จริงหรือนี่!! กินคอลลาเจนผง มีค่าเท่ากับหมูปิ้งไม้เดียว!!!??
อย่า “อิน” ตามดารา! แห่กินคอลลาเจนผง สะสมสารเคมีเพียบ ไตพัง อาจแพ้ถึงชีวิต
“มันมาสักพักแล้ว มาดังก็ดารานี่แหล่ะ”
นพ.กฤษดา ศิรามพุช ผู้อำนวยการศูนย์เวชศาสตร์อายุรวัฒน์นานาชาติ กล่าวตรงกันกับ นพ.ปิยะวงศ์ เศรษฐวงศ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจาก Skeyndor Clinic กล่าว
“ถามว่าทำไมคอลลาเจนผงถึงกำลังเป็นที่โด่งดัง คงจะเป็นเรื่องของการมาร์เก็ตติ้งมากกว่าครับ”
เพราะแท้จริงแล้ว การกินคอลลาเจนไม่ได้ช่วยเรื่องผิวพรรณเลย เว้นแต่ว่าคุณต้องได้รับคอลลาเจนผ่านการฉีด หรือใช้เครื่องมือพิเศษผลักไออนนำคอลลาเจนเข้าไป หรือร้อยไหม, ยิงเลเซอร์บางตัวเข้าไป เพื่อกระตุ้นให้คอลลาเจนตื่น
พ่อค้าหัวใสจึงใช้กลยุทธ์จับคอลลาเจนมาคู่กับกลูต้าไธโอน (Glutathione) ดึงดูดผู้บริโภคที่อยากเด้งเต่งตึงขาวใส เท่านั้นไม่พอ ยังโฆษณาขึ้นชื่อส่วนผสมอื่นๆ ที่ช่างดูดีขลังเว่อร์ เช่น Glycine, Peptide, Mixedberry, Calcium เป็นต้น
ต้องดูว่าคอลลาเจนจากอะไร คนแพ้โปรตีน-อาหารทะเล ห้ามดื่ม!
“คอลลาเจนมันคือ ตั้งแต่ผม เล็บ เนื้อ หนัง กล้ามเนื้อ ล้วนเป็นคอลลาเจน สรุปง่ายๆ คอลลาเจนคือ เนื้อตัวเรา จริงๆ แล้วก็คือโปรตีน มันก็มีอยู่ในสัตว์อื่นๆ ทั้งหลาย ทีนี้เวลาที่สกัดคอลลาเจนมา มักจะโฆษณากันว่า คอลลาเจนผงจากปลาทะเลน้ำลึก หรือไม่ก็คอลลาเจนบริสุทธิ์ พวกเค้าต้องมีกิมมิค (gimmick) ให้ดู precious เป็นของล้ำค่า คอลลาเจนจากหอยเป๋าฮื้อ จากหอยมุก จากไข่ปลาคาเวียร์ เมื่อก่อนมีมาคอลลาเจนจากญี่ปุ่นที่มาใส่ในหม้อไฟ เรียกกันว่า กินคอลลาเจนสดๆ แต่พอแปรรูปเป็นผง ซึ่งพวกเราไม่มีทางรู้เลย ผสมแป้งไหม มีสารปนเปื้อนอะไรบ้าง”
หมอกฤษดา อธิบายต่อ
"แต่ส่วนใหญ่เน้นว่า เป็นคอลลาเจนจากปลาทะเลน้ำลึก ดังนั้นข้อเสียอย่างแรกคือ แพ้
หากกินแล้วรู้สึกคลื่นไส้ ถือว่าเป็นระดับอนุบาล แต่ถ้าแพ้รุนแรง จะบวมเป็นผื่นขึ้น ถึงขั้นแน่นหน้าอก หลอดลมตีบ หายใจไม่ออกได้เลย ยิ่งคอลลาเจนจากปลาทะเลน้ำลึก คนที่แพ้อาหารทะเล กินคอลลาเจนชนิดนี้ไม่ได้นะครับ เพราะจะเกิดอาการแพ้รุนแรง เตือนคนที่แพ้อาหารทะเล ต้องดูที่มาของคอลลาเจนด้วย
ข้อเสียที่สองเป็นของแถมครับ ได้แก่ สารปนเปื้อน อย่างที่บอกถ้าเป็นคอลลาเจนจากปลาทะเลน้ำลึก มักจะมีพวกโลหะหนักที่ติดมาจากทะเลน้ำลึก ได้แก่ พวกตะกั่ว ปรอท หรือพวกสารปนเปื้อนอื่นๆ”
ดื่มทุกวัน ไตทำงานหนัก วายแน่นอน
กรณีคุณไม่แพ้ จึงกินทุกวันด้วยความหวังว่า กินแล้วสวย ทว่าหมอกฤษดา ฟันธงว่า
“ข้อเสียที่สาม ถ้ากินทุกวัน ไตทำงานหนักแน่นอนเลยครับ เพราะคอลลาเจนผ่านทางไต มันจะทำให้ไตทำงานเหนื่อยมาก นอกจากข้าวประจำวัน ยังต้องมาทำงานล่วงเวลาขับคอลลาเจนอีก ดังนั้นใครที่มีปัญหาเรื่องไต เป็นโรคไต ไม่ควรกิน รวมทั้งคนที่อยากสวยแต่อายุเยอะแล้ว ต้องระวังมากๆ”
หมอปิยะวงศ์ก็พูดเหมือนกันว่า กินระยะยาว มีสิทธิ์ไตพัง ด้วยสาเหตุผสมกลูต้าฯ หรือสารปรอท เพื่อเนรมิตผิวเนียนขาวใส
"การกินแล้วขาวนั้น อาจจะเป็นเพราะการผสมกลูตาไธโอน หรือผสมสารปรอท ซึ่งสารปรอททำให้คุณขาวแน่นอน แต่ผลข้างเคียงเยอะมาก ทำให้ตับ ไต พังหมดเลยครับ ในระยะสั้นขาวจริง แต่ในระยะยาวเป็นผลเสียต่อร่างกายมาก ระยะยาวนั้นถ้าเป็นคนไข้ที่ไม่ได้มีโรคประจำตัว เช่น ตับไม่ได้วาย ไตไม่ได้วาย อาจจะราวๆ 1 ปีติดต่อกันไตจะเกิดอาการวาย
มีเคสกินแล้ววูบ หน้ามืด ใจสั่น นั่นคือผลข้างเคียง
น้องนักข่าวแถวนี้อยากขาวสำเร็จรูป จึงซื้อคอลลาเจนผงมาชงดื่ม ปรากฏว่ามีอาการวูบ ครั้นลุกขึ้นก็หน้ามืด รู้สึกใจสั่น ซึ่งหมอปิยวงศ์อธิบายว่า
“มีอาการวูบ น่าจะมีกลุ่มของยา Diuretic หรือกลุ่มของยาขับปัสสาวะ ก็จะทำให้ปัสสาวะเยอะ และลดความดันบางตัว ทำให้ดูซีด จึงทำให้ดูขาว เพราะเกิดจากการซีดนั่นเอง
มนุษย์เราปกติจะมีเลือด เช่น ลองดูจากนัยน์ตาเราซิ จะมีเลือดเส้นเลือดแดงๆ ให้เห็นอยู่ แต่ถ้ากินไปจะเกิดอาการซีดเพราะเลือดน้อยนั่นเอง จะทำให้มีผลในเรื่องความดัน เป็นอาการของ Orthostatic Hypotension เช่น ลุกขึ้นมาวิงเวียนศีรษะ ความดันต่ำ วูบ”
โชคดีที่น้องคนนั้นตัดสินใจไม่ดันทุรังกินคอลลาเจนผงต่อ มิฉะนั้นนางคงจะกลายเป็นผีดิบ แถมได้โรคความดันต่ำมาเป็นของฝาก
ความรู้สึกดื่มแล้วสดชื่น มาจากน้ำตาลคาเฟอีน แล้วคุณจะติด!
น้องนักข่าวคนนี้เล่าต่อว่า เวลาเปิดซองชงกิน จะมีกลิ่นคาวนิดๆ ออกรสเปรี้ยวหน่อยๆ มีให้เลือกรสส้ม รสสตรอเบอรี่ ฯลฯ ซึ่งหมอกฤษดาเผยเหตุต้องมีรสเปรี้ยว เนื่องจากใส่วิตามินซี เพื่อช่วยในการดูดซึมคอลลาเจนเข้าสู่ร่างกายได้ดี
“ให้ได้คอลลาเจนดีที่สุด ต้องคู่กับวิตามินซี ต้องคู่กับความเปรี้ยว ถ้ามีผสมเบอร์รี่ ในนั้นมีวิตามินซี สังเกตมีความเปรี้ยวด้วย ก็โอเคนะครับ มันจะดูดซึมได้ดี
แต่ที่น่าเป็นห่วงคือ เครื่องดื่มพวกนี้ส่วนใหญ่เค้าอยากให้คนติด เพราะฉะนั้นสองตัวที่จะใส่เข้ามาคือ คาเฟอีน กับน้ำตาล สองตัวนี้เป็นตัวที่ทำให้คนปิ๊งที่สุด คนรู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า ถ้าเป็นน้ำตาลฟรุกโตสยิ่งแย่เลย มันทำให้ติดหวาน และทำให้จุกตับ”
“ถ้าอยากกินคอลลาเจน แนะนำให้กินคอลลาเจนจากธรรมชาติดีกว่า ยกตัวอย่างง่ายๆ กินปลาดิบแตะวาซาบิ มันก็มีวิตามินซี หรือปลานึ่งมะนาว ก็ได้วิตามินซี แต่ถ้าเป็นคอลลาเจนผง สมมติกินไป 100 ได้จริงๆ ไม่ถึง 1 ด้วยซ้ำ และอย่างที่บอกเสี่ยงเกิดอาการแพ้ด้วย สร้างภาระให้ไตอีก แถมได้ของแถมพวกสารตะกั่ว ปรอท โลหะหนักมาอีก”
หมอกฤษดาเตือน พร้อมฝากถึงคนที่ชอบแห่ตามดาราว่า
“จะเลือกกินอะไรเพื่อความสวย ให้นึกเหมือนเลือกแฟน ดูลึกนิดนึง ดูนิสัยใจคอ ดูไปถึงครอบครัว ดูของที่เราจะกินว่าหนึ่ง-มีงานวิจัยรองรับไหม ก็คือพื้นเพเบื้องหลังดีไหม สอง-ปลอดภัยไหม อย่างคนจะเป็นแฟนเราก็ต้องเป็นคนที่ปลอดภัย ไม่ทำร้ายเรา สาม-ได้มาตรฐานไหม มาจากบริษัทหรือโรงงานแม่ที่เชื่อถือได้ไหม ก็เหมือนพ่อแม่ ไม่ใช่โรงงานแม่ผลิตขนมครกมาตลอด แล้วอยู่ดีๆ มาทำคอลลาเจน แต่ถ้าเค้าทำอาหารสุขภาพมาตลอด ก็โอเค”
ทั้งนี้ ต้องไม่ลืมว่าบรรดาดาราที่แชะรูปโพสต์ลงอินสตราแกรมน่ะ ใส่ฟิลเตอร์ช่วยให้หน้าใสกิ๊ก สวยเซี๊ยะเสมอ หรือเจอตัวจริง พวกซุปตาร์เค้าก็ไม่เปลือยหนังหน้ากันหรอกค่า!
เพราะฉะนั้น อย่าเชื่อในสิ่งที่เห็น!!