หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

ย้อนรอยเหตุการณ์ มิตร ชัยบัญชา ตกเครื่องบินเสียชีวิต ขณะถ่ายทำภาพยนตร์

โพสท์โดย warrior B

มิตร ชัยบัญชา....(ไม่รู้ว่ามีท่านไดลงยังครับ)


คืนวันที่ 7 ตุลาคม 2513 (วันรองสุดท้ายของชีวิต) ที่กองถ่าย "น้องนางบ้านนา" ในฉากชกต่อยกันในสลัมระหว่างพระเอกกับอันธพาล ได้เกิดอุบัติเหตุขึ้นกับพระเอกมิตร โดยที่ไม่ค่อยมีใครจดจำหรือตกใจนัก ข้อมือซ้ายของพระเอกไปฟาดกับสังกะสี โดนบาดเป็นแผลยาว 3 เซ็นติเมตร เลือดไหลเป็นทาง แต่มิตรไม่ยอมไปให้หมอเย็บแผล แค่เอาผ้ามาพันผูกห้ามเลือด แล้วก็ถ่ายหนังต่อ เพราะพรุ่งนี้ (8 ตุลาคม) มีคิวถ่ายฉากสำคัญของอินทรีทอง ไม่มีใครคิดหรอกว่า..แผล 3 เซ็นฯนั้น จะขยายผลลุกลามรุนแรงถึงชีวิตได้!


เสร็จจากกองถ่าย "น้องนางบ้านนา" มิตร ชัยบัญชา ไปเข้ากล้องเรื่อง "นางฟ้าชาตรี" ต่อถึงเช้า หนังเรื่องนี้เป็นของคุณสุพรรณ พรามย์พรรณ ถ่ายเสร็จตี 5 มิตรก็กลับบ้าน ลืมสายสร้อยพระที่ถอดออกจากคอฝากไว้กับคุณสุพรรณ เพราะผู้กำกับสั่งให้ถอด เพื่อให้สมบทบาท แล้วมิตรก็นั่งรถโตโยต้า มีคนขับชื่อวิเชียร ขับมาที่บ้าน มีรถของดารา "ไกร ครรชิต" ขับตามมาด้วย เพราะจะต้องไปถ่าย "อินทรีทอง" ด้วยกันที่พัทยา..ในวันที่คนทั้งประเทศ "ตกใจ..ซึมเศร้า ร้องไห้"


....ตีสาม.... คุณมิตรยังถ่ายหนังเรื่อง นางฟ้าชาตรีอยู่ในโรงถ่ายอยู่เลย ที่ข้อมือซ้ายมีบาดแผลเป็นรอยบาดจากขอบสังกะสีเป็นทางยาว เพราะในฉากที่ชกต่อยกับผู้ร้ายเหวี่ยงมือไปฝาดกับขอบสังกะสีที่อยู่ในฉาก ก็ไม่ได้ทำแผลอะไรเป็นพิเศษแค่เป็นรอยบาดที่ผิวหนังธรรมดาๆเท่านั้นไม่มีอันตรายอะไร
ก็ถ่ายหนังกันต่อจนถึงตีห้า

 


... ตีห้า คุณมิตรนั่งรถออกมาจากกองถ่าย โดยลืมสร้อยพระคล้องคอไว้ที่ผู้กำกับหนัง เขาถอดออกจากคอเพื่อเข้าฉากแล้วลืมไว้รถคันที่คุณมิตรนั่ง วิ่งนำไปข้างหน้า มีรถเก๋งขับตามหลังมาอีกหนึ่งคันคือรถของ คุณไกร ครรชิต คุณไกร ได้เล่าให้ผมฟังว่า 
" เราถ่ายหนังอยู่ด้วยกันจนสว่าง พี่เชษฐ์เขาถามว่ามีคิวถ่ายที่พัทยาด้วยไม่ใช่หรือ ยังงั้นไปด้วยกัน ให้เอารถไปจอดทิ้งไว้ที่บ้านของเขาก็เลยขับรถออกจากโรงถ่ายมาพร้อมๆกัน ขับตามเขาไป พี่เชษฐ์นั่งอยู่ที่เบาะหลัง เขาไม่ขับรถเองหรอกเขาบอกว่า

อันตรายเพราะอดนอนเดี๋ยวไปขับชนคนอื่นจะเดือดร้อน เขามีคนขับประจำตัวตลอดเวลารถวิ่งไปถึงสะพานผ่านฟ้า ตรงที่ดินของเขาที่กำลังลงมือก่อสร้างโรงหนัง เขาเอามือโผ่ลออกมาจากหน้าต่างรถแล้วชี้มือให้มองดูตรงนั้นมีป้ายคัทเอ้าโฆษณาหนัง อินทรีทอง อันใหญ่มาก ตั้งอยู่ผมรู้สึกได้ว่า เขาภูมิใจกับผลงานของเขามากทั้งการสร้างโรงหนังและการกำกับหนัง อินทรีทอง เพราะโดยปกติ พี่เชษฐ์ แค่ขึ้นรถนั่งยังไมทันถึงนาทีก็หลับคอพับคอเอียงแล้ว ด้วยความเหนื่อย


และอ่อนเพลีย แต่นี่เขานั่งมาไม่ยอมหลับก็เพราะอยากจะดูที่ดินของเขาและรอชี้มือให้ผมดูด้วย และนั่นเป็นครั้งสุดท้ายที่ตัวเขาได้มองดูผลงานความตั้งใจทุ่มเทอย่างสุดชีวิตของเขา เพราะเขาไม่มีโอกาสที่จะกลับมาดูมันอีกแล้ว .... "

 

....ตีห้า ครึ่ง คุณมิตร เดินทางไปถึงบ้านที่ ซอยอารีย์สัมพันธ์ ๓(จันทโรจน์วงศ์) เป็นบ้านตึกทรงฝรั่งหลังใหญ่ ติดแอร์ ตกแต่งทันสมัยในบริเวณบ้านมีบ้านหลังเล็กที่เชื่อมไว้ด้วยระเบียงบ้าน เดินถึงกันได้และใกล้ๆก็มีบ้านชั้นเดียวเล็กๆ ที่ใช้สำหรับทำราวแขวนเก็บเสื้อผ้าที่ใช้สำหรับถ่ายหนัง แขวนไว้เป็นแถว เป็นแนว มีระเบียบเรียบร้อยในบ้านหลังเล็กที่ใช้เก็บเสื้อผ้านี้ มีแต่เสื้อผ้าอย่างเดียวเท่านั้นทั้งหลังเก็บตั้งแต่เรื่องแรก ชาติเสือ เป็นต้นมา ไม่เคยทิ้งเลยราวแขวนแต่ละแถว แต่ละแนว จะมีผ้าคลุมกันฝุ่นไว้ด้วย เรียกได้ว่าเป็นคนเจ้าระเบียบ ระดับคุณละเอียดเลยทีเดียว แล้วคนประเภทนี้จู่ๆจะไปโหนโตงเตง มือเปล่า อยู่บนท้องฟ้าสูงๆ ได้อย่างไร

ถ้าไม่ได้เป็นผู้ถูกกระทำโดยความประมาทของผู้อื่น จากคนเฮงซวยบางคน...........หกโมงเช้า .. คุณมิตร อาบน้ำแต่งตัวด้วยเสื้อยืดตัวใหม่ที่พึ่งซื้อมาจากฮ่องกง เป็นผ้ายืดบางๆเข้ารุป ที่หน้าอกมีแถบคาดหนึ่งเส้นเก๋ไก๋วัยรุ่นซะ คุณไกร ตรรชิต อาบน้ำแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าที่ทิ้งติดไว้ในรถ แล้วขับรถเข้ามาจอดทิ้งไว้ในบ้าน จอดติดกับเรือโบทลำโปรดของคุณมิตร ซึ่งในเวลานั้น คุณมิตรถ้ามีเวลาว่างเมื่อใดต้องไปทะเลไปดำน้ำ ไปเล่นเรือตกปลา กำลังเห่อ สุด ๆๆ ๆ ๆ


....คุณมิตร กำลังจะออกจากบ้านไปพัทยา แต่เด็กรับใช้ในบ้านที่มีหน้าที่ดูแล เสื้อผ้าสำหรับใช้ถ่ายหนัง วิ่งมาบอกว่า หาชุด อินทรีแดง ไม่พบให้ไปหาเท่าไรก็ไม่พบ ไปช่วยหาด้วยตนเองก็ไม่พบ ในที่สุดต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้าโดย เอาเสื้แขนยาวมาหนึ่งตัว กางเกงขายาวมาหนึ่งตัว เอาไปเป็นแบบให้ช่างตัดเสื้อที่ชลบุรี ตัดเป็นชุด อินทรีแดงขึ้นมาใหม่ เพื่อใช้ถ่ายทำงานในวันนี้ให้เสร็จเรียบร้อย


....คุณมิตร เดินทางออกจากบ้านในเวลาประมาณ หกโมงกว่าๆเป็นเช้าวันที่มีหมอกลงหนาทึบไปทั่วทั้งกรุงเทพเพราะฤดูหนาวมาเร็ว มากระทบกับปลายฝนของต้นเดือนตุลาคมทำให้รถยนต์ที่วิ่งไป มา ต้องเปิดไฟหน้ารถทุกคันคุณไกร ครรชิต นั่งหน้าคู่ไปกับคนขับคุณมิตร นั่งที่เบาะด้านหลังเสียงโฆษกในรายการวิทยุประกาศชื่อเพลง ซึ่งแต่งและขับร้องโดยครูสุรพล สมบัติเจริญ ให้ท่านผู้กำลังฟังรายการรับทราบคุณมิตร ได้ยินแล้วก็บ่นเสียงดังขึ้นมาว่า

" คนเรานี่ก็แปลกนะ ตอนมีชีวิตอยู่ไม่ยกย่องพอเสียชีวิต ตายจากกันไปแล้ว จึงจะมายกย่อง "
สักพักแกก็นั่งหลับ คอพับ คออ่อน ไปตลอดทาง ..


...รถวิ่งฝ่าความเงียบ และม่านหมอกไปใกล้จะถึงพัทยา เสียงมิตรดังมาจากด้านหลัง "เชียร..หยุดรับพระท่านไปด้วย" วิเชียรหยุดรถทันที มองหาพระ..แต่ไม่เห็น มองลงไปข้างทางเห็นแต่แมกไม้และทะเล "พระธุดงค์นั้นหายไปไหนแล้ว!" มิตรบ่น..ก่อนให้ออกรถไป


ฉากวันนั้น..เป็นฉากที่อินทรีทองปราบเหล่าร้ายเสร็จ รวมถึงอินทรีแดงตัวปลอม ก่อนที่พระเอกจะเปลี่ยนไปใส่ชุดอินทรีแดง วิ่งไปเกาะบันไดที่โรยจาก ฮ. มีนางเอกคือเพชรา สวมบทวาสนาแฟนสาวของโรม ฤทธิไกร มารับ 
ขณะที่มิตรกำลังยืนสำรวจพื้นที่โดยรอบก่อนถ่ายทำ เขาตะโกนบอกเด็กในกองถ่ายให้ไปบอกผู้ชายกับผู้หญิง 2 คน ที่ยืนอยู่ตรงจอมปลวกให้หลบไปยืนที่อื่น เพราะกล้องจะจับภาพไปตรงนั้น มิตรสั่งงานไปหลายอย่าง เสร็จแล้วก็หันไปมองตรงจอมปลวก เขาก็ยังเห็น 2 คนนั้นยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น อารมณ์เสียทันที "ไอ้น้องไปบอกเขาหรือยัง ทำไมเขายังยืนอยู่อีก" 


เสียงมิตรตะโกนลั่น ทุกคนหันไปมองจอมปลวก ก็ไม่เห็นมีใครสักคนยืนอยู่! บางคนคิด..สงสัยพระเอกประสาทกินอีกแล้ว "ทำไมไม่หลบ เขาจะถ่ายกันอยู่แล้ว" มิตรยังโวยวาย พร้อมโบกมือไหวๆไล่ 2 คนนั่น แล้วเขาก็เดินไปคว้าปืนยาวที่ใส่ลูกปืนปลอมยิงไปที่จอมปลวก 1 นัด


"ยอมหลบไปแล้ว พูดกันดีๆไม่รู้เรื่อง" คนรอบข้างยังงง พระเอกมิตรยิงปืนไล่ใคร?คุณมิตรโบกมือไล่ด้วยตนเอง 
" ดูซิไล่ก็ทำเฉยอีก เดี๋ยวแดดหมดกันพอดี " คุณมิตรบ่นแล้วเดินไปหยิบปืนยาว ลูกปลอม ที่ใช้ในกองถ่าย ยิงออกมามีแต่เสียง 
" เออ ต้องให้ยิงขู่ถึงจะหลบไปได้ " คุณมิตรบ่นดังๆ 


แต่คนที่ได้เห็น ได้ยิน งง กันหมดทุกคน เพราะไม่มืใครมองเห็นอย่างที่คุณมิตร พูด ได้แต่ถามกันด้วยความงุนงงว่า แกไล่ใครวะ สองคนนั่นเป็นใครวะ ..... ไม่เห็นมีใครสักคน .


ภายหลังทุกคนมาตรองใหม่..สิ่งศักดิ์สิทธิ์ท่านคงรู้ล่วงหน้า ว่ามิตรกำลังจะมีภัยร้ายแรง จึงออกมาเตือน แต่ที่สุดก็ห้ามไม่ได้
...เหตุการณ์ตรงนี้บอกความจริงเราได้ว่าคุณมิตร ตั้งใจถ่ายฉากโหนเชือกหนีตำรวจหรือที่เรียกว่าฉากจบนี้ ในวันที่ ๘ ต.ค.ไม่ใช่จะถ่ายวันที่ ๗ แล้วฝนจะตกจึงเลื่อนออกมาถ่ายในวันรุ่งขึ้นโดยนักบินบอกว่ามีธุระมาบินตรวจอ่าวแถวพัทยาอยู่พอดีจึงรับปากว่าจะแวะมาเข้าฉากให้แต่ความจริงก็คือ นักบินรับคิวถ่ายในวันที่ ๘ ไว้แล้วเพราะคุณมิตร พึ่งจะหาชุด อินทรีแดง มาใช้ในฉากนี้ในวันที่ ๘


เมื่อชุด อินทรีแดง หาย คุณมิตรก็รีบแก้ปัญหาโดยให้เอาเสื้อแขนยาวมา ๑ ตัวเอากางเกงขายาวมา ๑ ตัวนำไปเป็นแบบให้ช่างตัดเสื้อที่ชลบุรีดูแล้วเอาผ้าดำมาตัดตามขนาดไซด์นี้ แต่เสื้อไม่ใช้กระดุม ที่คอติดซิปแทนคือชุด อินทรีแดง นั่นเองเมื่อตัดเสร็จแล้วให้รีบเอาไปส่งที่กองถ่าย ที่พัทยา ทันทีนั่นแสดงว่า คุณมิตร ตายในชุด อินทรีแดง ใหม่เอี่ยมถอดด้ามที่ได้ใส่เป็นครั้งแรกและ กลายเป็นครั้งสุดท้าย ....


.......สรุปเหตุการณ์จริง ที่เกิดขึ้น ณ สถานที่เกิดเหตุ วันพฤหัสบดีที่ 8 ตุลาคม 2513
เวลา 16 นาฬิกาเศษ


1. นักบินรู้และเข้าใจดีว่า มิตร ชัยบัญชา กำลังห้อยโหนอยู่ที่บันไดสลิงและเท้าไม่ได้เหยียบขั้นบันได การถ่ายทำในฉากนี้ เป็นการบินใกล้ๆ ระดับต่ำบินผ่านหน้ากล้องถ่ายหนัง ให้กล้องจับภาพได้อย่างชัดเจน เพราะแม้แต่ตัวนักบินที่นั่งอยู่ในตำแหน่งคนขับก็ถูกจับแต่งตัวอยู่ในชุดของนางเอก


2. มีคนในกองถ่ายที่ภาคพื้นดิน เป็นคนคอยออกคำสั่ง ส่งสัญญาณด้วยมือ ให้นักบินมองดูและปฏิบัติตาม
3. มิตร เปลี่ยนชุดแต่งตัวเป็นอินทรีแดง แล้วเดินไปหยุดรอในพุ่มไม้ซึ่งเป็นจุดนัดพบ ที่นักบินจะนำเครื่องมารับตัว ( เป็นการสวมชุดอินทรีแดงเป็นครั้งสุดท้ายในชีวิตของมิตร )


4. ทุกอย่างพร้อม กล้องพร้อม ( แต่ฟิล์มถ่ายหนังเหลืออยู่ในกล้องถ่ายหนังแค่ 15 ฟิต แล้วอุบเงียบ เพื่อต้องการถ่ายทำฉากนี้ให้จบในวันนี้เพราะหากบอกให้ทราบว่าฟิล์มหมด มิตร ต้องสั่งยกเลิกการถ่ายทำแน่นอน )คนส่งสัญญาณ โบกมือให้นักบินนำเครื่องลอยตัวขึ้นไปรับอินทรีแดงที่ยืนรอ
อยู่ที่จุดนัดพบ


5. มิตร กระโดดเอื้อมมือเกาะบันไดสลิง มือขวาจับที่ขั้นที่ 4 และมือซ้ายจับอยู่ที่ขั้นที่ 3 เขาจับขั้นบันไดนั้นไว้อย่างง่ายๆ แค่กำมือไว้ในอุ้งมือแล้วดึงตัวขึ้น เขาเหวี่ยงตัวเบาๆ 1 ครั้ง งอเข่าขึ้น แล้วเกาะนิ่งๆ หันหน้ามองไปในทิศทางที่ตั้งกล้อง เพราะเมื่อบินผ่านหน้ากล้องแล้ว เครื่องต้องลงจอดทันที


6. คนในกองถ่ายภาคพื้นดิน โบกมือส่งสัญญาณให้เครื่องฯบินต่อไปไม่ได้ลงจอด กล้องถ่ายหนังถ่ายภาพไว้แค่ตอนเครื่องบินผ่านหน้ากล้องในระยะต่ำเท่านั้น แล้วตากล้องก็หยุดการถ่ายทำไว้ชั่วคราว ปล่อยให้นักบินนำเครื่องฯบินขึ้นสูงพาร่างของอินทรีแดง ห้อยแหวกว่ายไปในท้องฟ้า ความสูงประมาณยอดหลังคาตึกโรงแรมดุสิตธานี มุ่งตรงไปข้างหน้า แล้วหักโค้งเลี้ยวซ้ายเมื่อเครื่องฯบินเป็นเส้นตรงขนานไปกับกล้อง ตากล้องถ่ายหนังจึงทำการถ่ายภาพเก็บไว้อีกครั้ง ถ่ายจนฟิล์มหมด จึงหยุดการถ่ายทำ แล้วมายืนรอเครื่องฯซึ่งบินหักโค้งเลี้ยวซ้ายอีกครั้ง เพื่อมุ่งตรงกลับมาที่จุดตั้งกล้อง


7. หากนักบินรู้ว่า กล้องหยุดการถ่ายทำแล้ว เขาสามารถนำเครื่องฯลงจอดได้ทันที เพราะตอนนั้นมิตร ชัยบัญชา ยังไม่ตกลงมา ( ทุกวินาทีมีค่าต่อชีวิต มีใครคิดคำนึงถึงคนที่กำลังต่อสู้กับความตายที่รออยู่เบื้องล่างบ้างหรือไม่ )


8. ขณะที่นักบินทำงานตามคำสั่งของคนให้สัญญาณบนพื้นดินโดยนำเครื่องฯ บินขึ้นสูง ในช่วงเวลานั้นเขาต้องคิดเอง ตัดสินใจเองสำหรับมิตร ชัยบัญชา ก็เช่นเดียวกัน ในวินาทีนั้นตัวเขารู้ดีว่ากองถ่ายได้รวบการถ่ายทำฉากนี้จาก 2 ซีน ให้เหลือเพียงซีนเดียว เขาจึงได้คิดหาวิธีช่วยเหลือตนเองไม่ให้ตกลงมาตาย ในกรณีหมดแรง จากภาพที่ถ่ายเราเห็นเขาได้ใช้เส้นสลิงที่เหลืออยู่มาพันข้อมือขวาไว้ เป็นตัวล็อคช่วยป้องกันไม่ให้ร่างเขาตกลงมาตาย


9. เมื่อนักบินกำลังนำเครื่องฯ บินกลับมายังจุดตั้งกล้อง ร่างของมิตร ชัยบัญชา ได้ถอยร่นลงมาเกาะเกี่ยวอยู่ที่บันไดสลิงขั้นสุดท้ายแล้วแม้ว่ามือซ้ายจะหมดแรง หลุดออกจากการเกาะกุม แต่ร่างของเขาไม่ตกลงมาเพราะว่าเส้นสลิงของของบันไดขั้นสุดท้ายพันเกี่ยวรัดข้อมือขวาของเขาไว้แน่น


10. นักบินจะนำเครื่องลงจอด หรือบินต่ออีกรอบ ไม่มีใครตอบได้แต่จากภาพถ่ายที่เราเห็นก็คือมิตร ชัยบัญชา ได้ใช้มือซ้ายแกะเส้นสลิงที่พันข้อมือขวาของเขาออก นั่นหมายถึงเขาได้ปลดเซฟตี้ล็อคออกจากร่างกายของเขาเพื่ออะไรกัน ? เขาทำอย่างนั้นทำไม และแล้วเขาก็ปล่อยมือออกจากขั้นบันไดนั้น


11 . ร่างของมิตร ชัยบัญชา ปลิวร่วงลงมาอย่างมีสติ เขากางแขนกางขา ก้มหน้า มองลงมายังบึงน้ำเบื้องล่าง ท่าทางคล้ายดิ่งพสุธา ร่างเขาปลิวร่วงลงมาอย่างรวดเร็ว ดูดีในระยะแรก และในที่สุด หัวก็ทิ่มลงมาคล้ายนกปีกหัก


12. เสียงร้องโหย...สุดเสียง ดังก้องไปทั่ว บริเวณนั้นจนขาดใจ ชีวิตของลูกผู้ชายคนหนึ่งจบลงตรงนั้น ร่างของเขาปลิวลงข้างจอมปลวกใหญ่ กระแทก กระดอน กระเด็น ไปไกลอีกเกือบ 2 วา ร่างแหลกยับเยินนอนคุดคู้สงบนิ่งอยู่ในชุดทำงานชุดสุดท้ายในชีวิตการแสดงของเขาชุดอินทรีแดง ชุดสีดำทั้งชุด ที่ใบหน้ายังสวมหน้ากากหัวนกสีแดงมือทั้งสองข้างสวมถุงมือสีดำ ที่ข้อมือขวามีรอยเส้นสลิงรัด บาดลึกเลือดไหลนองเต็มถุงมือ


13. มิตร ชัยบัญชา นอนสงบนิ่ง สิ้นใจอยู่ใกล้ๆบึงบัวขาวบึงน้ำใหญ่ที่อาจจะสามารถช่วยชีวิตของเขาได้ หากการตัดสินใจปล่อยมือของเขา สามารถทำให้ร่างปลิวร่วงลงสู่พื้นน้ำได้


...จากผลการชันสูตรศพยืนยันว่า เขาเสียชีวิตทันที เพราะร่างกายแหลกเหลวไม่มีชิ้นดี เชือกบาดข้อมือเป็นแผลลึก 2 ซ.ม. ยาว 8 ซ.ม. กระดูกขากรรไกรข้างขวาหัก กระดูกโหนกแก้มซ้ายขวาหัก มีเลือดออกทางหูขวา กระดูกซี่โครงขวาหัก 5 ซี่ กระดูกโคนขาขวาหัก กระดูกต้นคอหัก


...ศพของมิตร ชัยบัญชา ตั้งบำเพ็ญกุศลที่วัดแคนางเลิ้ง หลังจากครบ 100 วัน พิธีพระราชทานเพลิงศพจัดเมื่อ 21 มกราคม พ.ศ. 2514 มีประชาชนหลั่งไหลเข้าไปร่วมงานจำนวนหลายหมื่นคน สำหรับการพระราชทานเพลิงศพย้ายจากวัดแคไปวัดเทพศิรินทร์ มีประชาชนหลั่งไหลไปร่วมงานศพมากกว่า 3 แสนคน จนกระทั่ง ม.ร.ว. คึกฤทธิ์ ปราโมช กล่าวว่าเป็นงานศพของสามัญชนที่มีผู้ไปร่วมงานมากที่สุดในประวัติศาสตร์


...ปี 2513 มิตร ชัยบัญชา มีงานแสดงมากกว่าทุกปี (51 เรื่อง ในจำนวนหนังไทยทั้งหมดปีนั้น 73 เรื่อง) แม้อายุ 36 ปีแล้ว 

ขอบคุณที่มา: https://www.facebook.com/photo.php?fbid=10203501869584754&set=pcb.984900768324560&type=3&theater&ifg=1
#ข้อมูลโดยอิงคศักดิ์
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
warrior B's profile


โพสท์โดย: warrior B
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
32 VOTES (4/5 จาก 8 คน)
VOTED: paktronghie, โอ๊ย, riddle, ชอลิ้วเฮียง, llHackll, เพ้อไรเยอะเเยะรำคาญ
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
หนุ่ม กรรชัย พูดโดนใจ แม่ตั๊ก อย่าขายทอง เล่นกับความรู้สึกคนจนดราม่าเค้กกล้วยหอม ‘เอ ศุภชัย’ แข็งเป็นไต ชาวเน็ตถกสนั่น เทียบราคามะเร็งกล้ามเนื้อหัวใจคร่าชีวิต 'อ๋อม อรรคพันธ์' พบได้เพียง 0.1 ต่อล้านคนช็อก!! เมื่อเยือนบ้านมหาเศรษฐี! อลังการเกินคาด เห็นชุดเพื่อนถึงกับอึ้ง ลบภาพจำจากละครรัฐจ่าย เช็คสิทธิผ่านเว็บ เงินดิจิทัล 10000 บาท เข้าวันไหน ทำง่ายมากเปิดใจดาวรุ่งลูกหนัง!! ภูวรักษ์ คำสิงห์ วัย 16 ปี เปิดใจ หลังลงสนามแค่ 15 วินาที ยิงประตูแรกในลีกอาชีพเช็กสิทธิ์เงินดิจิทัล 10,000 บาทล่าสุด อัพเดทข้อมูล ณ วันที่ 23 กันยายน 2567รู้จักมะเร็ง ที่คร่าชีวิต อ๋อม อรรคพันธ์เผยคำสั่งเสียสุดท้ายของ อ๋อม อรรคพันธ์ พูดอะไรกับครอบครัวก่อนเสียชีวิต"ก้อย อรัชพร" ถาม A.I. ว่าตอนนี้ฉันเป็นแฟนใคร..คำตอบที่ได้ถึงกับฮาลั่น!ตำหนักเย็น ในพระราชวัง​ต้องห้าม"ลีน่า จัง" แหวกฝูงชนไปดู "หมูเด้ง" อ้างไลฟ์สดอยู่..โซเชียลออกมาวิจารณ์ยับ
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
ช็อก!! เมื่อเยือนบ้านมหาเศรษฐี! อลังการเกินคาด เห็นชุดเพื่อนถึงกับอึ้ง ลบภาพจำจากละครหนุ่ม กรรชัย สั่งชั่งน้ำหนัก ‘กำไลปี่เซี๊ยะ’ ขายเกือบสี่หมื่น แท้จริงแล้วไม่ถึง 2 สลึงสาวนอย!! สั่งไข่พะโล้ได้ไข่ 2 ฟอง หมู 2 ชิ้นราคา 120 บาท แพงเกินไปมั้ย?"ลีน่า จัง" แหวกฝูงชนไปดู "หมูเด้ง" อ้างไลฟ์สดอยู่..โซเชียลออกมาวิจารณ์ยับล็อบสเตอร์สีส้ม: ความงามหายากจากใต้ท้องทะเลที่มีโอกาสเกิดเพียง 1 ใน 30 ล้าน
กระทู้อื่นๆในบอร์ด สาระ เกร็ดน่ารู้
เปิดตำนาน ประวัติความเป็นมา ของเสาชิงช้าพืชพันธุ์ใหม่น่าสนใจ : Dark Galaxy Tomato ความงามและรสชาติจากมะเขือเทศสายพันธุ์แปลกใหม่ผลงานไดโอราม่า จิ๋วแต่เจ๋ง ของศิลปินชาวมาเลเซียoutrage: ความโกรธแค้น
ตั้งกระทู้ใหม่