SC Asset ครองแชมป์บ้านราคา 20 ล้านขึ้นไป
มาสำรวจตลาดบนกันบ้างว่าภาวะบ้านเดี่ยวราคาแพงเป็นอย่างไรกันบ้าง ผลสำรวจบอกว่า บมจ.เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น ครองแชมป์กลุ่มบ้านเดี่ยวที่มีราคาตั้งแต่ 20 ล้านบาทขึ้นไป
ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธานกรรมการบริหาร ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก.เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส (www.area.co.th) สำรวจพบว่าในกลุ่มตลาดบ้านราคาแพงโดยเฉพาะบ้านเดี่ยวราคา 20 ล้านบาทขึ้นไปนั้น บมจ.เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น สามารถขายได้มากที่สุดในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2560 ปกติบริษัทแห่งนี้มักจะครองตำแหน่งเบอร์หนึ่งในตลาดบนเรื่อยมา
ในรอบ 9 เดือนแรกของปี 2560 บมจ.เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น สามารถขายบ้านเดี่ยวราคาเกิน 20 ล้านบาทได้ 94 หน่วย รวมมูลค่า 3,007 ล้านบาทหรือหน่วยละ 31.984 ล้านบาท นับว่าสามารถครองส่วนแบ่งตลาดได้ถึง 26% ของทั้งหมดในระดับราคาเดียวกันคือเกิน 20 ล้านบาทขึ้นไป จำนวน 402 หน่วย รวมมูลค่า 11,676 ล้านบาท ส่วนอันดับสองก็คือ บมจ.แลนด์แอนด์เฮาส์ ขายได้ 108 หน่วย ๆ ละ 23.609 ล้านบาท รวมมูลค่า 2,550 ล้านบาท (22% ของทั้งตลาด) ส่วนอันดับสามคือ บมจ.พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค ขายได้ 45 หน่วย รวมมูลค่า 1,116 ล้านบาท (10% ของทั้งตลาด) หรือมีราคาหน่วยละ 24.8 ล้านบาท
นอกจากนั้น บมจ.ชาญอิสระ ดีเวล็อปเมนท์ ขายได้ 11 หน่วย ๆ ละ 76.885 ล้านบาท นับว่าเป็นราคาที่สูงที่สุดที่มีการขายได้โดยเฉลี่ย และขายได้ในมูลค่ารวม 846 ล้านบาท สำหรับในตลาดรวม ยังมีบริษัทใหญ่ ๆ อื่น ๆ ที่ร่วมขายบ้านราคาเกิน 20 ล้านบาทขึ้นไปอีกหลายแห่ง ได้แก่ บมจ.แสนสิริ บมจ.เอพี (ไทยแลนด์) บมจ.อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ บมจ.ควอลิตี้เฮ้าส์ และ บมจ.อารียา พรอพเพอร์ตี้ ยิ่งกว่านั้นยังมีบริษัทนอกตลาดอีก 20 แห่งที่สามารถขายได้รวมกัน 87 หน่วย รวมมูลค่า 2,506 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนรวม 21% ของทั้งตลาด และมีหน่วยขายที่ขายในราคา 28.810 ล้านบาท
มูลค่ารวมของตลาดบ้านเดี่ยวราคา 20 ล้านบาทขึ้นไปนี้มีสัดส่วนที่ขายได้ในปี 2560 (เฉพาะ 9 เดือนแรก) มีอยู่ถึง 11,676 ล้านบาท ในขณะที่บ้านราคาไม่เกิน 1.5 ล้านบาท ขายได้ในรอบ 9 เดือนที่ผ่านมาประมาณ 15,154 หน่วย หรือหน่วยละ 1.2 ล้านบาท รวมมูลค่า 18,184 ล้านบาท แสดงให้เห็นว่าตลาดสินค้าบ้านราคาแพง มีสัดส่วนเกือบเท่ากับตลาดสินค้าราคาถูกทั้งตลาดเลยทีเดียว ในยุคปัจจุบันผู้ซื้อบ้านราคาปานกลางค่อนข้างถูก มีกำลังซื้อน้อยกว่าสินค้าราคาแพงที่ยังไม่ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจในปัจจุบันนั่นเอง
ที่มา: https://goo.gl/L4QEny