เรียนรู้การวิ่งของพี่ตูน กับ ฟอร์เรสท์ กัมพ์
ในขณะทุกคนกำลังอินกับการวิ่งของพี่ตูนเพื่อช่วยเหลืิอ 11 โรงพยาบาลทั่วประเทศ โดยมีบางคนก็เอาไปเทียบกับการวิ่งของฟอร์เรส กัมพ์ ซึ่งก็อาจจะเป็นการทำภาพขำๆ แต่ไหนๆ ก็เป็นการถือโอกาสหยิบเอาแง่มุมของการวิ่งของฟอร์เรส กัมพ์ มาเล่าสู่กันฟังกันซะเลย
สำหรับพี่ตูนการวิ่งของเขาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น ความกล้า มีเป้าหมายอย่างชัดเจน นั่นคือวิ่งเพื่อเงินบริจาค เพื่อช่วย รพ. ทุกคนเมื่อเห็นความมุ่งมั่นของพี่ตูนแล้ว ก็ชื่นชมและพร้อมเข้าร่วมสมทบทุนอย่างล้นหลาม ประหนึ่งฮีโร่
แต่สำหรับฟอร์เรส กัมพ์นั้นแตกต่างจากพี่ตูนอย่างสิ้นเชิง เพราะมูลเหตุในการวิ่งของกัมพท์นั้น ไม่ได้เป็นอะไรมากกว่า การอยากวิ่งเท่านั้น ไม่มีเหตุผลรองรับในการวิ่ง แต่ถ้าเราจะวิเคราะห์จิตใจกัมพ์ ก็เพราะเขารู้สึกผิดหวังจากความรัก ที่แฟนสาวของเขาหนีหายออกจากบ้านไป
เขาจึงเลือกวิ่งอย่างไม่มีจุดหมาย ไม่มีเป้าหมายที่ชัดเจน วิ่งเพราะอยากวิ่ง วิ่งเพราะอยากทิ้งอดีตไว้ข้างหลังก่อนที่จะก้าวไปข้างหน้า เขาวิ่งข้ามรัฐ ข้ามแม่น้ำ ไปกลับอย่างไร้จุดหมาย วิ่งเพราะอยากได้สัมผัสของการวิ่งเพียงเท่านั้น
อย่างไรก็ตามการวิ่งของกัมพ์ได้ปลุกแรงบันดาลใจให้กับผู้คนอีกมากมาย ทำให้คนอื่นออกวิ่งตามอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย เขาออกวิ่งอยู่ 3 ปี อย่างไร้จุดหมาย จนกระทั่งพอจะหยุดวิ่งก็หยุดเอาเสียดื้อๆ
ถึงแม้ว่าการวิ่งของพี่ตูนและฟอร์เรสจะต่างกรรมต่างวาระกัน แต่สิ่งหนึ่งที่การวิ่งทั้งสองคนเหมือนกัน คือ การปลุกกระตุ้นและให้ความหวังต่อผู้คน ฟอร์เรส กัพท์ นั้นเป็นตัวแทนของประชาชนคนหนึ่งที่ถึงแม้จะไม่มีเป้าหมายในชีวิตชัดเจน แต่ทุกโอกาสที่เขาได้รับเขาจะทำเต็มที่อย่างไม่ลดละ ไม่เว้นแม้กระทั่งการวิ่งก็ตาม ถ้าจะเลือกวิ่งแล้วก็วิ่งให้สุดตัว
ส่วนพี่ตูนนั้นเป็นประชาชนคนหนึ่งที่มีความเชื่อมั่นช่วยเหลือผู้คนในโรงพยาบาล เขาจึงออกมาทำอย่างที่ใจเรียกร้องให้ทำ ถึงแม้ว่าจะถูกวิจารณ์จากหลายฝ่าย แต่ถ้ามองแค่สิ่งที่เขาต้องการทำเท่านั้น ก็เป็นสิ่งที่บริสุทธิ์สำหรับคนธรรมดาคนหนึ่งที่มีสองมือสองเท้าและหัวใจที่เปี่ยมล้นอย่างน่าศรัทธา
ดังนั้นการวิ่งของคนทั้งสองคนคือการมอบความหวังให้ผู้คน ในการทำอะไรก็จงทำให้สุดแรงความสามารถไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค์เพื่อมอบสิ่งดีให้กับตัวเองและสังคม กัมพ์วิ่งเพื่อก้าวไปข้างหน้าและทิ้งอดีตไว้ข้างหลัง ส่วนพี่ตูน วิ่งเพื่อสร้างโอกาสในการช่วยเหลือคนอื่นมากมาย การวิ่งทั้งสองคนได้สร้างแรงบันดาลใจชั้นดีให้กับคนอื่น เป็นสัญลักษณ์ของคนเข้มแข็ง
อย่างน้อยแค่เราได้เห็นพวกเขาออกวิ่ง ไม่ว่าจะมีจุดหมายอะไร…