ISIS ไม่ใช่อิสลาม ?? ไม่ใช่มุสลิม ?
นักวิชาการมุสลิมจำนวน 120 คนจากส่วนต่าง ๆ ของโลกได้ออกแถลงการณ์ในจดหมายเปิดผนึกความยาว 18 หน้าถึงบรรดา “นักรบและสาวก” ของกลุ่มที่เรียกตนเองว่า “รัฐอิสลาม” หรือ Islamic State โดยชี้แจงให้เห็นว่าการกระทำของพวกเขาขัดต่อคำสอนของอิสลามโดยสิ้นเชิง
ข้าพเจ้าไม่ใช่นักวิชาการด้านศาสนา แต่เป็นมุสลิมที่เชื่อมั่นในบทบัญญัติอันงดงามของอิสลามที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของความยุติธรรม และเห็นว่าจดหมายเปิดผนึกฉบับนี้น่าจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่ต้องการศึกษาถึงบทบัญญัติที่แท้จริงของอิสลาม จึงขอสรุปประเด็นสำคัญที่เห็นว่าสามารถเข้าใจได้โดยง่ายมาแบ่งปันกัน น่าสนใจว่าข้อห้ามเหล่านี้มีบัญญัติไว้อย่างชัดเจนในคำสอนของอิสลาม แต่เป็นสิ่งซึ่งกลุ่มที่เรียกตนเองว่า ISIS ได้ฝ่าฝืนอย่างต่อเนื่องตลอดมาโดยแอบอ้างว่าเป็นคำสอนของอิสลาม
อันที่จริงบทบัญญัติข้อแรกในข้อสรุปนี้ก็น่าจะเพียงพอแล้วที่จะประกาศได้ว่าแนวคิดและการกระทำของ ISIS ไม่มีความเป็นอิสลาม (ISIS is not Islamic by all means) แต่จะขอสรุปประเด็นอื่น ๆ ที่ได้แถลงไว้ในจดหมายฉบับนี้ซึ่งเกี่ยวพันโดยตรงกับสิ่งที่กลุ่มไอซิสใช้เป็นข้ออ้างในการเข่นฆ่าเพื่อนมนุษย์อยู่ทุกวันนี้เพิ่มเติม เช่น การเข่นฆ่าผู้บริสุทธิ์ การสังหารนักข่าวและผู้ให้การช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมต่าง ๆ การเข่นฆ่า จับกุม กักขัง ทารุณกรรมและข่มขืนเด็กและสตรีที่เป็นชนกลุ่มน้อย รวมทั้งการกระทำอีกมากมายที่เกินความเข้าใจของมนุษย์ปุถุชนคนธรรมดาและมีจิตใจปกติอย่างเรา ๆ จะเข้าใจได้ หวังว่าประเด็นที่สรุปมาเพียงบางส่วนนี้จะช่วยเพิ่มความกระจ่างต่อการกระทำอันไร้ความชอบธรรมของกลุ่มที่อ้างตนเองว่าเป็นรัฐอิสลามกลุ่มนี้ได้บ้าง
- การทำร้ายและเข่นฆ่าผู้บริสุทธิ์ไม่ว่าเขาจะเป็นมุสลิมหรือไม่ใช่มุสลิมเป็นสิ่งที่ต้องห้ามโดยสิ้นเชิงตามบทบัญญัติของอิสลาม
- อิสลามห้ามการสังหารทูต เอกอัครราชทูต และนักการทูต ดังนั้นจึงเป็นเรื่องต้องห้ามในอิสลามที่จะสังหารนักข่าวและบรรดาผู้ให้การช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมต่าง ๆ ด้วยเช่นกัน
- คำว่า ญิฮาด ในคำสอนของอิสลามเมื่อใช้ในความหมายที่แปลว่าการสู้รบหมายถึงการทำสงครามเพื่อปกป้องตนเองจากการรุกรานเท่านั้น หากปราศจากสาเหตุอันชอบธรรม ขาดเป้าหมายที่ชอบธรรมและปราศจากกฎเกณฑ์ที่ชอบธรรม ไม่อาจอ้างได้ว่าเป็นการทำสงครามเพื่อป้องกันตนเองหรือการทำญิฮาด
- เป็นสิ่งต้องห้ามในอิสลามที่จะเรียกคนอื่นว่าผู้ปฏิเสธพระเจ้า ยกเว้นว่าคน ๆ นั้นจะประกาศเช่นนั้นด้วยตนเอง
- ในกรณีที่กลุ่มไอซิสเข่นฆ่าชาวคริสเตียนและคนกลุ่มน้อยอื่น ๆ นั้นนักวิชาการอิสลามได้ประกาศชัดเจนว่าเป็นเรื่องต้องห้ามโดยสิ้นเชิงที่จะทำร้ายผู้ที่เป็นชาวคริสต์และผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นชาวคัมภีร์ และตามหลักการของอิสลามนั้นกลุ่มชนยาซีดีร (ซึ่งถูกเข่นฆ่าและสังหารหมู่โดยกลุ่มไอซิส) เป็นกลุ่มชนที่เป็นชาวคัมภีร์
- การจับคนเป็นทาสและเป็นเชลยโดยกลุ่มไอซิสเป็นสิ่งที่ขัดต่อบทบัญญัติของอิสลามโดยสิ้นเชิง และระบบทาสเป็นสิ่งที่ถูกยกเลิกไปแล้วโดยฉันทามติของประชาคมโลก
- เป็นสิ่งต้องห้ามในอิสลามที่จะบังคับให้ผู้อื่นหันมารับนับถือศาสนาอิสลาม
- เป็นสิ่งต้องห้ามในอิสลามที่จะทำร้ายศพหรือทำให้รูปโฉมของผู้เสียชีวิตบิดเบือนไปจากที่เป็นจริง
- เป็นสิ่งต้องห้ามในอิสลามที่จะอ้างการกระทำอันชั่วร้ายในนามของพระผู้เป็นเจ้า
- เป็นสิ่งต้องห้ามในอิสลามที่จะทำลายหลุมศพของบรรดาศาสดาและหลุมศพของบรรดาสาวกและสหายของท่าน
- การลุกขึ้นต่อสู้กับผู้ปกครองโดยใช้อาวุธถือเป็นสิ่งต้องห้ามในอิสลาม ยกเว้นมีหลักฐานอันชัดเจนว่าผู้ปกครองนั้นห้ามประชาชนของตนเคารพสักการะต่อพระผู้เป็นเจ้าของพวกเขา
- เป็นสิ่งต้องห้ามในบทบัญญัติของอิสลามที่บุคคลใดจะประกาศตนเป็นคอลีฟะห์หรือเป็นตัวแทนของมุสลิมและจัดตั้งรัฐอิสลามโดยไม่ได้รับฉันทามติจากประชาคมมุสลิมทั้งหมด
- การแสดงความจงรักภักดีต่อประเทศชาติของตนเองในฐานะประชาชนของชาติหนึ่ง ๆ ไม่ใช่สิ่งต้องห้ามในคำสอนของอิสลาม
น่าแปลกใจหรือไม่ว่าข้อห้ามที่ชัดเจนตามหลักการอิสลามเหล่านี้เป็นสิ่งซึ่งกลุ่มที่อ้างตนเองว่าเป็น “รัฐอิสลาม” กระทำอย่างต่อเนื่องเสมอมา แล้วเราจะยังยอมให้เขาใช้ชื่อของอิสลามเป็นข้ออ้างในการกระทำความชั่วร้ายต่าง ๆ โดยไม่ลุกขึ้นมาคัดค้านใด ๆ เลยหรือ ถึงเวลาที่ประชาคมมุสลิมจะลงมือทำอะไรสักอย่างเพื่อปกป้องคำสอนอันงดงามของอิสลามจากน้ำมือของผู้แอบอ้างพวกนี้ได้แล้วหรือยัง
![](https://us-fbcloud.net/hottopic/data/1069/1069463.wqae001tmbu4.n2.webp)
![](https://us-fbcloud.net/hottopic/data/1069/1069468.wqahoi1mtm02.n2.webp)
![](https://us-fbcloud.net/hottopic/data/1069/1069510.wqat2n1bgyeo.n2.webp)
![](https://us-fbcloud.net/hottopic/data/1069/1069434.wqa3x1m2y9v.n2.webp)
![](https://us-fbcloud.net/hottopic/data/1069/1069507.wqat0meoq9b.s2.webp)