กางแผนรับมือน้ำท่วมระลอกใหม่ เฝ้าระวังฝนหนักเดือนกันยายนนี้
ยังอยู่ในช่วงฤดูฝนเต็มตัวสำหรับพื้นที่ทุกภาคของประเทศไทย ถึงแม้สถานการณ์ฝนตกหนักจะน้อยลงในบางพื้นที่ แต่ในเดือนกันยายนนี้"กรมอุตุนิยมวิทยา" คาดการณ์ว่าสถานการณ์ฝนจะกลับมารุนแรงอีกครั้ง
พื้นที่กรุงเทพฯ ถือเป็นจุดสำคัญที่ประชาชนคาดหวังไว้สูงว่าจะสามารถรับมือกับปริมาณฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก ซึ่งที่ผ่านมาหลายครั้งถนนสายสำคัญในกรุงเทพฯ ยังไม่สามารถรองรับปริมาณฝนได้ กระทบต่อการเดินทางของประชาชน โดยขณะนี้ยังไม่มีวี่เเววว่าผู้บริหารกรุงเทพมหานคร(กทม.) ชุดไหน จะแก้ปัญหานี่ได้เบ็ดเสร็จเด็ดขาด มากกว่าไล่ประชาชนให้ไปอยู่บนดอย
ปฏิเสธไม่ได้ว่าปัญหาน้ำท่วมเป็นปัญหาอันดับต้นๆ มี่คนกรุงเทพฯ อยากให้หน่วยงานที่รับผิดชอบหามาตรการแก้ปัญหาอย่างจริงจังและรวดเร็ว ไม่ให้เกิดภาพน้ำท่วมซ้ำซากในจุดอ่อนหลายพื้นที่
หากตรวจสอบระบบป้องกันน้ำท่วมกทม.นั้น พบว่า ที่ผ่านมากทม. ได้เร่งปรับปรุงศูนย์ควบคุมระบบป้องกันน้ำท่วมกรุงเทพมหานคร โดยพัฒนาระบบตั้งแต่ ซอฟแวร์เชื่อมโยงข้อมูลปริมาณน้ำฝนจากสถานีสูบน้ำ จำนวน 131 สถานี สถานีตรวจวัดระดับน้ำในคลอง จำนวน 263 สถานี และสถานีวัดอัตราการไหลของน้ำ จำนวน 32 สถานี ส่งผลให้สามารถรายงานสถานการณ์น้ำได้แบบ"เรียลไทม์" พร้อมเพิ่มจุดวัดระดับน้ำและการไหลของน้ำที่สถานีสูบน้ำ คลองสายต่างๆ เพื่อประเมินสถานการณ์น้ำในพื้นที่ รวมถึงติดตั้งเครื่องสูบน้ำประจำจุดเสี่ยงสำคัญ โดยมีเจ้าหน้าที่พร้อมรับสถานการณ์ตลอด 24 ชั่วโมง
ข้อมูลทั้งหมดจะส่งตรงแจ้งไปยังประชาชน เพื่อเตรียมรับมือสถานการณ์น้ำในช่วงเดือนกันยายนนี้ ที่มีการคาดว่าจะมีฝนตกในพื้นที่กรุงเทพฯ มากขึ้น โดยจากสถิติฝนในรอบ 26 ปี พบว่า เดือนกันยายนจะมีปริมาณฝนเฉลี่ย 340 มิลลิเมตร ซึ่งถือเป็นช่วงเดือนที่มีปริมาณน้ำฝนสูงสุดในรอบปี โดยเฉพาะในเดือนกันยายน จะเป็นเดือนที่กรุงเทพฯจะได้เจอกับ 3 น้ำพร้อมกัน ตั้งแต่"น้ำฝน-น้ำเหนือ-น้ำหนุน" มาพร้อมกันด้วย
ขณะที่หน่วยงานสำคัญอย่าง
"กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย(ปภ.)" ซึ่งเป็นหน่วยงานรับผิดชอบภาพรวม ได้คาดการณ์ว่า ช่วงวันที่ 17 – 19 สิงหาคม 2560 บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้ จะมีฝนตกหนักถึงหนักมากในหลายพื้นที่อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำล้นตลิ่ง น้ำป่าไหลหลาก และดินถล่มในพื้นที่เสี่ยงภัยได้ โดยเฉพาะวันที่ 19 สิงหาคม จะมีฝนตกเพิ่มมากขึ้นในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบกับมวลน้ำที่ไหลมาสมทบรวมกับการระบายน้ำจากเขื่อนหรืออ่างเก็บน้ำ อาจส่งผลให้บริเวณพื้นที่ที่มี"น้ำล้นตลิ่ง" และ"น้ำท่วมขัง" อยู่เดิม พุ่งเป้าไปที่พื้นที่ 4 จังหวัด ได้แก่ ยโสธร สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี อาจมีระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้น
กรมปภ.จึงได้ประสาน 10 จังหวัด รวมถึงศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต และสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดในพื้นที่เสี่ยงภัย เตรียมพร้อมรับมือฝนตกเพิ่มขึ้น ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำล้นตลิ่ง และดินโคลนถล่ม โดยจัดเจ้าหน้าที่และ"มิสเตอร์เตือนภัย" ติดตามสภาพอากาศเพิ่มความถี่ในการตรวจวัดปริมาณฝน โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีปริมาณน้ำฝนสะสมสูง ให้สังเกตการเปลี่ยนแปลงของระดับน้ำ รวมถึงจัดเตรียมชุดเคลื่อนที่เร็ว วัสดุอุปกรณ์ และเครื่องจักรกลด้านสาธารณภัยประจำพื้นที่เสี่ยงให้พร้อมปฏิบัติการเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัย
ที่สำคัญให้เจ้าหน้าที่พร้อมแจ้งเตือนประชาชนที่อาศัยบริเวณพื้นที่เสี่ยงภัย โดยเฉพาะที่ลุ่มต่ำริมลำน้ำ ที่ลาดชันเชิงเขา และพื้นที่ที่เคยประสบปัญหาอุทกภัยให้ระมัดระวังอันตรายจากสถานการณ์ภัยในช่วงฝนตกหนักสะสมในพื้นที่ หากมีฝนตกหนักถึงหนักมากปริมาณน้ำฝนสะสมมากกว่า 90 มิลลิเมตรต่อวัน ให้พิจารณาอพยพประชาชนไปยังสถานที่ปลอดภัย หรือจัดตั้งศูนย์พักพิงชั่วคราว เพื่อประสานให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยทันที
ทั้งหมดจึงเป็นแผนล่าสุดของกทม.และกรมปภ. ต่อมาตรการรับมือฝนในเดือนกันยายนนี้ โดยมีความเดือดร้อนของประชาชนเป็นเดิมพันทั้งสิ้น
สำนักข่าวไทยทริบูน รายงาน