'ตึกแถว' ที่ไม่น่ารอด อยู่ที่ใด โอกาสทองผู้ซื้อ?
ตึกแถวหรืออาคารพาณิชย์ที่ขายไม่ออก หรือขายช้าอยู่ที่ไหนบ้าง ดร.โสภณ จะชี้ให้ทราบเพื่อการเตรียมพร้อมของนักพัฒนาที่ดิน ผู้ซื้อ สถาบันการเงิน ตลอดจนหน่วยราชการที่เกี่ยวข้องกับการวางแผนที่อยู่อาศัย
ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธานกรรมการบริหาร ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส (www.area.co.th) ได้สำรวจพบว่าโครงการตึกแถวในบางทำเลอาจมีปัญหาในการขาย และจึงเป็นสินค้าที่ไม่ควรทำการพัฒนาซ้ำ เพราะไม่น่าจะขายได้ สถาบันการเงินใดให้สินเชื่อกับสินค้าเหล่านี้ อาจจะมีปัญหาหนี้เสียได้ แต่ทั้งนี้บางโครงการในกลุ่มนี้ ก็อาจไม่เป็นเหมือนภาพรวมได้ ดังนั้นในการใช้ข้อมูลต้องมีการตรวจสอบให้แน่ชัดด้วย
สำหรับอันดับโครงการตึกแถวที่มีปัญหา เป็นดังนี้:
อันดับที่ 1 ทำเล H9: บางนา-ตราด กม.30 ขึ้นไป ณ ระดับราคา 2.001-3.000 ล้านบาท หรือเฉลี่ยหน่วยละ 2.650 ล้านบาท มีอัตราการขายต่ำมากเพียง 0.16% ต่อเดือน ขณะนี้ยังมีเหลือขายอีก 22 หน่วย คาดว่าจะต้องใช้เวลาขายอีกนานถึง นับสิบปี กลุ่มนี้น่าจะไปต่อไม่ได้แล้ว ไม่ควรพัฒนา
อันดับที่ 2 ทำเล A2: บางขัน-คลองหลวง ณ ระดับราคา 2.001-3.000 ล้านบาท หรือเฉลี่ยหน่วยละ 2.850 ล้านบาท มีอัตราการขายต่ำมากเพียง 0.36% ต่อเดือน ขณะนี้ยังมีเหลือขายอีก 22 หน่วย คาดว่าจะต้องใช้เวลาขายอีกนานถึง นับสิบปี กลุ่มนี้น่าจะไปต่อไม่ได้แล้ว ไม่ควรพัฒนา
อันดับที่ 3 ทำเล A1: นวนคร-คลองรพีพัฒน์ ณ ระดับราคา 2.001-3.000 ล้านบาท หรือเฉลี่ยหน่วยละ 2.900 ล้านบาท มีอัตราการขายต่ำมากเพียง 0.53% ต่อเดือน ขณะนี้ยังมีเหลือขายอีก 183 หน่วย คาดว่าจะต้องใช้เวลาขายอีกนานถึง 135 เดือน คาดว่าจะไม่อาจก่อสร้างจนเสร็จได้
อันดับที่ 4 ทำเล D1: สายไหม ณ ระดับราคา 5.001-10.000 ล้านบาท หรือเฉลี่ยหน่วยละ 5.628 ล้านบาท มีอัตราการขายต่ำมากเพียง 0.55% ต่อเดือน ขณะนี้ยังมีเหลือขายอีก 239 หน่วย คาดว่าจะต้องใช้เวลาขายอีกนานถึง 157 เดือน ราคาคงสูงเกินไปในย่านนี้
อันดับที่ 5 ทำเล J1: ป้อมพระจุล ณ ระดับราคา 1.001-2.000 ล้านบาท หรือเฉลี่ยหน่วยละ 1.700 ล้านบาท มีอัตราการขายต่ำมากเพียง 0.59% ต่อเดือน ขณะนี้ยังมีเหลือขายอีก 72 หน่วย คาดว่าจะต้องใช้เวลาขายอีกนานถึง 153 เดือน คาดว่าจะไม่อาจก่อสร้างจนเสร็จได้
อันดับที่ 6 ทำเล N4: บางบัวทอง ณ ระดับราคา 2.001-3.000 ล้านบาท หรือเฉลี่ยหน่วยละ 2.542 ล้านบาท มีอัตราการขายต่ำมากเพียง 0.60% ต่อเดือน ขณะนี้ยังมีเหลือขายอีก 69 หน่วย คาดว่าจะต้องใช้เวลาขายอีกนานถึง 83 เดือน อาจไม่เหมาะกับการมีอาคารพาณิชย์ในย่านนี้
อันดับที่ 7 ทำเล K1: พระรามที่ 2 กม.1-10 ณ ระดับราคา 3.001-5.000 ล้านบาท หรือเฉลี่ยหน่วยละ 3.995 ล้านบาท มีอัตราการขายต่ำมากเพียง 0.78% ต่อเดือน ขณะนี้ยังมีเหลือขายอีก 88 หน่วย คาดว่าจะต้องใช้เวลาขายอีกนานถึง 23 เดือน ราคาคงสูงเกินไปในย่านนี้
อันดับที่ 8 ทำเล A7: พหลโยธิน-วังน้อย ณ ระดับราคา 3.001-5.000 ล้านบาท หรือเฉลี่ยหน่วยละ 3.916 ล้านบาท มีอัตราการขายต่ำมากเพียง 0.90% ต่อเดือน ขณะนี้ยังมีเหลือขายอีก 109 หน่วย คาดว่าจะต้องใช้เวลาขายอีกนานถึง 77 เดือน ราคาคงสูงเกินไปในย่านนี้
อันดับที่ 9 ทำเล M5: สาย 7 ปิ่นเกล้า-เพชรเกษม ณ ระดับราคา 3.001-5.000 ล้านบาท หรือเฉลี่ยหน่วยละ 3.500 ล้านบาท มีอัตราการขายต่ำมากเพียง 0.95% ต่อเดือน ขณะนี้ยังมีเหลือขายอีก 18 หน่วย คาดว่าจะต้องใช้เวลาขายอีกนานถึง 83 เดือน ราคาคงสูงเกินไปในย่านนี้
สินค้าเหล่านี้ในแง่หนึ่งก็ควรเปลี่ยนรูปแบบและราคาใหม่ให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด แต่ถ้าจะขายต่อไปก็คงต้องลดราคาลงตามสมควร และอาจเป็นโอกาสทองของผู้ซื้อในแง่หนึ่งก็ได้ แต่ก็ใช่ว่าทุกโครงการในทำเลนี้มีปัญหา บางโครงการก็ประสบความสำเร็จเช่นกัน
ศึกษาให้ถ้วนถี่ก่อนซื้อ
ที่มา: http://bit.ly/2vn5EzZ