ความหวังอยู่ที่ไหน?
Blogpost โดย Rex Weyler
ผมไม่มั่นใจว่าเราจะชนะด้วยการใช้ตรรกะ
หลากหลายสายพันธุ์ที่สูญสิ้นไป การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ มลพิษต่างๆ การเถลิดล้ำเข้าไปอย่างง่ายๆในถิ่นที่อยู่อาศัยอันอุดมสมบูรณ์บนโลก เราจะย้อนคืนสิ่งเหล่านี้กลับไปได้อย่างไร? เรามีวิทยาการทางวิทยาศาตร์ แต่มนุษยชาติส่วนใหญ่ไม่มีปณิธานทางการเมืองในเรื่องนี้ เราอยู่ในโลกทางการเมืองที่ไม่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม และวาทกรรมทั่วไปก็ดูจะถูกครอบงำโดยการยึดติดกับต้นแบบการพัฒนาและเศรษฐกิจอย่างนั้น
ในปีที่ผ่านมา หัวข้อข่าวที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนิเวศวิทยาฟังดูน่ากังวล ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวของ 2 ใน 3 ของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมอยู่ในภาวะวิกฤต ภัยแล้งในประเทศเคนยา โมซัมบิก สหรัฐอเมริกา และศรีลังกา แม่น้ำที่แห้งเหือดและสงครามแย่งชิงน้ำ มวลผึ้งถูกฆ่าโดยไวรัสซิกา การปล่อยมีเทนเกินคาด นักอุตุนิยมวิทยาถูกบังคับให้เขียนรายงานการพยากรณ์ใหม่ และที่แย่ที่สุดคือ วิกฤตแนวปะการังเกรตแบริเออร์รีฟกำลังเสื่อมโทรม เหล่าทหารอเมริกันทำหน้าที่เป็นกองกำลังรักษาการณ์ให้กับโครงการสร้างท่อขนส่งน้ำมันที่เจาะลอดใต้เขตสงวนอเมริกันอินเดียนที่ Standing Rock และจับตัวผู้อาวุโสในชุมชนและนักข่าวไป
กว่าสิบปีที่ผ่านมา เราสามารถรายงานข่าวดีได้บ้าง แม่น้ำสะอาดขึ้น (บางส่วน) การฟื้นตัวของโอโซน (อย่างช้าๆ พร้อมกับผลกระทบข้างเคียง) เขตสงวนพันธ์ุวาฬ (หรืออะไรทำนองนั้น) การสั่งห้ามทิ้งขยะ (ที่โดนมองข้าม) และในวันนี้ การเพิ่มขึ้นของประชากรเสือในทวีปเอเชีย ป่าชายเลนที่ได้รับการปกป้องที่มาดากัสการ์ เหล่าปลาแซลมอนกลับคืนสู่แม่น้ำ Elwha ในสหรัฐอเมริกาหลังการรื้อถอนเขื่อน และกฎข้อบังคับใหม่ของประเทศบราซิลที่จะช่วยรักษาส่วนต่างๆของผืนป่า Mato Grosser ได้
ในเวลาเดียวกัน เราสูญเสียป่าเป็นล้านๆเฮกตาร์ทุกปี สูญเสียสายพันธ์ุของสิ่งมีชีวิตต่างๆไปอย่างรวดเร็ว และมีสารพิษสะสมเพิ่มเรื่อยๆ
ผมเป็นคนกระตือรือร้นครับ ผมพร้อมที่จะพยายามไปเรื่อยๆ ถึงแม้ว่ามันจะดูไม่มีหวังก็ตาม และจะยังคงอารมณ์ขันไว้ ส่วนมากนะ ถึงอย่างไรก็ตาม บางครั้งผมก็ยังคงวิตกอยู่ว่า ความหวังอยู่ที่ไหน?
สำหรับภูมิรัฐศาสตร์หรอ? เรื่องนี้ผมไม่มั่นใจ กระบวนการทางการเมืองโลกดูจะมีความทุจริตมากเกินไป ถูกเบี่ยงเบนออกจากความจริงเกินไป ละเลยมิติทางนิเวศวิทยา ดูปรุงแต่งจนเกินไป และช้าเกินกว่าที่จะสามารถระบุและแก้สภาพที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกของวิกฤตสิ่งแวดล้อมได้จริงๆ
ในการประชุมสุดยอดว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศน่ะหรอ? หลังจากที่ประชุมมา 30 ปี เราก็ได้ข้อตกลงปารีสมา ที่ไม่ได้กล่าวถึงเชื้อเพลิงฟอสซิลหรือความจำเป็นที่จะต้องปล่อยให้พลังงานฟอสซิลอยู่ใต้ดินต่อไป ข้อตกลงนี้ไม่ได้สร้างข้อผูกมัดเรื่องการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้กับประเทศใดๆทั้งสิ้น และไม่ว่าจะในกรณีใดๆก็ตาม ข้อผูกมัดเหล่านั้นไม่เพียงพออีกต่อไปที่จะคงระดับอุณภูมิเฉลี่ยผิวโลกให้เพิ่มน้อยกว่า 3 องศาเซลเซียสได้ เมื่อบวกกับการปล่อยก๊าซมีเทนที่กำลังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ก็...จะว่าสิ้นหวังก็ไม่แปลก นี่คือจุดเริ่มความไม่แน่ใจของผมว่าเราจะสามารถชนะด้วยการใช้ตรรกะจริงๆ แล้วความหวังอยู่ที่ไหนกัน?
Time’s First Breath © Lisa Gibbons
สภาวะฉุกเฉินระยะยาว
ประวัติศาสตร์แสดงให้เห็นแล้วว่าการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางสังคมจะเป็นไปอย่างช้าๆ ซึ่งจะช่วยให้ผู้คนฝึกความอดทน อาจจะเป็นจุดที่ดีที่จะเริ่มค้นหาความหวัง ในความอดทน ในความสงบ ในการสัมผัสโลกนี้อย่างช้า ๆ และระมัดระวัง
เราอาจจะสบายใจได้มากขึ้น เพราะประวัติศาสตร์เองก็เป็นเครื่องยืนยันแล้วว่ามันเป็นไปได้ที่สังคมจะเปลี่ยน เมื่อการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น เมื่อธรรมเนียมต่างๆเปลี่ยน มันอาจจะรู้สึกว่ากะทันหัน แต่การรณรงค์ใหญ่ๆที่ว่าด้วยเรื่องชนชาติ ศาสนา หรือความเท่าเทียมทางเพศ ต่างใช้เวลาหลายช่วงอายุคน และยังคงแก้ไม่หายขาดอยู่ทั่วโลก อย่างไรก็ตาม เรารู้ว่า สังคมเปลี่ยนได้
เรารู้สึกถึงนาฬิกาที่กำลังเดิน ในเรื่องสิ่งแวดล้อมที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกนี้ และนี่สามารถทำให้เรายิ่งสิ้นหวังขึ้นไปอีก เราได้ยินว่าเรามีเวลาเพียง 5 ปี หรือเพียงทศวรรษหนึ่ง หรือเราจะต้องเปลี่ยนให้ได้ก่อนปี 2593 หรือแม้กระทั่งภายในวันพรุ่งนี้ แต่ธรรมชาตินั้นใช้เวลาดำเนินการเป็นล้านๆปี ล้านๆช่วงอายุ กว่าจะขจัดความวิบัติและหาสมดุลใหม่ได้อีกครั้ง
ผมไม่ได้มองหาความหวังในความเชื่อที่ว่ามนุษยชาติจะสามารถแก้ไขวิกฤตทางสิ่งแวดล้อมต่างๆในช่วงชีวิตของผม หรือแม้กระทั่งในรุ่นลูกๆหลานๆของผม ธรรมชาติใช้เวลา แต่หุ้นและท่อส่งน้ำมันคือสิ่งตรงกันข้าม เพราะมันสร้างขึ้นได้อย่างรวดเร็ว
โลกอันร่ำรวยมีวิถีชีวิตแบบนั้นได้เพราะการไหลเวียนของพลังงานทรัพยากรอันมหาศาลไปยังกลุ่มคนเหล่านั้น ชีวิตที่ขึ้นอยู่กับการยึดครองอาณานิคม การขูดรีด การสกัดทรัพยากร ร่องรอยสารพิษ และภูมิทัศน์ทางการเมืองที่เต็มไปด้วยผู้นำ และนักเผด็จการ ซึ่งถูกควบคุมโดยมหาอำนาจยักษ์ใหญ่ โลกาภิวัตน์ทุนนิยมแบบเสรีนิยมใหม่กำลังหมดอายุขัย เราไม่อาจเติบโตด้วยตนเองจากพลังทางการตลาด มือที่มองไม่เห็นและกลจักรแห่งความหลอกลวงนี้ เราใช้ธรรมชาติมากเกินไปแล้ว เฉกเช่นฝูงหมาป่าที่ล่าเหยื่อจนแหล่งอาหารของตนร่อยหรอ ความยิ่งใหญ่ไม่ได้ช่วยอะไรเรา
ทั้งตรรกะ ทั้งวิทยาศาสตร์และข้อมูล นักวิจัยที่ขึงขังต่างก็บอกเราถึงสิ่งนี้ และถึงแม้บางสถาบันเริ่มที่จะตระหนักถึงหลักฐานทางสิ่งแวดล้อมแล้ว แต่วาทกรรมหลักกลับกลืนกินวิทยาศาตร์และตรรกะให้หายไปด้วยกระแสเล็กน้อยในสังคม และการโปรโมทตัวเอง
ด้วยวิธีใดสักวิธี เหล่าคนที่อยู่กับความจริงจะต้องจัดการปัญหาหนักๆนี้ด้วยตนเองอีกครั้ง ด้วยความสามารถที่พวกเขามี และด้วยทรัพยากรอะไรก็ตามที่พวกเขาต้องการจะปกป้อง ผมเจอความหวังในผู้คนที่เรียบง่ายกลุ่มนี้ อยู่อย่างเรียบง่าย ทำงานร่วมกัน และฟื้นฟูแหล่งที่อยู่อาศัยของพวกเขา
James Kunstler ได้ให้นิยามคำว่า สภาวะฉุกเฉินระยะยาว (long emergency) เพื่อช่วยให้เราเข้าใจช่วงระยะเวลาที่แท้จริงที่การเปลี่ยนแปลงทางสิ่งแวดล้อมและสังคมที่เกิดขึ้น
The Messenger © Lisa Gibbons
ตื่นขึ้นมาในโลกธรรมชาติดั้งเดิม
ผมพบความหวังในตัวศิลปิน ผู้ที่สามารถทำให้วัฒนธรรมกระแสหลักสั่นสะเทือนได้ ศิลปินมีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนแปลงทางสังคม เปล่งเสียงให้กับความรู้สึกลึกๆของเรา อย่างเช่น ผลงาน La Marseillaise ของ Rouget de Lisle ท่ามกลางนักปฏิวัติชาวฝรั่งเศส Marcus Garvey และการเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิของพลเมืองผิวดำทั่วโลก Franca Rame ในการเคลื่อนไหวเรื่องการต่อต้านลัทธิฟาสซิสต์ในประเทศอิตาลี ผลงาน O Leader! ของ El General ที่กระตุ้นการเคลื่อนไหวเพื่อระบบประชาธิปไตยในประเทศตูนิเซีย หรือการแสดงละครเสียดสี Yes Men นักกวีชาวแคนาดาผู้เป็นที่ชื่นชอบอย่าง Leonard Cohen ที่เพิ่งเสียชีวิตไป เพลงของเขาจากเมื่อปี 2531 ชื่อ Everybody Knows ได้เตือนเราว่า
“ทุกคนรู้ว่าเรือรั่ว
ในขณะเดียวกัน เราต่างรู้ว่ากัปตันโกหก”
ศิลปินไม่ต้องมีคำอธิบาย พวกเขาใช้โอกาสนั้นสื่อสารถึงหัวใจของเหตุการณ์
Rachel Carson ทำงานเป็นนักวิทยาศาสตร์ แต่ของขวัญที่เธอให้แก่มนุษยชาติกลับมาจากความสามารถด้านภาษาและการเล่าเรื่องของเธอ ในปี 2508 เธอเขียนในหนังสือ The Sense of Wonder ว่า “โลกของเด็กนั้นสดใหม่และสวยงาม เต็มไปด้วยความอัศจรรย์และความตื่นเต้น มันเป็นโชคไม่ดีของพวกเราส่วนใหญ่ ที่มีสายตามองเห็นความจริง สัญชาตญาณต่อสิ่งที่สวยงามและน่ามหัศจรรย์ ถูกทำให้เลือนลางหรือถูกปิดกั้นไปตั้งแต่ก่อนเข้าสู่วัยผู้ใหญ่” แน่นอนว่าเธอพูดถึงโลก และรวมถึงธรรมชาติดั้งเดิมในตัวเราเอง ที่เตือนให้เรารู้ตัวว่า เราก็เป็นสิ่งมีชีวิตตามธรรมชาติ ซึ่งเชื่อมโยงกับสิ่งอื่นๆ กับสัตว์สี่เท้า กับสัตว์ปีก และสัตว์น้ำ อย่างที่เครือญาติในธรรมชาติคอยเฝ้าเตือนเรา
“เป็นสิ่งที่ประโยชน์และจำเป็น สำหรับเราที่จะหันกลับไปมองโลก และในระหว่างการพิจารณาไตร่ตรองความงามนี้ ให้สัมผัสถึงความน่าอัศจรรย์ใจและความนอบน้อมอ่อนไหวของมัน” Carson กล่าว
นี่คือที่ๆผมมองหาความหวังเป็นที่แรกๆ ผมเจอความหวังในธรรมชาติดั้งเดิมที่ยังอยู่ในโลกนี้ และในหัวใจของผู้คน สัญชาตญาณอันบริสุทธิ์ไร้การปรุงแต่งของชีวิตและความรัก ผมเจอความหวังในการเต้นรำอันไม่รู้จบของพันธุ์พืช สัตว์ เห็ดรา และแบคทีเรีย และรวมทั้งในทุกจังหวะก้าวของชีวิต ของพันธะไฮโดรเจน ธาตุอาหาร แร่ธาตุ น้ำตาล และโปรตีนต่างๆ ในแสงอาทิตย์ที่เปลี่ยนผ่านสู่สิ่งมีชีวิต ผมเจอความหวังในเวทมนต์ของสิ่งเหล่านี้ และในความสร้างสรรค์ของวิวัฒนาการธรรมชาติ
Ebb and Flow © Lisa Gibbons
ความหวังที่ใครสักคนจะพบในโลกธรรมชาติกินเวลายาวนาน ไม่ใช่ความหวังแบบชั่วครู่ตามชีวิตง่ายๆหรือชัยชนะทางการเมือง ความหวังนี้จะเป็นปาฏิหาริย์ที่มีอายุยืนยาวกว่าคนทั่วไป ยาวกว่าสังคมต่างๆ หรือแม้กระทั่งสายพันธุ์ๆหนึ่งและถิ่นที่อยู่อาศัย
ผมเจอความหวังน้อยมากในอาณาจักรของมนุษย์ ที่ซึ่งมีสถาบันใหญ่ๆ รัฐบาล บริษัทต่างๆ เศรษฐกิจโลก หรือที่ประชุม ผมไม่พบความหวังในความคิดที่ว่ามนุษยชาติจะสามารถจัดการกับระบบนิเวศได้มากนัก นั่นให้ความรู้สึกเหมือนความอหังการเล็กๆ “การควบคุมของธรรมชาติ เป็นวลีที่ถูกใช้ด้วยความเย่อหยิ่ง ที่มีมาตั้งแต่ยุคหินแห่งชีววิทยา” Rachel Carson เตือนเราเมื่อ 50 ปีก่อน
ตามที่ผมเชื่อ งานของเราคือการจัดการตัวเราเอง ความต้องการ ความกลัว และความไม่มั่นใจของเรา สิ่งเหล่านี้ส่วนใหญ่ไม่สามารถทำได้ในระดับโลก มนุษยชาติที่อยู่รอดอดทนจะอยู่ผ่านความอหังการของการจัดการระดับโลก และกลับมาอยู่กับโครงสร้างสังคมที่ก่อตัวขึ้นรอบๆสถานที่หรือสังคมๆหนึ่ง รอบๆความพอประมาณและความเหมาะสม
ผมเชื่อว่าเราจะต้องกลับมาสู่การอยู่แบบชุมชนเล็กๆ ฟื้นฟู และปกป้องระบบนิเวศที่เราอาศัยอยู่ ผู้คนที่แตกกระสานซ่านเซ็นซึ่งสูญเสียความสัมพันธ์กับโลกจะกลับมาสู่รากเหง้าของตนในที่สุด ผมเจอความหวังในชุมชนที่ทุ่มเทดูแลให้ภูมิทัศน์ทางธรรมชาติ ความหวังในคนนอกสังคมและเรียบง่าย ไม่มีสิทธิพิเศษ แต่กลับยืนหยัดและรักษาพื้นที่ของพวกเขา
“เขามีความสุขกับสิ่งเล็กๆที่เขาเป็น” เขียนโดย Yasunari Kawabata ใน Palm-of-the-Hand Stories “เขายังเห็นด้วยกับความคิดที่ว่าเผ่าพันธุ์มนุษย์นั้น เมื่อรวมกับแร่ธาตุและพืชชนิดต่างๆแล้ว เป็นเพียงแค่ส่วนเล็กๆที่คอยช่วยพยุงสิ่งมีชีวิตอันยิ่งใหญ่ที่ล่องลอยอยู่ในจักรวาล และไม่ใช่อะไรอื่นเลยนอกจากเป็นสิ่งมีค่าพอๆกับพันธุ์สัตว์และพืชชนิดอื่นๆ"
ผมฝากความหวังไว้กับความพอประมาณแบบนี้ ฝากไว้กับคนที่สามารถลงมือทำโดยไม่ต้องการความสนใจจากคนภายนอก หรือทำเพราะประโยชน์ส่วนตน
ผมเห็นคู่รักหนุ่มสาวหลายคู่รอคอยที่จะมีลูก มีลูกน้อยลง หรืออุปการะเด็กกำพร้า นี่ถือเป็นการตอบสนองที่ดีต่อการเพิ่มจำนวนประชากร ผมมีหวังเพราะสิ่งนี้
เกษตรกรผู้เป็นนักเขียน เวนเดล เบอร์รี่ เขียนไว้เมื่อหลายปีมาแล้วใน Leavings ว่า "ความหวังไม่ควรขึ้นอยู่กับความรู้สึกดีๆ" และเขายังเสนอว่าให้เรามองหาความหวัง "บนพื้นดิน ใต้เท้าของเรา"
เวลาที่ผมรู้สึกสิ้นหวัง ผมกลับไปที่จุดนั้น ผมรู้สึกโชคดีที่ผมอาศัยอยู่ในที่ๆยังคงไว้ซึ่งธรรมชาติดั้งเดิมผมเดินเข้าไปในป่าเมื่ออาทิตย์ที่แล้วกับเพื่อน และเด็กๆกลุ่มหนึ่งจากแถวบ้าน เราเดินเล่นกันไปอย่างไม่มีจุดหมาย ไปถึงน้ำตกเล็กๆแห่งหนึ่งทึ่ไหลลงทะเลซาลิช แล้วไหลไปยังมหาสมุทรแปซิฟิก ที่ริมชายฝั่ง ปลาแซลมอลนับร้อยนอนเกลื่อนพร้อมที่จะย่อยสลายไป นกอินทรีรวมตัวบนต้นไม้เพื่อกินอาหาร ส่วนปลาแซลมอลที่ยังมีชีวิตอยู่พยายามตะเกียกตะกายด้วยความเหนื่อยล้าทวนกระแสน้ำ ผมมองไปที่ตัวหนึ่ง ตัวที่กำลังหันหน้าเข้าหากระแสน้ำ กระเสือกกระสนไปข้างหน้าด้วยครีบเหนื่อยๆของมัน หลายนาทีผ่านไป เพียงเผื่อจะขยับได้อีกไม่กี่เซ็นติเมตร ภาพนี้เป็นเหมือนตัวอย่างให้ผม ให้ผลักดันต่อไปอย่างไม่ย่อท้อ
ดังที่นักกวีผู้ยิ่งใหญ่ชาวโบฮีเมีย เรเนอร์ มาเรีย ริลค์ กล่าวไว้ "ครั้งแล้วครั้งเล่าที่คนบางคนในกลุ่มจะตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าพวกเขาไม่มีที่ยืน ด้วยความที่พวกเขาอยู่กับกฎที่กว้างกว่านั้น พวกเขามีขนบธรรมเนียมที่ต่างออกไป และต้องการพื้นที่ๆจะแสดงตัวตนออกมา อนาคตพูดกับเราผ่านคนเหล่านี้"
โดย Rex Weyler: นักเขียน ผู้สื่อข่าว และผู้ร่วมก่อตั้งกรีนพีซสากล
References:
Pre-ecological politics: Kurt Cobb, Resilience
Pace of Ozone recovery: Science Daily
Methane releases higher than predicted: Nature, and summary in The Guardian
Zika virus spray killing bee colonies: The Guardian
Lisa Gibbons art: lisagibbonsart.com
ที่มา : www.greenpeace.org/seasia/th/news/blog1/blog/58509
ติดตามกรีนพีซเพิ่มเติมที่
เผยคำทำนาย "หลวงปู่ศิลา" เรื่อง "จุดจบพ่อใหญ่ฮุนเซน"..งานนี้ทำเอาโซเชียลขนลุก
กรมอุตุฯ ออกประกาศด่วน! ฝนถล่ม–ลมหนาวบุกไทยอีกระลอก
กองทัพฯ ชำแหละโดรนพลีชีพกัมพูชา ติดระเบิด–ลากใยไฟเบอร์ควบคุม ผู้บังคับอาจไม่ใช่ทหารกัมพูชา!
คนญี่ปุ่นหัวอุ่น หลังพบทหารเขมร ใช้กระเป๋าแพทย์ที่ญี่ปุ่นให้
🇱🇦 คนลาวคนหนึ่ง “ถูกทิ้งระเบิดกี่ตันต่อตัวคน?”
ยูเนสโกออกโรง! ปกป้อง ‘ปราสาทพระวิหาร’ เสี่ยงโดนลูกหลง หลังไทย–กัมพูชาเดือดอีกระลอก
รวมภาพตลก ขำขันประจำวันนี้ วันที่ลมหนาวมีพัดมานิดๆหน่อยๆตอนเช้า อีกไม่นานก็จะถึงคริสต์มาสต์แล้วน๊า
เขมร ดัดแปลงปราสาทพระวิหาร ให้กลายเป็นสนามรบเต็มตัว มีทั้งการติดตั้งอุปกรณ์ทางทหาร กล้องตรวจการณ์ ระบบแอนตี้โดรน รวมถึงโครงสร้างต่าง ๆ ที่ดูไม่เหมาะสมกับสถานที่ซึ่งควรได้รับการอนุรักษ์
อาม็อก (Amok): เมนูแกงปลานึ่งระดับชาติ ที่ผู้นำกัมพูชาเลือกส่งเสริมกำลังใจทหารแนวหน้า
"นุ่น วรนุช" เปิดใจฟ้องหมอดูดัง 20 ล้านบาท ยันชีวิตก้าวหน้าด้วยความพยายาม ไม่ได้พึ่งพาดวงเพียงอย่างเดียว
6 อาหารเพิ่มความ "ฟิตปั๋ง" สำหรับคุณผู้ชาย สู้มือ เลือดไหลเวียนสูบฉีด
กระทรวงวัฒนธรรมเขมรแสดงความเสียใจหลังปราสาทโดนถล่มเละ
พ่อแม่ต้องใจแข็ง! 2 เรื่องที่ลูก ‘ขอแล้วห้ามให้’ ไม่อย่างนั้นน้ำตาอาจเช็ดหัวเข่าตอนบั้นปลายชีวิต
วงการมวยเศร้า สูญเสีย "เพชรน้ำตาล วีวินยิมส์" ดาวรุ่งฟอร์มดี ในวัยเพียง 21 ปี
สาวจีนปีนตึกชั้น 10 หนีภรรยาหลวง เกือบตก เกาะท่อและระเบียงเพื่อนบ้านในรักสามเส้าอลเวง
"นุ่น วรนุช" เปิดใจฟ้องหมอดูดัง 20 ล้านบาท ยันชีวิตก้าวหน้าด้วยความพยายาม ไม่ได้พึ่งพาดวงเพียงอย่างเดียว
ไชยชนก ชิดชอบ รัฐมนตรี ดีอี ยืนยัน คุณแม่ ที่โพสต์ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้วิพากษ์วิจารณ์ ไม่ผิด PDPA เนื่องจากมีการมอบอำนาจในการดำเนินคดี
🇱🇦 คนลาวคนหนึ่ง “ถูกทิ้งระเบิดกี่ตันต่อตัวคน?”
สามชั่วโมงแห่งความหวัง… และอ้อมกอดที่ช่วยชีวิตม้าได้ทั้งตัวและหัวใจ
ความเชื่อที่ว่า ถ้าคุณไม่ขยับตัวใต้น้ำ ฉลามจะไม่เล่นงานคุณ มันอาจจะไม่ใช่เสมอไปน๊า.....
ทึ่งทั่วโลก : "Factory Butte" ภูเขาที่มีรูปร่างแปลกตา และมีเอกลักษณ์ ตั้งอยู่ใน Wayne County รัฐยูทาห์ ประเทศสหรัฐอเมริกา
6 ปลาตลาดที่มีโอเมก้า 3 สูง ช่วยเสริมความฉลาด ไม่ต้องซื้อของแพงจากต่างประเทศ








