'บ้านแฝด' ที่ขายไม่ออก อยู่ที่ไหนบ้าง
ในกรณีของบ้านแฝด ซึ่งเป็นสินค้ายอดนิยมประเภทหนึ่ง ปรากฏว่า ดร.โสภณ ระบุชัด มีบ้านแฝดบางกลุ่มขายไม่ออก หรือขายอืดจนอาจไม่รอดในอนาคตอันใกล้นี้ อยู่ไหนบ้างลองมาตรวจสอบกัน
ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธานกรรมการบริหาร ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส (www.area.co.th) ได้สำรวจพบว่าโครงการบ้านแฝดในบางทำเลอาจมีปัญหาในการขาย และจึงเป็นสินค้าที่ไม่ควรทำการพัฒนาซ้ำ เพราะไม่น่าจะขายได้ สถาบันการเงินใดให้สินเชื่อกับสินค้าเหล่านี้ อาจจะมีปัญหาหนี้เสียได้ ผู้ซื้อบ้านเองก็ไม่ควรซื้อ ยกเว้นจะสามารถต่อรองได้มากเป็นพิเศษ แต่ทั้งนี้บางโครงการในกลุ่มนี้ ก็อาจไม่เป็นเหมือนภาพรวมได้ ดังนั้นในการใช้ข้อมูลต้องมีการตรวจสอบให้แน่ชัดด้วย
สำหรับอันดับโครงการบ้านแฝดที่มีปัญหา เป็นดังนี้:
อันดับที่ 1 ทำเล A7: พหลโยธิน-วังน้อย ณ ระดับราคา 3.001-5.000 ล้านบาท หรือเฉลี่ยหน่วยละ 3.955 ล้านบาท มีอัตราการขายต่ำมากเพียง 0.36% ต่อเดือน ขณะนี้ยังมีเหลือขายอีก 56 หน่วย คาดว่าจะต้องใช้เวลาขายอีกนานถึง นับสิบปี คาดว่าคงจะไปต่อไม่ได้แล้ว
อันดับที่ 2 ทำเล E3: หนองจอก ณ ระดับราคา 1.001-2.000 ล้านบาท หรือเฉลี่ยหน่วยละ 1.892 ล้านบาท มีอัตราการขายต่ำมากเพียง 0.61% ต่อเดือน ขณะนี้ยังมีเหลือขายอีก 152 หน่วย คาดว่าจะต้องใช้เวลาขายอีกนานถึง 115 เดือน คาดว่าคงจะไปต่อไม่ได้ (น่าจะเจ๊ง)
อันดับที่ 3 ทำเล K6: วงแหวนรอบนอก-เพชรเกษม ณ ระดับราคา 3.001-5.000 ล้านบาท หรือเฉลี่ยหน่วยละ 4.329 ล้านบาท มีอัตราการขายต่ำมากเพียง 0.85% ต่อเดือน ขณะนี้ยังมีเหลือขายอีก 215 หน่วย คาดว่าจะต้องใช้เวลาขายอีกนานถึง 47 เดือน ราคาอาจสูงเกินไปในย่านทำเลนี้
อันดับที่ 4 ทำเล M3: ทวีวัฒนา-พุทธมณฑลสาย 4 ณ ระดับราคา 3.001-5.000 ล้านบาท หรือเฉลี่ยหน่วยละ 3.500 ล้านบาท มีอัตราการขายต่ำมากเพียง 0.90% ต่อเดือน ขณะนี้ยังมีเหลือขายอีก 50 หน่วย คาดว่าจะต้องใช้เวลาขายอีกนานถึง 26 เดือน ราคาอาจสูงเกินไปในย่านทำเลนี้
อันดับที่ 5 ทำเล N2: วงแหวนรอบนอก-คลองมหาสวัสดิ์ ณ ระดับราคา 2.001-3.000 ล้านบาท หรือเฉลี่ยหน่วยละ 2.996 ล้านบาท มีอัตราการขายต่ำมากเพียง 1.03% ต่อเดือน ขณะนี้ยังมีเหลือขายอีก 218 หน่วย คาดว่าจะต้องใช้เวลาขายอีกนานถึง 63 เดือน อาจไปต่อได้ยากในกลุ่มนี้
อันดับที่ 6 ทำเล H1: บางนา-ตรา กม.1-10 ณ ระดับราคา 3.001-5.000 ล้านบาท หรือเฉลี่ยหน่วยละ 4.149 ล้านบาท มีอัตราการขายต่ำมากเพียง 1.03% ต่อเดือน ขณะนี้ยังมีเหลือขายอีก 104 หน่วย คาดว่าจะต้องใช้เวลาขายอีกนานถึง 87 เดือน ราคาอาจสูงเกินไปในย่านทำเลนี้
อันดับที่ 7 ทำเล D2: สะพานใหม่ ณ ระดับราคา 3.001-5.000 ล้านบาท หรือเฉลี่ยหน่วยละ 4.990 ล้านบาท มีอัตราการขายต่ำมากเพียง 1.07% ต่อเดือน ขณะนี้ยังมีเหลือขายอีก 86 หน่วย คาดว่าจะต้องใช้เวลาขายอีกนานถึง 66 เดือน ราคาอาจสูงเกินไปในย่านทำเลนี้
อันดับที่ 8 ทำเล E3: หนองจอก ณ ระดับราคา 2.001-3.000 ล้านบาท หรือเฉลี่ยหน่วยละ 2.805 ล้านบาท มีอัตราการขายต่ำมากเพียง 1.07% ต่อเดือน ขณะนี้ยังมีเหลือขายอีก 493 หน่วย คาดว่าจะต้องใช้เวลาขายอีกนานถึง 70 เดือน ยังเหลืออยู่ค่อนข้างมาก
อันดับที่ 9 ทำเล G5: ลาดกระบัง ณ ระดับราคา 3.001-5.000 ล้านบาท หรือเฉลี่ยหน่วยละ 3.187 ล้านบาท มีอัตราการขายต่ำมากเพียง 1.11% ต่อเดือน ขณะนี้ยังมีเหลือขายอีก 615 หน่วย คาดว่าจะต้องใช้เวลาขายอีกนานถึง 55 เดือน เป็นสินค้าที่ราคาค่อนข้างสูงในย่านนี้
อันดับที่ 10 ทำเล A4: รังสิต คลอง 7-16 ณ ระดับราคา 1.001-2.000 ล้านบาท หรือเฉลี่ยหน่วยละ 1.736 ล้านบาท มีอัตราการขายต่ำมากเพียง 1.12% ต่อเดือน ขณะนี้ยังมีเหลือขายอีก 184 หน่วย คาดว่าจะต้องใช้เวลาขายอีกนานถึง 25 เดือน อาจเป็นปัญหาเฉพาะบางโครงการ
อันดับที่ 11 ทำเล N5: ไทรน้อย-สุพรรณบุรี ณ ระดับราคา 3.001-5.000 ล้านบาท หรือเฉลี่ยหน่วยละ 3.258 ล้านบาท มีอัตราการขายต่ำมากเพียง 1.20% ต่อเดือน ขณะนี้ยังมีเหลือขายอีก 597 หน่วย คาดว่าจะต้องใช้เวลาขายอีกนานถึง 57 เดือน ราคาอาจสูงเกินไปในย่านทำเลนี้
อันดับที่ 12 ทำเล H5: ศรีนครินทร์-เทพารักษ์ ณ ระดับราคา 2.001-3.000 ล้านบาท หรือเฉลี่ยหน่วยละ 2.870 ล้านบาท มีอัตราการขายต่ำมากเพียง 1.21% ต่อเดือน ขณะนี้ยังมีเหลือขายอีก 81 หน่วย คาดว่าจะต้องใช้เวลาขายอีกนานถึง 48 เดือน ยังมีสินค้าอื่นทดแทน
ในแง่หนึ่งนี่อาจเป็นโอกาสทองในการต่อรองกับผู้ขายเผื่อได้ราคาถูกลง แต่โดยที่ยังขายไม่ได้ บางโครงการก็ยังไม่ได้สร้างจนครบถ้วน จึงอาจมีความเสี่ยงในการซื้อเช่นกัน แต่หากต่อรองซื้อขายกันได้ ก็จะถือว่า Win Win ต่อทั้งสองฝ่าย (ผู้ซื้อ ผู้ขาย) และอาจรวมถึงสถาบันการเงินที่อำนวยสินเชื่อด้วย ลองเจรจากันดูได้ตามสมควร