิ้ว (78.74 ซม.)

และต้องขยายในท่าหายใจเข้าอย่างน้อย 2 นิ้ว(5.08 ซม.) เพื่อคัดคนที่มีโอกาสเป็นวัณโรคออกไป (คนที่เป็นวัณโรคตอนเด็กและได้รับการรักษาไม่ดีซึ่งพบมากในเนปาล ส่วนหนึ่งจะมีแผลเป็นในปอดและเยื่อหุ้มปอด ทำให้ปอดขยายตัวได้น้อยลง) อุดฟันไม่เกิน 2 ซี่ และฟันห่างหรือฟันหลอไม่เกิน 2 ตำแหน่ง ผ่านการทดสอบการมองเห็น-การได้ยินอย่างดีเยี่ยมและการทดสอบความรู้คือต้องสื่อสารภาษาอังกฤษได้



(ภาพจากhttp://nickfleming.com)

เมื่อผ่านการทดสอบในรอบนี้แล้วผู้ผ่านการคัดเลือกจะต้องไปสอบรอบที่2 ที่ ค่ายทหารBritish Gurkhas Pokhara เมืองโพครา



รูปประตูทางเข้าแคมป์เพื่อไปสอบ(ภาพจาก http://nickfleming.com/)

การคัดเลือกรอบที่2 1. จะมีการสอบภาษาอังกฤษ คณิตศาสตร์ ซึ่งพัฒนาข้อสอบให้ยากขึ้นเรื่อยๆจนเทียบเท่า GCSE ทุกขั้นตอนต้องผ่านอย่างน้อย 50% 2.การทดสอบความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ (Initiative test )



(ภาพจากhttp://www.ayo-gorkhali.org/index.php/gurkhas/recruits-best-of-the-best/)

3.ทดสอบสมรรถภาพร่างกาย ดังนี้คือดึงข้อบาร์เดี่ยว13ครั้ง


ซิทอัพ 25 ครั้งใน1นาทีกับกระดานไม้เอียง45องศา มือประสานไว้หลังท้ายทอย ทั้งหมด2เซ็ต


ซิทอัพท่างอเข่ามือกอดอกเป็นรูปกากบาท ต้องทำโดยเฉลี่ย70ครั้งใน2นาทีคนที่ทำได้น้อยกว่านี้มักจะสอบตก

วิ่งระยะทาง1ไมล์ครึ่ง(ประมาณ2.4ก.ม.) ในเวลาไม่เกิน 14 นาที (ผู้ที่ผ่านส่วนใหญ่จะทำเวลาอยู่ที่10นาที)



(ผู้วิ่งถึงเส้นชัยจะได้แท่งไม้เขียนหมายเลขระบุตำแหน่งว่าได้ที่เท่าไหร่)

ขนทรายขึ้นเขาที่สูงชัน ซึ่งจะเริ่มแข่งทันทีที่พระอาทิตย์ขึ้น คณะกรรมการจะชั่งทราย 35 กิโลกรัมไว้ล่วงหน้า 1 วัน (ถ้าชั่งนานอาจทำให้น้ำหนักไม่เท่ากันจากความชื้นได้)กติกาคือ ต้องใช้หัวแบกกระสอบทรายแบบลูกหาบหรือ โดโค เรซ (Doko race : Doko = ตะกร้าสำหรับลูกหาบ race = การแข่งขัน) ระยะทางราว4.8ก.ม.ภายใน35นาที บางปีจะเป็นการขนหินโดยใช้ก้อนหินจากแม่น้ำ30กก. ขึ้นเขา3ก.ม.ภายใน30นาที



(ภาพจาก http://yajeeb.blogspot.com/2011_10_01_archive.html)

4.การสอบสัมภาษณ์เป็นลำดับสุดท้าย หลังจากนั้นจะเป็นการประกาศผลว่าผู้สมัคร (candidate) จะได้รับการคัดเลือกเป็นทหารใหม่ (recruit) หรือไม่ ผลสอบจะมี 3 อย่างได้แก่ ‘British army’ = ทหารสหราชอาณาจักร (หมู่เกาะอังกฤษ), Gurkha Contingent of the Singapore Police Force (GCSPF) = ตำรวจสิงคโปร์ซึ่งมีอัตราผู้สอบผ่านประมาณ70คน , หรือ ‘try again next year’ = พยายามใหม่ปีหน้า โดยตั้งแต่ปี2009จำนวนผู้สอบผ่านเข้า’British army’ มีอัตราลดลงตามลำดับคือ ปี2009มีผู้สอบผ่าน230คน ปี2010-2012 ผ่าน178คน ปี2013ผ่าน126คน (ข้อมูลจากBritishForcesNews)

Ris Bahadur Thapa อายุ18ปี (ผู้เข้าสอบปี2005)ร้องไห้เมื่อไม่ผ่านและต้องเดินทางกลับบ้าน เค้ามาจากสิงคโปร์และคุณพ่อเป็นตำรวจกูรข่าสิงคโปร์ ”ผมเติบโตโดยเฝ้ามองพ่อมาตลอด และต้องการเป็นเหมือนพ่อ ในเนปาลการได้เป็นทหารกูรข่าถือเป็นเกียรติสูงสุด ผมผิดหวังมาก ผมคิดว่าจะสามารถผ่านการทดสอบได้ไม่ยาก แต่มันไม่เป็นอย่างนั้น เช้านี้ผมเลือดกำเดาไหล มันเป็นความโชคร้าย พ่อของผมต้องผิดหวังมากแน่ๆเพราะท่านตั้งความหวังกับผมไว้มาก ครอบครัวคงจะให้ผมอยู่ที่เนปาลต่อและผมจะฝึกฝนร่างกายใหม่ และกลับมาเข้าสอบในปีหน้าด้วยร่างกายที่สมบูรณ์และแข็งแกร่งยิ่งขึ้น”

หลัง จากนั้นทหารใหม่ (recruit) จะต้องทำพิธีสาบานต่อหน้าพระบรมฉายาลักษณ์สมเด็จพระราชินีเอลิซาเบธที่2 วางมือแตะธงยูเนียนแจ๊คของสหราชอาณาจักร (UK) ในฐานะกองทหารประจำการเป็นเวลา3ปี


ก่อนพวกเค้าจะเดินทางไปยังอังกฤษทางครอบครัวจะจัดพิธีอำลา โดยการทำพวงมาลาจากดอกดาวเรืองคล้องคอพร้อมกับผ้าพันคอเชื่อว่าเป็นการนำโชคมาให้แก่”ทหารใหม่”และแสดงถึงความเคารพ


หลังจากนี้ผู้ที่ผ่านเป็นทหารใหม่ต้องเข้าอบรมเป็นเวลา 9 เดือนที่Infantry Training Centre เมือง Catterick ในยอร์คไชน์เหนือ ซึ่งมีทั้งการฝึกภาคสนาม การใช้อาวุธ เทคนิคสงครามรูปแบบต่างๆ การผจญภัย เช่น การเอาตัวรอดในถ้ำ ฯลฯ เน้นการทดสอบให้ทนแดด ทนฝนและการอดนอน โดยแยกเนื้อหาหลักๆได้ดังนี้

• อบรมภาษา (3 เดือน)
• ทักษะทางทหาร
• ประเพณีและวัฒนธรรมตะวันตก
• General skill at arms
• ทดสอบสมรรถภาพทางร่างกายในหลายรูปแบบ
การฝึกส่วนใหญ่จะทำภายใต้การฝึกอบรมของ “กูรูจี (กูรู = ครูในภาษาสันสกฤต; จี = ใหญ่ อาจเป็นคำตระกูลธิเบต-พม่า ซึ่งเดิมเป็นชนภูเขาที่ครอบครองอาณาเขตที่แผ่ไปตามภูเขาหิมาลัยถึงเนปาล ตอนเหนือครึ่งบนของพม่าปัจจุบัน และธิเบต)” ครูฝึกเป็นคนกูรข่าด้วยกัน และจะทำหน้าที่เป็น “ว่าที่พ่อ” ในงานพิธีทางศาสนาฮินดู และต่างๆ ของทหารใหม่ทุกนาย

เป็นภาพการไปเรียนรู้วัฒนธรรมแบบอังกฤษเป็น 1 ใน “การฝึก” ของทหารใหม่ในช่วงวันหยุด ภาพนี้เป็นภาพถ่ายในศูนย์การค้า Farnham เรียกการฝึกนี้ว่าPahilo Kadam หมายถึงก้าวแรก( first walk ) ในการเรียนรู้ความเป็นอยู่ของคนอังกฤษ

ส่วนหนึ่งของการฝึก (Day trip) คือไปที่ไบรทัน (Brighton) ซึ่งคนภูเขาจะได้เห็นทะเลเป็นครั้งแรกในชีวิต เรียกการฝึกนี้ว่า acclimatisation (climate = อากาศ บรรยากาศ; acclimatise = ปรับตัวให้เข้ากับสภาพอากาศ หรือบรรยากาศ)
การฝึกสารพัดรูปแบบนี้ แม้แต่คนอังกฤษ (ในภาพ) ก็ยังงงว่า จะเป็นส่วนหนึ่งของการฝึกได้อย่างไร แต่การฝึกแบบนี้มีไว้เพื่อป้องกัน “การช็อคทางวัฒนธรรม (cultural shock)” หลักการคือ เมื่อคนเราปรับตัวให้เข้ากับวัฒนธรรมที่ต่างออกไป (cross-culture) ได้ ความเครียดจากการถูกส่งไปเป็นแนวหน้าทั่วโลกจะลดลง ไม่ว่ารบที่ใด ทหารกูรข่าจะถูกสั่งให้อยู่ข้างหน้า และอยู่ใกล้ๆพวกกระสุนหรือกับระเบิด ซึ่งเป็นหน้าที่ที่ “ต้องทำ” เสมอ



การฝึกใช้มีดคูกรี


รูปการ ฝึก ‘Farmer’s walk’ = การเดินแบบอาจารย์ฟาร์เมอส์ (farm = ฟาร์ม; farmer = ชาวไร่ ชาวนา) การ ฝึกแบบนี้คือให้ถือของหนักๆแล้วเดินไปข้างหน้า

คลิปการฝึก


กองตำรวจกูรข่าสิงคโปร์ (Gurkha Contingent of the Singapore Police Force) ตั้งขึ้นในปี 1949 หรือ พ.ศ. 2492 โดยคัดเลือกจากอดีตทหารกูรข่าในกองทัพอังกฤษ เพื่อแทนที่กองตำรวจซิกข์จากอินเดียหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 สิงคโปร์ใช้ GCSPF เป็นหน่วยปราบจลาจล และใช้ในการป้องกันภัย เช่น การประชุมนานาชาติ กองตำรวจกูรข่าสิงคโปร์มีบทบาทในการควบคุมสถานที่สำคัญแทนตำรวจทั่วไปหลังเหตุการณ์ 11 กันยายน 2544 ซึ่งมีการระเบิดตึกเวิร์ลเทรด เซนเตอร์ในสหรัฐฯ ประเทศในอาเซียนที่มีกองทหารกูรข่าประจำ คือ บรูไน


ทหารกูรข่ากับมีดคูกรี (Kukri) ซึ่งเดิมถือว่าถ้าชักออกจากฝักแล้วต้องให้มัน “กินเลือด” สมัยก่อนถ้าชักออกมาแล้วเชือดคนอื่นไม่ได้ ทหารกูรข่าจะเชือดตัวเองนิดหน่อย พอให้มีดได้กินเลือด สมัยนี้ไม่ค่อยจะถือธรรมเนียมนี้แล้ว คือใช้แทนมีด(ทหาร)สวิสที่ใช้มากคือใช้ทำกับข้าว


เจ้าชายแฮร์รีทรงร่วมฝึกกับทหารกูรข่า ทหารมืออาชีพกล่าวว่า พระองค์ทรงมีความเป็นนายทหารกูรข่า มีระเบียบวินัย และความรู้ความสามารถแบบที่กูรข่าควรมีทหาร กูรข่ารุ่นเดียวกันจึงพร้อมใจกันถวายมีด “คูกรี” ไว้ประจำพระองค์ ซึ่งจะทำให้ชาวกูรข่านับญาติ (เปรียบคล้ายทรงเป็นกษัตริย์ของทหารกูรข่า) และทรงเป็นทหารกูรข่าที่รวยที่สุดในโลก


(ภาพจาก http://www.ghostofaflea.com/archives/2007_07.html)

เจ้าชายแฮรี่เสด็จไปร่วมฝึกกับกองพลที่3 Battalion,Royal Gurkha Rifles ที่จะเข้าร่วมรบในสงครามอิรั

กและทรงร่วมปฏิบัติภารกิจในฐานปฏิบัติการทหารกูรข่าในสงครามอิรัก-อัฟกานิสถาน 10 สัปดาห์

ถ้าทหารกูรข่าเลือกได้ คงจะทูลขอให้พระองค์ในฐานะ “กษัตริย์ของชาวกูรข่าโดยธรรม” ทรงรณรงค์เรื่องสิทธิอันชอบธรรมที่ทหารผ่านศึกควรได้มากกว่า การที่พระองค์ทรงร่วมฝึกกับทหารกูรข่า มีส่วนทำให้สังคมอังกฤษตื่นตัวในเรื่องความยุติธรรมเพิ่มขึ้นอย่างมาก

ในปี 2550 มีการรับทหารกูรข่าจากผู้หญิงเนปาลเป็นปีแรกซึ่งเปิดรับทั้งหมด 50 คน มีขึ้นหลังจากกระทรวงกลาโหมอังกฤษเปลี่ยนแปลงกฏหมายเกณฑ์ทหารให้สอดคล้องกับการไม่เลือกปฏิบัติทางเพศ มีคนสมัคร 15,106 คน ผู้สมัครส่วนใหญ่เป็นลูกหาบมาก่อนบางส่วนเป็นอดีตสมาชิกกองโจรติดอาวุธของกบฏนิยมเหมา


(ภาพจาก http://www.telegraph.co.uk/news/worldnews/1558844/First-female-Gurkhas-start-their-training.html )

ผู้หญิงที่ได้รับเลือกไม่เพียงต้องสติปัญญาดี ร่างกายต้องฟิตด้วย เพราะในการประเมินผลซึ่งใช้เวลานาน 3 สัปดาห์ ผู้สมัครหญิงจะต้องผ่านการฝึกคัดเลือกที่โหดหินที่สุดแห่งหนึ่งของโลก คือดึงข้อบาร์เดี่ยว (high beam) 14 ครั้ง , กระโดดขึ้นลงม้านั่ง (bench jump) 75 ครั้งใน 1 นาที, ซิท-อัพ (sit-ups) 70 ครั้งใน 2 นาที อุดฟันไม่เกิน 2 ซี่ และมีฟันห่างหรือฟันหลอไม่เกิน 2 ตำแหน่ง ผ่านการทดสอบการมองเห็น-การได้ยิน สื่อสารภาษาอังกฤษคล่องและต้องทำข้อสอบภาษาอังกฤษและคณิตศาสตร์ที่แสนยาก รวมทั้งต้องวิ่งขึ้นภูเขาหิมาลัยเป็นระยะทาง3ไมล์( 4.8 กิโลเมตร) โดยแบกหินหนัก 22.7กิโลกรัมไว้บนหลัง หลายคนบ่นว่าแค่หอบสังขารวิ่งขึ้นภูเขาไกล 5 กม.ก็แทบตายแล้วนี่ยังต้องแบกหินขึ้นไปด้วยอีกต่างหาก

สาววัย 19 ปีคนหนึ่งบอกว่า สาเหตุหลักที่อยากเข้ากองทัพอังกฤษคือเงินเดือน เพราะชาวเนปาลทั่วไปมีรายได้เฉลี่ยแค่ 1 ดอลลาร์ หรือ 35 บาทต่อวัน แต่ถ้าเธอได้เป็นทหารอังกฤษ เธอจะได้เงินมากกว่าเดิมถึง 20 เท่า เธอมองว่าในที่สุดผู้หญิงก็ได้โอกาสเท่าเทียมผู้ชาย นับเป็นช่วงประวัติศาสตร์สำหรับผู้หญิงเลยทีเดียว ผู้ผ่านการคัดเลือกจะได้เงินเดือนขั้นต้น1,000 ปอนด์ (ประมาณ53,000 บาท) ซึ่งมีการประกันว่า จะไม่ตกงาน 15 ปีพร้อมการเลื่อนขั้น ได้บำนาญ และที่สำคัญที่สุดคือ ได้พาสส์ปอร์ตเป็นคนอังกฤษ ทหารกูรข่าผู้หญิงจะได้รับการทำงานในหน่วยวิศวกรรม สื่อสาร และส่งกำลังบำรุง ไม่ต้องเป็นพลปืน

ทีนี้ทำไมทหารกูรข่าจึงกล้าหาญมากๆ นพ.วัลลภ พรเรืองวงศ์ ผู้เขียนบทความได้ให้ความเห็นว่า เรื่องนี้คล้ายทหารสวิสซึ่งเป็นนักรบรับจ้างมาก่อนเช่นกัน กลไกที่เป็นไปได้คือ

(1) ชาติที่เป็นคนภูเขามีแนวโน้มจะรบเก่ง เมื่ออังกฤษยึดพม่าได้ก็จ้างกะเหรี่ยงเป็นนักรบคล้ายๆ กัน แต่ไม่เหมือนกันกัน เพราะเป็นการจ้างเฉพาะที่ ไม่ได้ใช้รบไปทั่วโลกนาน 200 ปีแบบกูรข่า

(2) คนกูรข่ามีธรรมเนียมว่า “ตายเสียดีกว่าขี้ขลาด” ปลูกฝังมาแบบนี้หลายๆ ชั่วอายุคน ทำให้เกิดโปรแกรมฝังลึกทางวัฒนธรรมประเภท “ต้องรบ หรือไม่ก็ตาย ขายหน้าไม่ได้” และโดยปกติจะไม่ไว้ชีวิตเชลยจะสังหารด้วยการตัดคอ

(3) ประวัติที่ไม่เคยตกเป็นเมืองขึ้นอังกฤษ แม้จะรบแพ้ในAnglo-Nepalese(1814-1816)แต่ก็จบลงด้วยการทำสนธิสัญญา Sugauli(สูญเสียดินแดนไปบางส่วนแต่ก็รักษาเอกราชไว้ได้)และอังกฤษยอมรับในฝีมือจนจ้างมาเป็นทหาร ทำให้ชาวกูรข่าภาคภูมิใจ

(4) ผลตอบแทนที่ได้คุ้มค่า ไม่ว่าจะเป็นชื่อเสียงเกียรติยศ รายได้ โอกาสในชีวิตอีกมากมาย เช่น มีโอกาสขอสัญชาติอังกฤษได้ในอนาคต ฯลฯ ผลตอบแทนนี้แรงมากเมื่อเทียบกับการอยู่ในเนปาล ซึ่งหางานทำยากมากๆ

(5) การที่กองทหารกูรข่ามาจากคนชาติพันธุ์เดียวกัน ทำให้ต้องรบเต็มที่ เพราะมีส่วนทำให้คนอื่นที่เป็นชาติพันธุ์เดียวกันรอดตาย หรือคนรุ่นต่อไปมีโอกาสหารายได้จากกองทัพอังกฤษ หรือประเทศอื่นๆ ต่อไป

(6) เดิมเนปาลมีวรรณะ สูงสุดคือพราหมณ์ รองลงไปคือกษัตริย์ โดยเฉพาะถ้าบรรพบุรุษเป็นวรรณะกษัตริย์ = นักรบแล้ว การได้เป็นทหารถือว่า มีเกียรติสมกับที่เป็นคนจากวรรณะกษัตริย์ หรือถ้ามาจากวรรณะต่ำกว่าก็เท่ากับได้เลื่อนชั้นวรรณะ โดยสมเด็จพระราชินีอังกฤษทีเดียว

รายได้เฉลี่ยต่อหัวในเนปาลอยู่ที่ 873ปอนด์/ปี = 60,495บาท/ปี = 5,041 บาท/เดือน (ข้อมูลปี2555อ้างอิงจากhttp://www.dtn.go.th/ ) เงินเดือนทหารอังกฤษเริ่มต้นที่ 17,000 ปอนด์/ปี

(อ้างอิงจากhttp://www.armedforces.co.uk/armypayscales.htm) =791,097บาท/ปี =65,924.75บาท/เดือน ซึ่งมากกว่ารายได้ชั้นดีในเนปาลประมาณ13เท่า

อาจารย์กฤษณะ กุมาร์ ปัน ทหารผ่านศึกกุรข่า เจ้าของโรงเรียนติวสอบกูรข่าในกาฏมัณฑุให้สัมภาษณ์ว่า เงินบำนาญที่ได้ (น้อยกว่าทหารอังกฤษอย่างน้อย 6 เท่า) จริงๆ แล้วก็ไม่ค่อยพอใช้ เนื่องจากบำนาญไม่ได้ปรับตามภาวะเงินเฟ้อ นอกจากนั้นเรื่องสำคัญคือ อะไรๆ ในอังกฤษก็ฟรี ตั้งแต่ค่าเล่าเรียนฟรี ค่ารักษาพยาบาลไม่แพง (เป็นระบบร่วมจ่าย คือ รัฐบาลจ่ายส่วนหนึ่ง คนไข้จ่ายส่วนหนึ่งสมทบกัน)

⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
warrior B's profile


โพสท์โดย: warrior B
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
20 VOTES (4/5 จาก 5 คน)
VOTED: ซาอิ, llHackll, คำผาด
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
สุดกร่าง ผลักมาสคอตตกน้ำ เกือบไม่รอด3 นักษัตรที่การเงินเด่น มีโชคด้านการลงทุน เสี่ยงดวงช่วงนี้ปลัดทรงสืบ แฝงนั่งชิลล์อยู่ริมหาดจอมเทียน เจอเหตุรัวปืนเขมรมาเหนือเมฆ เรียกประชาชนที่อยู่รอบนครวัดมาให้ทำการปรับปรุงบ้านใหม่ ให้เน้นรูปทรงบ้านให้เป็นทรงโบราณ นักท่องเที่ยวมาเที่ยวจะได้ฟินๆสื่อเขมรแสบ? ปั่นข่าวว่าคนไทยเก็บสร้อยเพชรของ"แจ็คสัน หวัง"ได้แล้วไม่คืน!ชาวเน็ตแห่แชร์ หนุ่มประกาศขายบ้านด่วน!..เหตุผลสุดอึ้งออกหมายจับ นักร้องชื่อดัง คู่ปรับ เสรีพิศุทธ์ชาวกัมพูชา เดือดทั้งประเทศ ถ่ายรูปล้อเล่นกับรูปปั้นม้าน้ำสาวสอบติดครู ร้องไห้หนัก เหตุบนลิเกไว้ 4 วัด เข่าทรุดหลังรู้ราคาลิเก
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
ลุงโวยสาวเอาสุนัขขึ้นรถไฟใต้ดินได้ยังไง ก่อนจะรู้ว่าความจริง ทำเอาหน้าชา อายหน้าแดงไปเลยพบแล้ว คนขับรถไถขึ้นจอดในห้างดังสื่อเขมรแสบ? ปั่นข่าวว่าคนไทยเก็บสร้อยเพชรของ"แจ็คสัน หวัง"ได้แล้วไม่คืน!"หมอโอ๊ค" ออกมาให้ความรู้..ถ้าต้องอยู่กลางแจ้ง ควรใส่เสื้อสีอะไร?
ตั้งกระทู้ใหม่