“แปร์ลาแชส” สุสานโลกตะลึง !!! คนคลั่งรุมจูบสุสานโดนสั่งปรับเกือบครึ่งล้าน!!!

สงสัยละสิว่า ใครนะที่ตายไปแล้ว มีคนบ้าคลั่งถึงขนาดรุมแห่จูบจนลิปสติคเลอะเทอะขนาดนั้น “ไมเคิล แจคสัน” หรือ เปล่าครับ ไม่ใช่ เพราะคนตาย เขาตายไปนานแล้ว นับถึงวันนี้ 114 ปีแล้วละครับ

งั้นเป็นใคร ? และ “แปร์ลาแชส” สุสานโลกตะลึง นี้อยู่ที่ไหน ตามมาเลยครับ ผู้เขียนจะพาท่านผู้อ่าน เดินทางข้ามน้ำ ข้ามฟ้าไปยังมหานครที่ยิ่งใหญ่และทันสมัยที่สุดแห่งหนึ่งในกลุ่มประเทศยุโรปครับ นั่นก็คือ “กรุงปารีส” แห่งประเทศฝรั่งเศสนั่นเอง

เมื่อมาถึงฝรั่งเศส แน่นอนว่า หลายคนคงจะมองหาสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของที่นี่ และดูเหมือนที่เที่ยวแรกๆที่หลายคนนึกถึงก็คงเป็น พิพิธภัณฑ์ลูฟร์ อาร์กเดอทรียงฟ์เดอเลตวล หรือ ประตูชัยฝรั่งเศส และหอไอเฟล ซึ่งเป็นหนึ่งในสิ่งก่อสร้างที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลกนั่นเอง

และถ้าหากว่า ไกด์ไม่แนะนำ หรือท่านไม่ทราบมาก่อนในชีวิต พลาดไปเที่ยวที่นี่ คุณจะรู้สึกผิดหวังและเสียดายมากมาย จนแทบจะอยากกลับไปใหม่ เพราะ “สุสานแปร์ลาแชส” หรือ “สุสานตะวันออก” นั้น เป็นสุสานที่ใหญ่ที่สุดของกรุงปารีสและเป็นหนึ่งในสุสานที่มีชื่อเสียงมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก

สุสานนี้มีทางเข้าหลายประตู แต่ประตูหลัก (Porte Principale) อยู่บนถนน Boulevard de Menilmontant

ที่ขึ้นมาจาก metro ป้าย Père-Lachaise

สุสานแปร์ลาแชส ตั้งอยู่ทางด้านตะวันออกของกรุงปารีส โดยสุสานแห่งนี้มีพื้นที่กว่า 118 เอเคอร์

โดยตั้งอยู่ทางด้านตะวันออกของกรุงปารีส ดังนั้นบางครั้งจึงมีอีกชื่อเรียกหนึ่งของสุสานแห่งนี้ว่า สุสานตะวันออกขณะที่สุสานมงมาร์ต (เคยเขียนถึงไปแล้วในฉบับก่อน ) จะเป็นสุสานเหนือ และสุสานมงปาร์นาสส์ จะเป็นสุสานใต้

สำหรับชื่อของสุสานนั้น มาจากชื่อของบาทหลวง บาทหลวงฟรองซัวร์ เดอ ลาแชส พระผู้รับฟังคำสารภาพบาปประจำองค์กษัตริย์หลุยส์ที่ 14 ซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินเริ่มต้นของสุสานแห่งนี้ ต่อมาที่ดินนี้ถูกซื้อโดยเทศบาลประจำเมืองเพื่อทำเป็นสุสานในปี 1803 ก่อสร้าง โดย นโปเลียน ในปี 1804 ภายในสุสานมีหลุมฝังศพกว่า 33,000 หลุม เป็นที่ฝังศพของผู้มีชื่อเสียงในสาขาต่างๆ อาทิ การเมือง วิทยาศาสตร์ ดนตรี วรรณกรรม เช่น พรุสต์ (Proust) บาลซัค (Balzac) หรือนักประพันธ์เพลงอย่างโชแปง (Chopin) บิเซต์ (Bizet) รอสซินี (Rossini) และออสการ์ ไวลด์ (Oscar Wilde) นักเขียนและกวีคนสำคัญชาวไอริชที่มีผลงานการเขียนบทละคร และ เรื่องสั้นเป็นจำนวนมาก

ในช่วงแรก สุสานแห่งนี้ ไม่เป็นที่นิยมของคนเมืองปารีสเท่าใดนัก อันเนื่องมาจากห่างไกลจากศูนย์กลางกรุงปารีสในสมัยนั้นมาก จนกระทั่งนโปเลียนนำชิ้นส่วนกระดูกบุคคลสำคัญอย่าง โมลีแอร์ (Molière) นักเขียนบทละคอนชื่อดังในศตวรรษที่ 17 หรือคู่รักอันฉาวโฉ่แห่งยุคกลางอย่าง ปิแอร์ อาเบลาร์ (Pierre Abélard) และเอโลอิส (Héloïse) ซึ่งกรณีหลังยังคงเป็นข้อถกเถียงกันอยู่ว่า สุสานของทั้งคู่ที่แปร์ลาแชสนี้ มีกระดูกของทั้งคู่อยู่จริงหรือไม่ หรือเป็นเพียงแค่อนุสาวรีย์รำลึก เท่านั้น

หลุมศพของเอดิต ปียัฟ (Édith Piaf) นักร้องชื่อดัง

สำหรับเรื่องราวของ “ปิแอร์ อาเบลาร์” นั้น เขาเป็นนักปรัชญา เทววิทยา และตรรกศาสตร์ คนสำคัญในประวัติศาตร์ยุคกลางของยุโรป แต่ชื่อเสียงอีกด้านหนึ่งที่โด่งดังและเป็นที่จดจำในประวัติศาสตร์เช่นกันคือ โศกนาฏกรรมความรักของเขากับเอโลอิสที่เป็นหนึ่งในลูกศิษย์ของเขาด้วย ความสัมพันธ์เชิงชู้สาวของทั้งคู่ จบลงด้วยการมีลูกชายนอกสมรสหนึ่งคน อาเบลาร์ถูกลุงของฝ่ายหญิง ส่งคนไปทำร้ายและถูกจับตอน ส่วนเอโลอิสถูกจับให้บวชเป็นนางชี แต่บั้นปลายชีวิตทั้งคู่ ยังติดต่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นผ่านทางจดหมาย จนกระทั่งอาเบลาร์เสียชีวิตในปี 1142 เอโลอิสจัดการดำเนินเรื่องให้ร่างของอาเบลาร์มาฝังยังโบสถ์แห่งพาราคลีท ที่นางเป็นอธิการิณีประจำอยู่ และร่างของนางก็ได้ฝังข้างอาเบลาร์เมื่อนางได้เสียชีวิตในอีกยี่สิบปีต่อมา ช่วงปฏิวัติฝรั่งเศส สถานที่ฝังศพของทั้งคู่ถูกรื้อทำลาย และด้วยเส้นทางคลุมเครือ สุดท้ายสุสานแปร์ลาแชสก็ได้ประกาศว่าชิ้นส่วนอัฐิของทั้งคู่ถูกนำมาฝังที่หลุมศพในสุสานแห่งนี้

แต่สุสานที่มีคนคลั่งไคล้มาที่สุด และมีคนแห่มาจูบจนลิปสติคเปื้อนไปทั่ว และที่ตรงอวัยวะเพศของรูปปั้น ที่สร้างขึ้นมาด้วยศิลปะประกอบสุสานนั้นถึงกับขาดหายไป ก็คือสุสานของ “ ออสการ์ ไวลด์” นักเขียนคนดังที่ครั้งแรก ศพของเขาถูกฝังอย่างอนาถา กว่าจะเอามาฝังที่นี่ได้ ก็ต้องใช้เงินบริจาคและขายงานเขียนของเขาเพื่อเอาเงินมาซื้อที่ฝังศพตรงนี้

แต่ 100 ปีให้หลัง แทบไม่น่าเชื่อว่า จะมีผู้คนมาคลั่งไคล้ ตัวเขามากมาย จนกลายเป็นเอกลักษณ์ของสุสานไปในที่สุด

รอยจูบและข้อเขียนที่เลอะเต็มสุสานของออสการ์ไวลด์

ออสการ์ ไวลด์เป็นกวีและนักเขียนบทละครชื่อดังชาวไอริช แห่งศตวรรษที่ 19 แต่มาเสียชีวิต ในฝรั่งเศสขณะอายุแค่เพียง 46 ปี เท่านั้นเอง ซึ่งนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ที่มีโอกาสมาเยือนหลุมฝังศพออสการ์ ไวลด์ โดยเฉพาะเหล่าๆสาวๆที่คลั่งไคล้ออสการ์ ไวลด์ต่างหลั่งไหลมาจูบหลุมฝังศพ จนลิปสติกเปรอะเปื้อนเรี่ยราดจนถึงขั้นเจ้าหน้าที่ต้องสร้างกำแพงแก้วขึ้นมาป้องกันแฟนๆของออสการ์ ไวลด์กันเลยทีเดียว

“ออสการ์ ไวลด์” เป็นใคร ทำไมผู้คนจึงคลั่งไคล้กันถึงขนาดนั้น เรามาทำความรู้จักกันกับสุดยอดคนตายที่มีคนเป็นมากมายเป็นล้านๆคนรุมรักคนนี้ครับ

“ออสการ์ ไวลด์” เป็นนักเขียนชาวไอริช เกิดเมื่อ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2397 ในสมัยปลายยุควิคตอเรีย เกิดที่เมืองดับลิน ประเทศไอร์แลนด์ ในครอบครัวชนชั้นสูงที่ไม่ยึดถือในขนบธรรมเนียมประเพณี บิดาเป็นศัลยแพทย์ผู้ใจบุญชื่อ เซอร์ วิลเลียม ไวลด์ มารดาเป็นนักเขียนและกวีนักชาตินิยมชื่อ เจน ฟราเซสกา เอลจี

สมัยเด็กๆ ออสการ์ ไวลด์ เป็นเด็กที่มีผลการเรียนโดดเด่นจนได้รับทุนการศึกษาเข้าเรียนที่วิทยาลัยแมกดาเลน แห่งมหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด (Magdalen College, Oxford) ระหว่างนี้เขาเขียนบทกวีส่งประกวดจนได้รับรางวัล Newdigate Prize จากบทกวีเรื่อง “Ravenna” หลังจากเรียนจบ ไวลด์กลับบ้านเกิด และตกหลุมรักหญิงสาวคนหนึ่ง ต่อมาเมื่อทราบว่าหล่อนหมั้นกับ บราม สโตเกอร์ (Bram Stoker ผู้แต่งเรื่อง “แดรกคูลา”) เสียแล้ว เขาเสียใจมาก จึงตัดสินใจเดินทางออกจากไอร์แลนด์ท่องเที่ยวไปยังกรุงลอนดอน ปารีส ประเทศสหรัฐอเมริกา และใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่ที่ปารีสอย่างหรูหราจน ไวลด์แต่งงานเมื่ออายุ 30 มีบุตรชายสองคน

ออสการ์ ไวลด์ สมัยที่ยังมีชีวิตอยู่

ต่อมาเขาตกหลุมรักกับเด็กหนุ่มจนถูกพิพากษาจำคุกสองปีด้วยความผิดฐานรักร่วมเพศ ชื่อเสียงเกียรติยศของเขา ย่อยยับป่นปี้ไม่มีเหลือเพราะความรักของเขาที่ผิดเพศครั้งนี้ เพราะผู้คนสมัยนั้นรับไม่ได้ ก่นด่าประณาม ภายหลังที่ออกจากคุก สุขภาพทั้งกายและใจของเขาทรุดโทรม และเขาเลือกที่จะออกนอกประเทศอังกฤษไปใช้ชีวิตในฝรั่งเศสจนเสียชีวิตที่นั่น โดยไม่เคยกลับมาเหยียบแผ่นดินเกิดอีกเลย

ในบั้นปลายชีวิต “ออสการ์ ไวลด์” ล้มละลายหมดเนื้อหมดตัว และเสียชีวิตด้วยโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบเมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2443 ขณะอายุได้ 46 ปี ตอนแรกศพของเขา ถูกฝังแบบอนาถาที่สุสานเมืองบานเยอ ต่อมาได้อาศัย เงินจากการบริจาคและได้มีการนำผลงาน De Profundis ของเขาที่เขียนสมัยถูกคุมขังที่เรือนจำเมืองเรดดิ้ง โดยเป็นเขียนในรูปแบบจดหมายเหตุ ถึง “ลอร์ดอัลเฟรด ดักลาส” ซึ่งเป็นคู่รักของเขา นำมาขายเพื่อตีพิมพ์ จนได้เงินพอที่จะซื้อที่ฝังศพในสุสานแปร์ลาแชสและได้ปฏิมากรจาคอป เอปสไตน์ เป็นผู้ออกแบบรูปปั้นลักษณะคล้ายเทพารักษ์ที่พระราชวังหลวงของพระเจ้าอาซูร์นาซิปาลที่ 2 (Ashurnasirpal II) แห่งจักรวรรดิอัสซีเรีย ซึ่งเป็นหนึ่งในผลงานชิ้นสำคัญที่จัดแสดงที่พิพิธภัณฑ์แห่งบริติช

เมื่อเลอะเทอะมากมายขนาดนี้ จึงจำเป็นที่จะต้องสั่งห้ามในปัจจุบันและปรับแพงมาก

หลุมศพของเขาที่สุสานแปร์ลาแชสเปิดให้สาธารณะชนได้เยี่ยมชมเป็นครั้งแรกในปี 1914 และอยู่รอด ปลอยภัยมาอยู่หลายปี จนกระทั่งเข้าสู่ยุค 60 ที่ส่วนที่เป็นอวัยวะเพศของรูปสลักถูกทำลายแล้วสูญหายไปอย่างไร้ร่องลอย นอกจากนั้นก็เกิดกระแสยกย่องเชิดชูไวลด์เป็นวีรบุรุษสำหรับกลุ่มรักร่วมเพศ จนเกิดความนิยมที่จะมาเยี่ยมชมไวลด์แล้วประทับรอยจูบลิปสติกหรือใช้ปากกาเขียนคำชื่นชม

ไวลด์เป็นนักเขียนที่มีไหวพริบปฏิภาณอย่างยอดเยี่ยม เจ้าคารมคมคายไม่แยแสศีลธรรม และขนบธรรมเนียมประเพณี เป็นนักสุนทรียศาสตร์สุดขั้ว ที่เชื่อว่างานศิลปะจะต้องตัดสินกันที่ความงามเท่านั้น โดยไม่ต้องคำนึงถึงเรื่องอื่นใด เขาสร้างสรรค์ผลงานไว้อย่างหลากหลาย ทั้งบทกวี นิยาย เรื่องสั้น แต่ผลงานสร้างชื่อของเขาส่วนใหญ่เป็นบทละคร ผลงานที่สำคัญได้แก่ นิยายอื้อฉาวเรื่อง “The Picture of Dorian Gray”บทละครเรื่อง “The importance of being earnest” และ “Lady Windermere’s Fan, An Ideal Husband”ตลอดชีวิตของ ออสการ์ ไวลด์ เขาเขียนนิยายเพียงเรื่องเดียวเท่านั้น หากแต่ว่ามันได้รับการถ่ายทอดแปลออกไปหลายภาษา และเป็นนิยายที่หลายคนบอกว่า อ่านยาก ไม่สนุก แต่ถ้าหากเราทำความเข้าใจกับคนเขียนและนิยายเรื่องนี้ เราจะพบว่ามันถ่ายทอดตัวตนและความคิดของเขาออกมาในรูปแบบนิยายตรงไป ตรงมาแต่ว่าภาษาสวยงามมาก จนแม้กระทั่งคนที่ดัดจริตเป็นผู้ดี รับเรื่องแบบนี้ไม่ได้ก็ยังต้องแอบอ่านแบบที่ไม่ละอายใจตัวเองเลย

หลุมฝังศพของออสการ์ ไวลด์ที่สุสานแปร์ลาแชส

จากวันนี้ เมื่อย้อนกลับไป ถึงวันที่ ออสการ์ ไวลด์ ตายจากโลกนี้ไป อีกไม่กี่เดือนข้างหน้าก็จะครบ 114 ปีพอดี แต่ทุกวันนี้ โลกแห่งกวี โลกแห่งคนที่รักการอ่าน ยังไม่เคยมีใครลืมเลือนเขาไปได้ และในวันครบรอบวันตายของ ออสการ์ ไวลด์ ทุกวันที่ 30 พ.ย.ของทุกปี ที่หลุมศพของเขาจะเต็มไปด้วยดอกไม้มากมายที่คนมาฝากเอาไว้เพื่อแสดงความอาลัย และในทุกวันที่สุสาน แปร์ลาแชส สุสานที่โด่งดังที่สุดในโลกแห่งนี้

หากใครจะเดินทางไปเยี่ยมชม “สุสานแปร์ลาแชส” ที่นี่จะมี เวลาเปิด-ปิดประตูสุสาน แบ่งเป็น 2 ฤดูกาล ฤดูร้อนเปิด 08.00 น. ปิด18.00 น. ฤดูหนาว เปิด 09.00 น. ปิด 17.30 น.มีสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน Metro 3 สถานีที่อยู่ไม่ไกลจาก ประตูทางเข้าทั้ง 3 ด้านของสุสาน คือ สถานีGambetta สถานี Pere Lachaise และ สถานี Philippe Augusteใกล้ๆ กับสถานี Gambetta ภายในสุสานมีบรรยากาศคล้ายๆกับสวนสาธารณะที่ บรรยากาศร่มรื่น สงบเงียบ มีไม้ดอก ไม้ยืนต้น ปลูกเรียงรายอย่างสวยงาม ในทุกๆปีจะมีผู้คนจากทุกสารทิศทั่วโลกเดินทางมาที่สุสานแห่งนี้อย่างไม่ขาดสาย

แต่เมื่อไปถึงแล้ว ก็อย่แอบไปเขียนอะไร หรือฝากรอยจูบเอาไว้ล่ะ เพราะว่าการกระทำเช่นนั้น อาจจะทำให้ท่านถึงกับติดคุกหัวโตก็ได้

เพราะในปัจจุบันนี้ ไม่มีการอนุญาตให้นักท่องเที่ยวมาฝากรอยจูบรำลึกไว้อีกต่อไป และหากใครมาทำอะไรเสียหายอีกจะต้องถูกปรับ ประมาณ 9000 ยูโร หรือ 360,000 บาท

เกือบครึ่งล้านบาทเลยนะครับท่าน….!!!