ได้มีโอกาสไปดูหนังเรื่องนี้ในรอบสื่อฯ ถือเป็นผลงานที่เฝ้ารอคอยอีกเรื่องของ GDH
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
ถือเป็นอีกก้าวที่น่าจับตาหลังจากที่หนังก่อนหน้าอย่าง “ฉลาดเกมส์โกง”
ได้ประสบความสำเร็จบนจอเงินในแง่รายได้และคำวิจารณ์
รอบนี้ผู้กำกับ จิม โสภณ ที่เคยฝากงานมาสเตอร์พีซอย่าง “ลัดดาแลนด์” ได้กลับมากำกับหนัง
โดยมีฉากหลังเป็นวิกฤติการณ์เศรษฐกิจฟองสบู่แตกปี2540 จะออกมาเป็นอย่างไร
ในความเห็นของผมได้สรุปมาไว้เป็น 5 ข้อดี และ 5 ข้อเสีย ในมุมมองของผมดังนี้ครับ
ข้อดี 1. หนังมีโปรดักชั่นที่ได้มาตรฐานของGDH ภาพเสียง ทุกอย่างดูแกรนด์ แม้แต่ที่เล็กๆอย่างในตึกหรือในห้อง ก็สามารถจัดองค์ประกอบออกมาได้ดี ชื่นชมพิเศษในแง่การถ่ายภาพ
2. เป็นหนังผีที่ไม่ได้มีดีแค่เรื่องผี แต่จริงๆแล้ว หนังได้พูดถึงความสัมพันธ์ระหว่างแม่ลูก ที่กลายเป็นดราม่าสุดเข้มข้นจนสามารถบีบเค้นสถานการณ์ที่ทำให้ตัวละครต้องเผยสัญชาติญาณที่ซ่อนอยู่ในก้นบึ้งของจิตใจออกมา เอาจริงๆ ถ้าฉายในวันแม่ หนังเรื่องนี้สามารถเป็นหนังวันแม่ได้เลย
3. ความเพลิดเพลินในการดู สำหรับหนังเรื่องนี้ ไม่มีฉากเอื่อย เรื่องราวถูกดำเนินไปข้างหน้าตลอด และถ้าดูเอาสนุก สามารถติดตามไปได้ไม่ยาก จะมีซีนสนุกๆเข้ามาให้เราได้ชมตลอดเรื่อง (แต่จะดีไหม อันนี้อยู่ที่ความเห็นแต่ละคน)
4. บี น้ำทิพย์ และ น้องลิลลี่ The Face ได้แบกรับหนังทั้งเรื่องได้ดีตามมาตรฐาน รวมถึงแคสติ้งคนอื่นๆ ก็ถือว่ามาเติมเต็มเรื่องราวได้มากขึ้น
5. ภาพรวมของหนังทำได้ดีกว่าหนังเรื่องก่อนอย่าง “ฝากไว้ ในกายเธอ” แต่ยังไปไม่ถึงในระดับ “ลัดดาแลนด์”
ข้อเสีย 1. บท – ความยัดเยียด : บทยังคงมีช่องโหว่อยู่พอสมควร และในบางฉาก เรารู้สึกว่ามันเป็นการจงใจ ยัดเยียดสถานการณ์ รวมถึงคำพูดจนเกินไป บางฉากก็ดูแฟนตาซีจนดูไม่ค่อยสมเหตุสมผลเท่าไหร่
2. ตุ้งแช่เยอะไป : หนังประโคมด้วยเสียงครึกโครมมากพอสมควร ขอเหมาเสียงที่พยายามเล่นใหญ่ให้ตกใจอยู่ในข้อนี้ทั้งหมด ยอมรับว่าตกใจจริงๆในครั้งแรกที่มันออกมา แต่หลังจากนั้นเหมือนจะเดาได้เกือบทุกฉาก
3. ใช้วัตถุดิบไม่คุ้ม : โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคเศรษฐกิจปี40 ที่น่าจะขยี้ได้มากกว่านี้ รวมถึงตึกร้างสาทรที่ไปๆมาๆ เรากลับรู้สึกว่า “เออ แล้วไงอ่ะ” มันก็เป็น Just another thing, nothing special แต่อย่างใด
4. ตอนเริ่มไม่ดี : ไม่ชอบตอนเปิดเรื่องเลย มันดูไม่จริง ยังไม่เชื่อไปกับตัวละคร อีกทั้งหนังยังพยายามเร่งตัวเองเพื่อไปให้ถึงจุดที่เป็นต้นตอของเรื่อง เลยคิดว่า มันจะเป็นไปได้เหรอที่ตัวละครจะรู้สึกเป็นประเด็นจนต้องจองล้างจองผลาญมากขนาดนี้
5. ตอนจบไม่ลงตัว : ตอนจบส่วนตัว มันสามารถจบได้ตั้งแต่ก่อนฉากจบจริงก่อนหน้านี้สัก 2-3 ฉากแล้ว แต่หนังยังพยายามหาที่แลนดิ้งจนสุดท้าย จากที่กำลังจะสวยงาม กลับไปแลนดิ้งในพื้นที่ขรุขระซะงั้นนี่ เลยรู้สึกตะกุกตะกักในตอนจบ ทั้งๆที่ตัวเราเริ่มกลับมาจูนกับหนังได้ในช่วงครึ่งหลัง
รวมๆแล้ว มันไม่ได้ถือว่าเป็นหนังที่ไม่ดี หรือแย่อะไร แต่ในมาจรฐานของ GDH
งานนี้ถือเป็นงานที่อยู่ในระดับ “มาตรฐาน” แต่ยังไม่สามารถเทียบกับหนังพี่ๆก่อนหน้าได้
ไม่ว่าจะเป็น ฉลาดเกมส์โกง พรจากฟ้า หรือแฟนเดย์
ขณะเดียวกัน หนังเรื่องนี้ยังเทียบกับลัดดาแลนด์ไม่ได้ ถ้าวัดจากผลงานของผู้กำกับ
แต่อาจจะดีกว่า โปรแกรมหน้าฯ และแน่นอน วางใจได้อย่างว่ามันออกมาดีกว่า “ฝากไว้ ในกายเธอ”
สุดท้าย ขออนุญาตฝากลิ้งค์นี้ไปช่วยกันกดไลค์หน่อยนะครับ ไม่เกี่ยวกับรีวิวหนังแล้ว แต่ขอโปรโมตคลิปทำประกวดสักคลิปครับ
แค่แวบเข้าไปดูไปLikeข้างในลิ้งก็ดีใจมากแล้วครับ เพราะงานนี้ควักตังค์มาทำเองหมดเลย
10อันดับตัวละครที่มีIQสูงที่สุดในโลก(อนิเมะ)!!
ร้อนนัก ก็ดับร้อน ด้วยผ้าขนหนู
ทัชมาฮาลมีประวัติความเป็นมาอย่างไร?
อื้อหือ เสื้อตัวนี้ ทำจากใยแมงมุม บอกเลยอย่างเหนียว อย่างทนทานเลยเด้อ
บันเทิง ดารา
ได้มีโอกาสไปดูหนังเรื่องนี้ในรอบสื่อฯ ถือเป็นผลงานที่เฝ้ารอคอยอีกเรื่องของ GDH
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
ถือเป็นอีกก้าวที่น่าจับตาหลังจากที่หนังก่อนหน้าอย่าง “ฉลาดเกมส์โกง”
ได้ประสบความสำเร็จบนจอเงินในแง่รายได้และคำวิจารณ์
รอบนี้ผู้กำกับ จิม โสภณ ที่เคยฝากงานมาสเตอร์พีซอย่าง “ลัดดาแลนด์” ได้กลับมากำกับหนัง
โดยมีฉากหลังเป็นวิกฤติการณ์เศรษฐกิจฟองสบู่แตกปี2540 จะออกมาเป็นอย่างไร
ในความเห็นของผมได้สรุปมาไว้เป็น 5 ข้อดี และ 5 ข้อเสีย ในมุมมองของผมดังนี้ครับ
ข้อดี
1. หนังมีโปรดักชั่นที่ได้มาตรฐานของGDH ภาพเสียง ทุกอย่างดูแกรนด์ แม้แต่ที่เล็กๆอย่างในตึกหรือในห้อง ก็สามารถจัดองค์ประกอบออกมาได้ดี ชื่นชมพิเศษในแง่การถ่ายภาพ
2. เป็นหนังผีที่ไม่ได้มีดีแค่เรื่องผี แต่จริงๆแล้ว หนังได้พูดถึงความสัมพันธ์ระหว่างแม่ลูก ที่กลายเป็นดราม่าสุดเข้มข้นจนสามารถบีบเค้นสถานการณ์ที่ทำให้ตัวละครต้องเผยสัญชาติญาณที่ซ่อนอยู่ในก้นบึ้งของจิตใจออกมา เอาจริงๆ ถ้าฉายในวันแม่ หนังเรื่องนี้สามารถเป็นหนังวันแม่ได้เลย
3. ความเพลิดเพลินในการดู สำหรับหนังเรื่องนี้ ไม่มีฉากเอื่อย เรื่องราวถูกดำเนินไปข้างหน้าตลอด และถ้าดูเอาสนุก สามารถติดตามไปได้ไม่ยาก จะมีซีนสนุกๆเข้ามาให้เราได้ชมตลอดเรื่อง (แต่จะดีไหม อันนี้อยู่ที่ความเห็นแต่ละคน)
4. บี น้ำทิพย์ และ น้องลิลลี่ The Face ได้แบกรับหนังทั้งเรื่องได้ดีตามมาตรฐาน รวมถึงแคสติ้งคนอื่นๆ ก็ถือว่ามาเติมเต็มเรื่องราวได้มากขึ้น
5. ภาพรวมของหนังทำได้ดีกว่าหนังเรื่องก่อนอย่าง “ฝากไว้ ในกายเธอ” แต่ยังไปไม่ถึงในระดับ “ลัดดาแลนด์”
ข้อเสีย
1. บท – ความยัดเยียด : บทยังคงมีช่องโหว่อยู่พอสมควร และในบางฉาก เรารู้สึกว่ามันเป็นการจงใจ ยัดเยียดสถานการณ์ รวมถึงคำพูดจนเกินไป บางฉากก็ดูแฟนตาซีจนดูไม่ค่อยสมเหตุสมผลเท่าไหร่
2. ตุ้งแช่เยอะไป : หนังประโคมด้วยเสียงครึกโครมมากพอสมควร ขอเหมาเสียงที่พยายามเล่นใหญ่ให้ตกใจอยู่ในข้อนี้ทั้งหมด ยอมรับว่าตกใจจริงๆในครั้งแรกที่มันออกมา แต่หลังจากนั้นเหมือนจะเดาได้เกือบทุกฉาก
3. ใช้วัตถุดิบไม่คุ้ม : โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคเศรษฐกิจปี40 ที่น่าจะขยี้ได้มากกว่านี้ รวมถึงตึกร้างสาทรที่ไปๆมาๆ เรากลับรู้สึกว่า “เออ แล้วไงอ่ะ” มันก็เป็น Just another thing, nothing special แต่อย่างใด
4. ตอนเริ่มไม่ดี : ไม่ชอบตอนเปิดเรื่องเลย มันดูไม่จริง ยังไม่เชื่อไปกับตัวละคร อีกทั้งหนังยังพยายามเร่งตัวเองเพื่อไปให้ถึงจุดที่เป็นต้นตอของเรื่อง เลยคิดว่า มันจะเป็นไปได้เหรอที่ตัวละครจะรู้สึกเป็นประเด็นจนต้องจองล้างจองผลาญมากขนาดนี้
5. ตอนจบไม่ลงตัว : ตอนจบส่วนตัว มันสามารถจบได้ตั้งแต่ก่อนฉากจบจริงก่อนหน้านี้สัก 2-3 ฉากแล้ว แต่หนังยังพยายามหาที่แลนดิ้งจนสุดท้าย จากที่กำลังจะสวยงาม กลับไปแลนดิ้งในพื้นที่ขรุขระซะงั้นนี่ เลยรู้สึกตะกุกตะกักในตอนจบ ทั้งๆที่ตัวเราเริ่มกลับมาจูนกับหนังได้ในช่วงครึ่งหลัง
รวมๆแล้ว มันไม่ได้ถือว่าเป็นหนังที่ไม่ดี หรือแย่อะไร แต่ในมาจรฐานของ GDH
งานนี้ถือเป็นงานที่อยู่ในระดับ “มาตรฐาน” แต่ยังไม่สามารถเทียบกับหนังพี่ๆก่อนหน้าได้
ไม่ว่าจะเป็น ฉลาดเกมส์โกง พรจากฟ้า หรือแฟนเดย์
ขณะเดียวกัน หนังเรื่องนี้ยังเทียบกับลัดดาแลนด์ไม่ได้ ถ้าวัดจากผลงานของผู้กำกับ
แต่อาจจะดีกว่า โปรแกรมหน้าฯ และแน่นอน วางใจได้อย่างว่ามันออกมาดีกว่า “ฝากไว้ ในกายเธอ”
แค่แวบเข้าไปดูไปLikeข้างในลิ้งก็ดีใจมากแล้วครับ เพราะงานนี้ควักตังค์มาทำเองหมดเลย