ชื่อศศิโฉม สังข์มุรินทร์คะ ชื่อเล่นมะปรางคะ อายุ 32 ปี อยู่ออสเตรเลียมา 10 ปีแล้ว ตอนนี้ทำกิจการร้านอาหารและเป็นหุ้นส่วนร้านอาหารคะ เวลาว่างจะชอบไปเที่ยวนอกเมือง หรือไปต่างเมือง เพื่อไปพักผ่อน ถ่ายรูป และบางทีชอบไปคาเฟ่นอกเมืองคะ แต่ไปคาเฟ่นี่เรามีจุดประสงค์คะ เพราะเราไปดูการแต่งร้าน บรรยากาศ อาหาร รสชาติกาแฟ และการบริการคะ เพราะมีแพลนในอนาคตอยากเปิดคาเฟ่คะ
มาออสเตรเลียเพราะโดนดูถูก…
ขอย้อนนิดนึงคือเราเรียนจบปริญญาตรีที่มหาวิทยาลัยราชภัฎเทพสตรี จังหวัดลพบุรี เราเห็นว่ามันเป็นสิ่งปกติมาก แต่หลายๆครั้งที่เราไปสมัครงาน…เรามักโดนดูถูกเราว่า “เรียนจบราชภัฎจะไปทำอะไรได้”
มันจึงมีจุดพลิกผันที่ว่า “ถ้าเราไม่ใช่ตัวเลือกของเขา เราจงไปเลือกด้วยตัวเองดีกว่า…” จึงตัดสินใจมาเรียนภาษา และตั้งใจอยากเรียนต่อออสเตรเลียคะ เรารู้ว่าต้องหาเงินเรียนอะไรเอง เพราะครอบครัวเราไม่ใช่คนรวยนะคะ ฐานะปานกลาง พ่อรับราชการคะ แม่เป็นช่างเย็บผ้า และเปิดร้านขายของชำคะ ซึ่งการที่พ่อกับแม่ต้องหาเงินส่งลูกมาเรียนเมืองนอกนี่ เป็นอะไรที่ยากแต่เราก็ตกลงใจไปคะ
มาถึงออสเตรเลียแล้วเป็นอย่างไร
พอมาถึง เราก็มาอยู่กับพี่ชายคะ มีเงินติดตัวมา $800 พักได้ 1 วัน ก็เริ่มเรียนภาษาคะ เราพูดไม่ได้เลย ครูถามมา 1 คำถาม กว่าจะตอบครูได้ ผ่านไปสัก 10 นาทีคะ คือเอาคำถามครูมานั่งแปลเป็นภาษาไทย แล้วเอาภาษาไทยแปลเป็นภาษาอังกฤษอีกทีคะ มันเลยช้ามาก จนครูที่สอนไม่ถามเราเลย
หลังจากนั้น เราเรียนไปสัก 1 เดือน มันมีปัญหาแล้วที่ว่า เรารู้เรื่องที่เขาพูด แต่เราพูดตอบเขาไม่ได้ เราตอบช้า จนมีครูคนนึง ชื่อ Diana คะ เห็นปัญหาเรา ก็เข้ามาช่วย เค้าจับเราไปนั่งเรียนตัวต่อตัว หลังเลิกเรียน วันละ 1 ชั่วโมง เป็นเวลาเกือบ 3 เดือน จนเราเริ่มพูดได้ ต้องขอบคุณเค้าในตอนนั้นที่ช่วยเรา และก็เพื่อนในห้องด้วยคะ
แล้วเงิน $800 ที่พกมาล่ะ…
เงินจาก $800 เหลือ $150 กับวีซ่าอีก 9 เดือน ไม่มีงานทำมา 3 เดือนค่ะ
คิดแล้วคะว่าตอนนั้นจะไปหางานทำคะ ร้านแรกไปสมัครเป็นร้านแถวทะเลคะ แต่เกิดหลงทาง โทรถามเขาแล้ว ถามอีก ทำให้ไปสาย 1 ชั่วโมง พอไปสัมภาษณ์ไม่ผ่าน ก็กลับบ้านร้องไห้ตามระเบียบ แต่ไม่ยอมแพ้คะ
จนมาวันนึงที่โรงเรียนจะมีป้ายติดรับสมัครคนในครัว เราก็ไปสมัคร ปรากฎว่าได้คะ เป็นร้านไทยเล็กๆ แต่แอบยุ่ง เพื่อนร่วมงานดี ทำงานสนุกสนานคะ
บางทีเรา “ดูถูก” ตัวเองไปเอง…
พอสักพักเริ่มสนิทกัน เริ่มถามประวัติส่วนตัว พี่เจ้าของร้านจบมหาวิทยาลัยที่ออส พี่คนผัดและพี่คนเสิร์ฟต่างจบจาก ม.ชื่อดังในกรุงเทพฯ เราเองบอกว่าเรามาจากราชภัฎคะ ซึ่งในใจตอนนั้นเราแอบคิดว่า เค้าจะคิดกับเรายังไง เพราะเราไม่ได้จบมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงเหมือนมหาวิทยาลัยพวกเขาเลย
แต่ไม่ใช่อย่างที่คิดคะ ไม่มีใครพูดอะไรทั้งนั้น และเค้าก็ไม่สนใจด้วยว่าเราเรียนจบมาจากไหน จนมีพนักงานใหม่เข้ามาเรื่อยๆคะ บางคนจบเกียรตินิยมก็มีคะ
จนตอนนั้นมันทำให้เราคิดได้ว่า การจะได้งานทำ มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับใบปริญญาเลย ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเกรดเรียน แต่มันขึ้นอยู่กับความขยัน อดทน และตั้งใจต่างหาก
ถ้าระดับการศึกษา หรือเกรดไม่สำคัญ…อะไรล่ะที่สำคัญในการสมัครงานที่ออสเตรเลีย
เหมือนเวลาสมัครงานที่นี่ เขามักจะเขียนไว้ว่า Work well under pressure นั่นคือต้องใช้ความอดทนในการทำงานไม่ว่าจะเจออะไรก็ตามคะ หลังจากนั้นความคิดเราเปลี่ยนไปคะ ใบปริญญาก็เก็บไว้ในกล่องเลย
“ประสบการณ์” เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ไม่ว่าจะสมัครงานที่ไหน มันเป็นสิ่งที่เค้าจะดูเป็นอันดับแรก จาก Resume และ CV ว่าผ่านสมรภูมิอะไรมาบ้าง เจอระเบิดมากี่ลูก แล้วแก้สถานการณ์ยังไง
ดังนั้นการแก้สถานการณ์เป็นมันคือปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ได้งานนะคะ
มีอะไรอยากฝากไว้กับคนไทยด้วยกันบ้าง
1) 10 ปีแล้วที่อยู่ออสเตรเลียมา ผ่านร้อน ผ่านหนาว ผ่านพายุมาหลายลูก จนมีกิจการเป็นของตัวเอง เราควรหันกลับไปมองว่าเรามีทุกวันนี้ได้เพราะอะไร เพราะทุกๆวัน มันมีหลายสิ่งหลายอย่างเข้ามาในชีวิต ให้ได้เจอ ให้ได้แก้ไข ให้ได้บทเรียนหลายๆอย่าง ให้เราเก่งขึ้นทุกวันนั่นเองค่ะ
2) ”อย่าดูถูกตัวเองคะ” เพราะเราจบราชภัฎมา เราเรียนไม่เก่ง บ้านเราไม่ได้มีเงินมากมาย ไม่ได้หมายว่า เราทำไม่ได้ “เราต้องลงมือทำเท่านั้นคะ” จึงจะมีความรู้เพิ่มและรู้ว่าเราทำได้
แต่ก็ไม่ได้อยากให้คิดว่าการศึกษาไม่สำคัญนะคะ การศึกษาก็สำคัญด้วยคะ เพราะมันเป็นพื้นฐานสำหรับชีวิต แต่การใช้ชีวิตจริงนั้นมันเป็นการเรียนรู้นอกระบบและหาไม่ได้จากใบปริญญาคะ
“ทุกวันนี้ก็ภูมิใจนะคะ ว่าเคยโดนดูถูกว่าเรียนราชภัฎมา แต่เราก็ประสบความสำเร็จได้และลบคำสบประมาทได้สำเร็จเหมือนกัน”
สมัยเรียนภาษาคะ และนี่คือเพื่อนกับครู ที่ช่วยให้มีชีวิตรอดกับภาษาอังกฤษมาได้
เบื่อ เหนื่อย ล้า ต้องไปฟังเสียงทะเลคะ สดชื่นทันที
ถ้าไม่ได้มาอยู่ออสเตรเลีย จะไม่มีทางรู้เลยคะ ว่าหิมะของจริง กับหิมะดรีมเวิร์ล ต่างกันยังไง
อย่าอยู่แต่ Sydney คะ เมืองอื่นก็สวยไม่แพ้กัน
งานคือเงิน เงินคืองานคะ ท่องไว้คะ จะได้ไม่เหนื่อย