เบื่อเหนียง! มาดูดไขมันบอกลาคางสองชั้นดีกว่า@-@
“น้อง น้อง เอียงหน้าอีกนิดได้มั้ยครับ เหนียงโผล่หน้ากลมเชียว พี่ขี้เกียจรีทัช” คำนี้ได้ยินบ่อยมากจนเบื่อเลยค่ะ ปัญหาเหนียงโผล่ของเราอยู่กับเรามาอย่างเหนียวแน่นยาวนานมาก ถ้ามีมงจะมอบมงให้เหนียงของเราเลยค่ะ
“เราก็ผอมนะ แต่ทำไมยังมีเหนียงโผล่ออกมาเยอะแยะเลย” เราเคยสงสัยแบบนี้เหมือนกัน เชื่อว่าสาวไทยเกือบครึ่งก็คิดแบบเรา เราเลยนั่งหาข้อมูลซะเลย (ขอเอามาแบ่งปันให้ชาวพันทิปได้รู้ด้วยนะคะ)
“เหนียงเกิดจากอะไรกันน้า” = เหนียงเกิดจากไขมันที่สะสมอยู่ใต้คางของเราจนพอกพูนขึ้นเป็นก้อน ซึ่งอยู่ในช่วงระหว่างใต้คางและใต้ขากรรไกรของเราค่ะ ส่วนสาเหตุที่ทำให้เกิดเหนียงใต้คางนี้ก็มาจากการขาดการออกกำลังกาย และการรับประทานอาหารแบบไม่เลือก โดยเมื่อเราไม่หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันนานวันเข้ามันก็เกิดเป็นเหนียงหย่อนๆ อย่างที่เราเห็นกัน และยิ่งบวกกับการไม่ออกกำลังกายด้วยล่ะก็จะยิ่งทำให้เห็นชั้นได้ชัดเจนมากขึ้นเลยทีเดียวนะคะ อีกอย่างการนั่งก้มหน้าเล่นโทรศัพท์บ่อยๆ ก็มีส่วนทำให้เหนียงออกมาเยอะกว่าเดิมอีกด้วย!
เราอ่านจบแล้วแบบ เอ้อออ นี้มันเรานี่หว่า ตรงกับเราทุกข้อเลยอ่ะ เซ็งมาก เราก็เริ่มหาข้อมูลอีกว่าทำยังไงให้เหนียงหายไปได้บ้าง มีวิธีหนึ่งบอกให้เคี้ยวหมากฝรั่ง เออดี แก้เครียดด้วย เราก็เคี้ยวทั้งวันจนเหมื่อยปาก รู้มั้ยเราทำไปเป็นเดือน แต่ผลที่ได้คือเงียบกริบ ไม่มีสัญญาณบ๊ายบายจากเหนียงเราเลยยย เฮ้อออ หาวิธีกันต่อไป
นั้นแหละค่ะ เราก็หาข้อมูลว่าทำยังไงถึงจะลดเหนียงได้อีก แล้วเราก็ไปเจอสิ่งประดิษฐ์ที่เรียกว่า เข็มขัดหน้าเรียว เออคือก็ดูน่าสนใจนะ ใส่ตอนกลางคืนตื่นขึ้นมาหน้าเรียวปิ๊ง เราก็ถอยมา 1 อัน คล้ายๆ แบบในรูปเลย
ลองใส่ไป 2 อาทิตย์ อันนี้เป็นผลจากที่เราลองใช้มานะคะ ตอนเราใส่ช่วง 2-3 วันแรกก็ไม่รู้สึกว่าเห็นผลอะไรนะคะ(ปกติเราใส่ก่อนนอน) แต่หลังจากผ่านไป 1 อาทิตย์ ตื่นมาตอนเช้ารู้สึกว่าเหนียงหายไปค่า เออตอนนั้นคือกรี๊ดมากกกก รักสุดอะไรสุด ตื่นมาแล้วหน้าเรียวไม่บวมฉึ่ง คือดีเหมือนเสกมนต์มั้ยล่ะ แต่เชื่อมั้ยพอตกบ่ายมาเหนียงมันก็กลับมาจ้า เออดีจริงนี่ต้องใส่ผ้าพันไว้ตลอดใช่มั้ย! ก็นั้นแหละค่ะ สาเหตุที่ทำให้เราต้องหาวิธีใหม่ที่ทำให้เหนียงหายไปอย่างถาวร!
ช่วงใช้ผ้ารัดหน้า หน้าเรียวเว่อ
มาต่อเรื่องการกำจัดเหนียงของเราอีกดีกว่า หลังจากอกหักกับเข็มขัดรัดหน้าแล้ว เราก็หาวิธีมาเรื่อยๆ จนเจอ อีกวิธีที่ต้องเจ็บตัว แต่เค้าบอกว่าทำแล้วไม่เจ็บใจแน่นอน นั้นก็คือการดูดไขมันค่ะ ตอนแรกก็งงๆ หน่อย ว่าดูดไขมัน มันดูดที่หน้าได้ด้วยหรอ เพราะเคยเห็นแต่ดูดไขมันตัว หรือไม่ก็ตัดไขมันกระพุ้งแก้มกัน แต่จากที่เราหาข้อมูลมามันสามารถดูดไขมันหน้าได้ด้วยค่ะ เออโลกมันไปไกลจนเราหมุนตามไม่ทันแล้ว เราหาข้อมูลเรื่องดูดไขมันเหนียงไว้ด้วย (ขอเอามาแชร์ด้วยนะคะ)
“การดูดไขมันใบหน้าคืออะไร” การดูดไขมันหน้าเป็นการดูดไขมันในบริเวณ เหนียง คอ แก้มด้านล่าง และขอบกราม ขึ้นอยู่กับปัญหาและการสะสมของไขมันในแต่ละบุคคล เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยในการปรับรูปหน้าให้เรียวขึ้น มองเห็นรูปของคอ กรอบหน้า และคางได้ชัดเจนยิ่งขึ้น ทำให้ดูผอมลง และอ่อนเยาว์ เพราะการมีไขมันสะสมอยู่บริเวณใบหน้าโดยเฉพาะบริเวณช่วงล่างจะทำให้แลดูสูงอายุ การดูดไขมันทำให้รูปหน้าดูดีขึ้น
รูปตอนที่ดูดไขมันเหนียง เราไปดูดรูปจากในเน็ตมาค่ะ
พอหาข้อมูลเยอะๆ มันก็ทำให้เราสนใจอะเนอะ ก็สะดุดตาที่คลินิกนึง เป็นคลินิกศัลยกรรม ทำผิว คล้ายๆ นิติพลอะไรพวกนั้น เราก็เลยลองเข้าไปคุยกับหมอดูว่าคุณหมอเป็นยังไงสถานที่เป็นแบบไหนบ้าง (อันนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของเราจากการที่เข้าไปสัมผัสมานะคะ) การเดินทางเราเดินทางด้วย BTS เพราะไม่ต้องเบื่อเรื่องรถติดด้วย อีกอย่างก็เบื่อแท็กซี่ที่ชอบไปส่งรถ เติมน้ำมันอีก เพราะคลินิกที่เราไปอยู่ใจกลางเมืองเลย เรื่องรถติดนี่บอกเลยว่าติดสุดๆ เอาเป็นว่าเดินทางด้วย BTS ง่ายสุดค่ะ บรรยากาศในคลินิกค่อนข้างโอเคดูสะอาด ถ้าเทียบกับคลินิกอื่นที่เราเคยเข้าไปทำผิวมาบ้าง อารมณ์ไม่ค่อยต่างกันเท่าไหร่ เรื่องบริการไม่ขอพูดถึงแล้วกันเนอะเดี๋ยวหาว่าอวย แต่คลินิกค่อนข้างเล็กทำให้หาที่นั่งยากนิดนึง อีกอย่างนึงที่ขอติคือเรื่องการรอคิว เราว่านานไป คนก็เยอะนั่งเล่นจนโทรศัพท์แบตจะหมดถึงได้เข้าไปคุย ไม่รู้ว่าที่อื่นเป็นแบบนี้เหมือนกันหรือเปล่า
นั่งเล่นโทรศัพท์รอเข้าไปปรึกษา ให้เพื่อนถ่ายรูปให้ เหนียงโผล่ซะงั้นTT
วันเข้ามาปรึกษากับคุณหมอ - ตอนแรกคุณหมอตกใจว่าทำไมต้องดูดเหนียง เพราะเราดูตัวเล็ก มองหน้าตรงๆ ก็ดูหน้าเรียวดี แต่พอเราหันข้างให้ คุณหมอบอกโอเครู้เรื่อง ตอนที่คุยคุณหมอก็มีการมาเช็คโดยจับที่เหนียงดู และให้เราลองก้มหน้าแบบรูปข้างล่าง คุณหมอก็บอกว่าถ้าลองก้มหน้าแล้วถ้ารู้สึกเหมือนก้อนอะไรมาค้ำคอ นั้นแหละค่ะเหนียง!
หน้าตรงๆ ดูไม่มีอะไร แต่หันข้างเท่านั้นแหละ ผ่าง! เหนียงออก
ตกลงปลงใจเลือกดูดไขมันเหนียงกับที่นี่ พนักงานก็บอกให้งดสังสรรค์ ปาร์ตี้ นอนหลับให้เพียงพอ งดเหล้า บุหรี่(ถ้าใครสูบ) และวิตามิน รวมถึงยาที่กินประจำด้วย ใครที่มีโรคประจำตัวอะไรควรปรึกษากับคุณหมอเจ้าของโรคด้วยนะคะ ว่าสามารถทำศัลยกรรมได้หรือไม่ ทางที่ดีควรขอใบรับรองแพทย์มาด้วยนะคะ
วันเข้ามาผ่าตัด - เราได้ดูดไขมันช่วงบ่ายโมง สอบถามกับทางคลินิกแล้วสามารถทานอาหารได้ปกติ แต่ไม่ควรเยอะมาก เพราะทางคลินิกจะให้ยานอนหลับแบบอ่อนๆ (หรือที่หลายคนเข้าใจว่าเป็นยาเบลอนั้นแหละค่ะ) ซึ่งทางคลินิกบอกว่าอาจทำให้เกิดเอฟเฟคหลังทำ เช่น เวียนหัว หรืออ้วกได้ เราจึงไม่ควรทานอาหารมากเกินไปเพื่อเลี่ยงอาการเหล่านี้ค่ะ ก่อนเข้าไปดูดไขมัน เราต้องเซ็นใบยินยอมการทำศัลยกรรม แล้วก็มีดูวีดีโอการดูแลก่อนทำหลังทำด้วย จากนั้นก็มีเข้าไปถ่ายรูปก่อนทำค่ะ เค้าจะให้ถ่ายหน้าตรง หน้าข้างซ้าย หน้าข้างขวา แล้วถึงให้ไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ล้างหน้า
ก้มหน้าดูเหนียงกันนิดนึง
เสร็จก็เข้าห้องดูดไขมันได้เลย ห้องที่เราเข้าไปดูดไขมันไม่ใหญ่มากค่ะ ในห้องมีพวกเตียงและอุปกรณ์แพทย์เยอะอยู่ ในห้องมีพยาบาลอยู่ประมาณ 3 คน และคุณหมอค่ะ พอเข้าห้องไปคุณหมอก็เข้ามาคุยกับเราอีกรอบนึง เค้าคุยกับเราแล้วบอกว่าจะดูดไขมันช่วงไหนออกบ้าง มีการเอาปากกามาวาดตรงส่วนที่ต้องดูดไขมันออกไปด้วย พอคุณหมอวาดเสร็จเลยขอถ่ายรูปนิดนึง อืมเหนียงออกมาเยอะดีจัง
รอยวาดเตรียมตัวกำจัดเหนียง
ได้เริ่มดูดไขมันออกจริงๆ ก็เกือบบ่ายสองได้ ตอนที่นอนอยู่บนเตียงก็มีพยาบาลมาเช็ดหน้าให้แล้วคุณหมอก็บอกว่าจะฉีดยาอะไรซักอย่างให้ เราฟังไม่ค่อยถนัด จากนั้นเราก็รู้สึกลอยๆ แล้วหลับไปเลย
ตื่นมาแอบถามคุณหมอว่าเสร็จหรือยัง คุณหมอก็บอกกำลังปิดแผล ใกล้เสร็จแล้ว ตอนนั้นคิดอยู่สองอย่างคือ เออใกล้เสร็จแล้วดีจัง กับอีกอย่างคือโล่งอกที่ไม่ตื่นตอนที่คุณหมอกำลังดูดไขมัน คือทุกคนคิดสิถ้าเราตื่นขึ้นมาตอนดูดไขมันนะ เราต้องกรี๊ดแตกแน่ๆ เพราะเคยดูจากในรูปเค้าจะมีเหล็กเสียบที่คางอ่ะ น่ากลัว
หลังจากนั้นไม่เกิน 10 นาที คุณหมอก็เย็บแผลเสร็จ พยาบาลก็ให้ลุกขึ้นแล้วสอนวิธีใส่ผ้ารัดหน้า (ที่ต้องใส่ผ้ารัดหน้าเพราะว่าต้องให้ช่องว่างระหว่างผิวหนังกับกรอบหน้า(ส่วนที่ไขมันเคยอยู่)แนบติดกัน ไม่อย่างนั้นผิวจะหย่อนค่ะ) รัดผ้าที่หน้าเสร็จพยาบาลก็พาเดินไปที่ห้องพักค่ะ (ตอนเดินนี่รู้สึกเลยว่ามึนหัว บ้านหมุน เหมือนจะเป็นลม แต่พอได้นั่งก็รู้สึกปกติค่ะ) ระหว่างที่พักคุณหมอก็เดินมาถามว่าเป็นยังไงบ้าง แต่ตอนนั้นเราไม่ได้รู้สึกอะไรนอกจากมึนหัว เลยบอกคุณหมอไปว่าปกติดีค่ะ
“ข้างล่างเป็นภาพไขมันของเราเองค่ะ ใครขี้กลัวไม่ควรดูนะคะ ตอนเราเห็นยังรู้สึกว่ามันน่ากลัวแปลกๆ เลย”
(นี่เป็นรูปไขมันของเราเองค่ะ ที่ดูน้อยเพราะเหนียงเราไม่ได้ใหญ่มากอะไร ขอลดสีเพื่อลดความน่ากลัวหน่อยนะคะ)
หลังจากนอนพักนึง เราก็รู้สึกดีขึ้น ก็เลยกลับบ้านเลยค่ะ ไม่ใช่ว่าเดินเที่ยวต่อไม่ไหวนะคะ แต่ไม่อยากเป็นซอมบี้ออกไปเจอผู้คนกลัวเค้ากลัว กลับมาบ้านถ่ายรูปดู หน้าเราบวมแป้นแล้นเว่อ ดูสิ แต่อาการเจ็บอะไรไม่มีเลยสงสัยยาชายังไม่หมดฤทธิ์ ส่วนเรื่องกินข้าว กินขนม เรากินได้ปกติไม่มีอาการคลื่นไส้เลยค่ะ
วิธีการดูแลและพักฟื้น - ไม่มีอะไรมากค่ะ เราเอาภาพที่หาเจอมาฝากด้วย จะได้เข้าใจง่ายๆ ขอสรุปสั้นๆ ในแบบที่เราทำนะคะ เรามีประคบเย็นช่วง 3 วันแรกค่ะ จากนั้นก็ประคบอุ่นด้วยเพราะว่าเรามีรอยช้ำใต้คางค่ะ เรื่องการกินเรากินปกติเลยยยย มีงดปาร์ตี้สังสรรค์แค่นั้นเองค่ะ เพราะเราไม่ได้บวมมากอะไร รอยช้ำอาทิตย์เดียวก็หายแล้ว
มาดูหน้าของเราช่วงอาทิตย์แรกดีกว่า ว่าเป็นยังไงบ้าง - หลังดูดไขมันวันแรกเลยค่ะ วันนั้นตื่นขึ้นมาแล้วถอดผ้าพันหัว เพื่อล้างหน้า อาบน้ำ เจอรอยใต้คอเลยค่ะ ออกแนวแดงๆ ช้ำๆ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะตอนดูดไขมัน หรือเป็นเพราะใส่ผ้ารัดหน้าไว้ เราลองกดดูก็เจ็บอยู่นะคะ แต่ไม่กดก็ไม่เจ็บ เลยทำให้หลังจากประคบเย็นเสร็จ เราต้องมานั่งประคบอุ่นต่อ
อันนี้หลังทำมาได้ 4 วันแล้ว ตอนถ่ายแสงน้อยไปหน่อยต้องขอโทษด้วยค่า วันนี้ออกไปข้างนอกมาเลยไม่กล้าใส่ผ้าพันหน้าออกไป แต่เริ่มเห็นแล้วว่าหน้าเริ่มยุบ รอยใต้คอเริ่มเป็นสีเหลืองแล้วค่ะ มีตรงที่ช้ำมากๆ ถึงจะเห็นเป็นรอยคล้ำ เอาจริงๆ ตั้งแต่ดูดไขมันหน้ามา ไม่ได้รู้สึกเจ็บอะไรนะคะ แต่มีรำคาญผ้าพันหน้าอยู่ เพราะต้องใส่ตลอดอึดอัด
ครบ 1 อาทิตย์แล้ว รอยช้ำหายไปแล้ว แต่ยังมีรอยเหลืองๆ อยู่บ้าง เราไปตัดไหมที่คลินิกมาคุณหมอก็เช็กแผล เช็กคอให้ เค้าบอกว่าไม่เกิน 3 วัน รอยช้ำก็จะหายแล้ว แต่เรื่องยุบเข้าที่ต้องใช้เวลาหน่อย ตอนนี้ร่างกายกำลังรักษาตัว แต่จะเห็นผลเรื่อยๆ แน่นอน
ซึ่งเราก็คอยสังเกตอยู่น้า ว่าเรายังมีเหนียงออกอยู่มั้ย คือเสียตังไปไม่ใช่น้อยน้า ถ้าไม่เห็นผลนี้คงร้องไห้อ่ะ แต่ก็ยังดีที่หลังดูดไขมันครบเดือนต้องไปหาคุณหมออีก เราว่าถ้ามันไม่เปลี่ยนเราจะไปทำเรื่องขอคืนเงินซะเลย
กลับไปเจอคุณหมออีกครั้งหลังจากหายไป 3 อาทิตย์ ก่อนเข้าพบหมอ พนักงานก็ให้เราเข้าไปถ่ายรูปหลังทำเก็บไว้เหมือนตอนแรกเลยค่ะ มีถ่ายรูปหน้าตรง หันซ้าย หันขวาเหมือนเดิมเลยค่ะ ถ่ายรูปเสร็จก็ออกมานั่งรอเหมือนเดิม ซักพักคุณหมอก็เรียกไปคุยด้วย รอบนี้คุณหมอมีรูปมาเทียบให้ดูด้วยว่าไขมันที่เราดูดไปเห็นผลบ้างมั้ย เป็นรูปข้างล่างค่ะ (เราขอไฟล์ภาพจากคุณหมออีกที)
คุณหมอ เค้าก็มีถามว่ามีอาการเจ็บ หรือปวดตรงที่เราโดนดูดไขมันไปมั้ย ซึ่งเราไม่เจ็บค่ะรอดไป (คุณหมอบอกว่าบางคนก็มีอาการเจ็บเหมือนกันแต่เป็นส่วนน้อย) แล้วก็เอาภาพมาเทียบให้เราดูค่ะ คุณหมอบอกว่าตอนนี้เพิ่งดูดไขมันออกไปแค่ 1 เดือน อาจจะเห็นผลน้อย แต่ลองสังเกตดูว่ามีช่องว่างระหว่างคางกับคอมากขึ้น ขอให้เราใส่ผ้ารัดไว้อีก 3-4 เดือน ใส่แค่ก่อนนอนก็ได้ เพื่อให้เหนียงเข้าที่เร็วขึ้น (ขอให้หายเร็วกว่านั้นเถอะ เพี้ยง)
สรุปหลังการทำ - ตอนนี้เราก็ทำได้แค่รอ รอ และรอค่ะ แต่ไม่ใช่ว่าไม่เห็นผลนะคะ สำหรับเราตอนนี้ไอ้ที่ห้อยๆ มันหายไปแล้ว แต่ก็ยังไม่ดูกระชับมากเท่าไหร่ ต้องอดทนสินะ เรื่องนี้ทำให้เรารู้ว่าการทำศัลยกรรมก็ต้องใช้เวลา ไม่มีอะไรที่ได้ผลเร็วหรือเห็นผลทันใจไปซะทุกอย่าง อะไรที่ได้มาเร็วก็หายไปเร็วเหมือนกัน เหมือนโบท็อกซ์ที่เห็นผลไวก็ต้องมาทำบ่อยๆ เหมือนกันใช่มั้ยล่ะคะ อีก 4 เดือนเจอกันนะคะทุกคน ถ้าเห็นผลเราจะมาบอกต่ออีกนะคะ สำหรับครั้งนี้ขอลาไปก่อนนะคะทุกคนนนน