ขนมไทยโบราณที่หากินยากมากที่สุดในปัจจุบัน
ขนมโบราณในไทยปัจจุบัน มีอยู่มากมายหลายอย่าง
ซึ่งขนมโบราณทั้งหมดที่นำมาฝากเพื่อนๆ
ต่างก็เป็นขนมโบราณ ที่หาทานได้ยากในปัจจุบัน
1.ขนมหม้อตาล
ขนมโบราณ ที่ใช้ในพิธีแต่งงาน เรียกว่า “หม้อเงิน หม้อทอง”
ตัวถ้วยขนม ผสมแป้งสาลี น้ำเย็น ไข่แดง กรุแป้งในพิมพ์หม้อตาล
อบให้สุกไส้ ผสมน้ำตาลทรายกับน้ำเคี่ยวให้ข้น ตักใส่ถ้วย
หยดสีตามต้องการหยอดลงในพิมพ์ ให้น้ำตาลแห้ง
2.ขนมตูโบ้
ต้มบวดรวมมิตร อาหารหวานท้องถิ่นภูเก็ต ทำจากถั่วแดงเม็ดเล็กมันเทศ เผือก
และแป้งมันสำปะหลัง ต้มรวมกันในน้ำกะทิเติมน้ำตาลและเกลือ
พอให้มีรสหวานนำและเค็มปะแล่ม จะทานร้อนๆหรือเติมน้ำแข็งก็ได้
3.ขนมโพรงเเสม
ลักษณะคล้ายๆขนมทองม้วน แต่ขนมชนิดนี้จะมีความแตกต่าง
อยู่ตรงที่มีน้ำตาลเคลือบพันร้อยอยู่ที่ตัวขนม
เมื่อตัวขนมได้ถูกบดขยี้กับฟันและลิ้นที่สัมผัสรส
จะให้ความรู้สึกกรุบกรอบน่ากัดกิน ผสมกับความหวานของน้ำตาล
ที่เคลือบขนมอย่างลงตัวไม่ที่ไม่หวานมากนัก ทำให้ขนมชนิดนี้เหมาะสำหรับการกินเล่น
4.ขนมเกสรชมพู่
เมื่อได้มองครั้งแรกอาจจะคิดว่าขนมชนิดนี้คือ “ข้าวเหนียวแก้ว”
แต่ถ้ามองให้ดีจะเห็นถึงความแตกต่างอย่างชัดเจน
เพราะมีลักษณะแข็งกระด้างของข้าวเหนียว ส่วนเกสรชมพู่จะดูนุ่มนวล อ่อนโยน
ที่ทำจากมะพร้าวขูดขาว ผัดกับน้ำและน้ำตาลทราย
ใส่วุ้นกวนให้เข้ากันใส่สีชมพูแก่ แล้วตักใส่ถ้วยเรื่องรสชาติ
เกสรชมพู่จะมีความมัน ความหอมของมะพร้าว และมีความหวานเป็นเอกลักษณ์
5.ขนมลา
ขนมลาเป็นขนมที่สำคัญมากซึ่งทำมาจากแป้งข้าวเจ้า
ที่ใช้สำหรับจัดเพื่อนำไปถวายพระสงฆ์ในงานประเพณีบุญสารทเดือนสิบ
เป็นงานบุญประเพณีที่สำคัญของจังหวัดในภาคใต้
เช่น จังหวัดนครศรีธรรมราช
โดยจะนำไปอุทิศส่วนกุศลให้แก่บรรพบุรุษที่ล่วงลับ
ปัจจุบันขนมลามีจำหน่ายตลอด ทั้งปี
6.ขนมพันตอง
ขนมพันตอง เป็นขนมไทยโบราณ เป็นขนมที่นิยมใช้ในพิธีแต่งงาน
โดยจะห่อขนมเป็นคู่ หมายถึงการอวยพรให้คู่รักอยู่ด้วยกันยืนยาว
ผูกพัน รักใคร่กลมเกลียว ขนมพันตอง แบ่งเป็น 2 ส่วน แยกเป็น 2 ห่อ
ห่อแรกคือส่วนผสมของไส้ ประกอบด้วยมะพร้าวกับน้ำตาลปี๊บ
แล้วนำมาปั้นเป็นก้อน อีกห่อประกอบด้วย หัวกะทิ แป้งข้าวเจ้า เกลือ น้ำตาล แล้วตักใส่ห่อ
เพื่อความอร่อยยิ่งขึ้นควรจะรับประทานพร้อมกัน เพราะตัวแป้งและตัวไส้จะอร่อยกลมกล่อมอย่างลงตัว