ประสบการณ์เจอวิญญาณหัวขาดจังๆ น่ากลัวมาก ติดตาจนทุกวันนี้
แชร์ประสบการณ์ผีๆหน่อยนะครับเคย พูดใว้ว่าจะมาเล่าให้ฟัง ย้อนกลับไปประมาณเกือบ20ปี สมัยผมอยู่ประถม(ป.5) ช่วงนั้นก็ตามประสาเด็กๆซนๆดื้อไปตามวัย ตอนนั้นจะมีกลุ่มแก๊งเด็กซนด้วยกันที่ซี้กันทั้งหมด 4คน ไปไหนไปกัน ตอนเรียนก็ ช.มไหนคาบไหนไม่อยากเรียน จะชวนกันหนีไปเที่ยวกันหลัง ร.รซึ่ง ร.ร ตาม ต.จ.ว จะยังเป็นป่าบ้าง หรือติดกับทุ่งนาทุ่งไร่บ้าง ( ส่วนมากจะหนีคาบ คนิตศาตร์ อังกฤษ ) ก็ไปกันบางทีก็มีขนมนมเนยไปด้วย สนุกกันไปรอโดนไม้เรียวคุณครูพรุ่งนี้5555+แสบสันเป็นริ้วๆ ก็เป็นแบบนี้กันประจำ
จนมีวันหนึ่ง พากันเข้ารวมแถวช้าเพราะชอบไปหาเก็บต้นยาหม่องอันนี้ตั้งชื่อกันเองนะจริงๆไม่รู้ต้นอะไร(เป็นพืชชนิดหนึ่งที่รากมันเวลาขยี้จะมีกลิ่นคล้ายยาหม่อง)ก็ถอนมารวมๆกันหลายต้นขยี้ๆแล้วใส่กระเป๋าใว้ดม ชื่นจายยยตราลิงถือลูกท้อ😃ระหว่างช่วยกันหาอยู่นั้นก็เห็นเหลือบไปเห็นผู้หญิงคนนึงซึ่งผอมมากวิ่งออกมาจากหลังต้นหางนกยูงที่อยู่ใกล้ๆแล้ววิ่งหายเข้าไปในก่อไผ่เล็กบางๆที่สามารถมองทะลุไปอีกฝั่งได้แต่ผู้หญิงคนนั้นวิ่งเข้าไปละหายไปเลย ทำได้ไง
ลักษณะการวิ่งคือก้มตัวโค้งๆประมาณเหมือนคนยืนแล้วก้มลงเก็บของ ผมของแกนั้นยาวมากยาวจนลากไปกับพื้นปิดหน้าปิดตาจนมองไม่เห็น ถ้ากะความยาวของผมถ้ายืนตรงนะครับ น่าจะยาวประมาณเกือบ1เมตรกว่าๆคือยาวมากอ่ะ ชุดที่ใส่จะเป็นเสื้อลูกไม้โบราณสีดำบางๆ ใส่ผ้าถุงสีดำสนิท ที่แน่ๆแกวิ่งไวมาก ชนิดแบบนักวิ่งร้อยเมตร แต่เป็นนักวิ่งที่ก้มหน้าผมเผ้าปิดหูปิดตายาวลากพื้น ซึ้งต้นหางนกยูงกับกอไผ่ห่างกันประมาณ30-40เมตร
แกวิ่งปรุ๊ดหายเข้าไปเลย (ย้ำว่ากอไผ่แค่กอเล็กๆบางๆที่มองทะลุได้นะครับ) เหตุการณ์ทั้งหมดแก๊งผม4คน เห็นหมดทุกคน แต่ผมเป็นคนวิ่งคนสุดท้ายไอ้เพื่อนมันวิ่งนำไปก่อนแล้ว หอบกระจาย เข้าห้องเรียนได้ก็ตามสเต๊ปจัดไปคนละริ้วคันๆแสบๆ ก็เลยเป็นว่าลืมเรื่องนั้นไปเลยทั้งวัน จนมาอีกวันค่อยมาถามกันว่าคืออะไรยังไง ขนลุกมากทุกวันนี้ผมยังจำติดตาเลยครับกับภาพนั้น
อีกวันหลังจากคุนกันละ กลับบ้านผมเลยไปบอกยายว่าโดนผีหลอก ยายก็ถามลักษณะ เพศ เสื้อผ้า และสถานที่เจอ พอบอกครบ ยายยิ้มเลย แล้วก็พูดว่า( ขออนุญาติผู้ตายเอ่ยชื่อนะครับคงไม่ว่ากันนะครับ อนุญาติตัวเองละกัน)อีเดือนเล่นอีกแล้ว แล้วยายก็เล่าให้ฟังว่าสมัยผมยังไม่เกิด มีผู้หญิงชื่อเดือนเป็นคนสวยผิวขาวชอบใส่ชุดดำ เกิดท้องแล้วจะคลอด
สมัยนั้นการเดินทางเร็วสุดก็คือนั่งเรือ แต่เดือนเค้าทนไม่ไหวมั้ง ตายทั้งกลมบนเรือเลย ชาวบ้านเลยเอาศพมาฝังตรงเนินเขาซึ่งเป็นป่าช้า ซึ่งปัจจุบันก็คือสนามลูกเสือที่ผมไปเก็บต้นยาหม่องนั่นแหละ ยายบอกเมื่อก่อนมันออดมาประจำคนแถวนั้นเจอบ่อย
สรุปผีคุณเดือนนั่นเองที่มาวิ่งโชว์ตัว5555หลอนกันไป ครับ ตามประสาคนโบราณ ยายก็ลูกข้อไม้ข้อมือให้แล้วพาไปให้หมอธรรมรดน้ำมนต์ จบปิ้ง 😉😉จริงๆมีเรื่องราวจากวันนั้นอีกมากเลยครับ แต่จะขอเล่าเรื่องที่ น่ากลัวที่สุด ชัดเจนที่สุด ติดตาที่สุดให้ฟัง จริงๆก็ติดตาแทบทุกเรื่องที่ประสบพบเจอแหละ แต่อันนี้หลอนจริง เข้าเรื่องเลย
หลังจากเลื่อนชั้นขึ้น ป.6(หุหุหุ ดีใจ ดีใจ จะจบประถมแว้ววเป็นจะผุบ่าวไทบ้านแบ้ว555555+)ตามเคยหนีเรียนอีกแล้ว แต่คราวนี้ตามวัยนะเริ่มคึกคะนองขึ้นคราวนี้หนีทั้งวันเลย คือหลังจากรวมแถวเสร็จก็ไปเลยไม่เข้าห้องเรียน หนุหนานกันไป พอดีวันนั้นอีกหมู่บ้านมีคนเสียชีวิต เผ็นผู้ชาย วัย40กว่าๆคาดว่าเป็นลมตาย เค้ากำลังจัดงานห็ไม่ไกลจาก ร.ร เลยไปด้อมๆมองๆกันแต่ไม่ค่อยกล้าเข้างานกลัวเจอคนรู้จักแล้วไปบอกแม่กับยายว่าหนีเรียน ซึ่งถ้าเข้าไปคือเจอเเน่นอนอ่ะ ก็แค่ไปแอบๆมองดูแล้วก็พากันไปแอบซุ่มสถานที่เดิม กลางป่า ซื้อ ส้มตำ ใข่ต้ม ปีกไก่ย่าง ข้าวเหนียว น้ำอัดลม ครบเลย อยู่ยาวกันละวันนี้ สบายไปกินแล้วก็นอนคุยกันไปจนค่ำ ก็แยกย้ายกันกลับไปรับชะตากรรม กายพร้อม ใจพร้อม ก้นพร้อม ก็กลับบ้าน 555555😂😂
แต่วันนั้นกลับค่ำไปหน่อย เกือบ2ทุ่ม คิดว่าคราวนี้โดนหนักแน่ๆล่ะ หนีเรียนทั้งวันก็ว่าหนักละ กลับดึกอีก ปกติ ยายกับแม่จะนอนประมาณ3ทุ่ม เราก็กะว่าจะแอบใต้ถุนบ้านก่อนค่อยขึ้นตอนยายกับแม่หลับแล้ว ก็แอบกับใต้ถุนบ้าน กับเพื่อนในแก๊งอีกคนก็คือไอ้ต๋องเป็นลูกพี่ลูกน้องกันนะครับ ยืนแอบคุยกันเงียบๆไปวันนั้นฝนตกปรอยๆเย็นๆบ้านนอกเวลานี้คือมืดพอสมควรนะ ประมาน2ทุ่มกว่าๆ
บ้านผมเป็นครอบครัวใหญ่อยู่กันหลายคนหลังบ้านติดกับรั้วสวนป้าเบาเป็นสวนไม้ไผ่เยอะมากครึ้มๆ เย็นทั้งวัน แกทำรั้วด้วยไม้ไผ่แกนั่นแหละสูงประมาณเท่าหัวผมตอนนั้น ตีรั้วถี่ๆแค่ หมาตัวเล็กมุดผ่านระหว่างคุยกันนั้น จังหวะผมหันไปกำลังจะถามว่าเอาไงดี ลักษณะการยืน ผมยืน อยู่เสาในถัดจากต๋องมานิดๆประมาณเกือบกบางบ้าน
ส่วน-นั้นยืนอยู่เสาสุดท้ายค่อนไปทางหลังบ้านติดกับรั้วไม้ไผ่ ใต้ถุนสูงประมาณ2เมตร ระหว่างผมหันหน้าไปกำลังจะถาม ผมก็เห็น ผู้ชายคนนึง เดินทะลุ รั้วไม้ไผ่มา คือชัดมาก เค้าใส่เสื้อสีดำมีสกรีนรูปหัวใจสีแดงสดมีรอยแยกตรงกลางหัวใจ ดวงใหญเต็มอกเสื้อ ใส่กางเกงยีนส์ขายาวสีขาว ทรงกระบอกทั่วไป ใส่รองเท้ากีฬาสีขาว ถ้าให้เดานันยางแน่นอน ผมเตะตระกร้อ พอดูออก เค้าเดินทะลุรั้วมาละซึ่งตรงนั้นใบมะม่วงเเห้งๆเต็มไปหมดถ้าเป็นปกติคนเดินผ่านต้องมีเสียงกร๊อบแกร๊บ แต่นี่เงียบเลยเหมือนไม่ได้เหยียบพื้นด้วยซ้ำ แต่ก้าวขาเหมือนคนปกตินะครับ เคเาเดินมาหยุดหลังไอ้ต๋องซึ่งยืนอยู่เสาสุดท้ายติดหลังบ้านพอดี พอมาถึงเค้าหยุดห่างไปประมาณเมตรๆกว่านึกออกมั้ยครับหลังบ้านที่ยกใต้ถุนก็จะมีคานรอบบ้านที่เป็นกรอบของพื้นบ้าน เค้าหยุดแล้วยกมือ2ข้างจับคานบ้านเหนือหัวแล้วยืนนิ่งเลย ย้ำผมเห็นตั้งแต่เดินมาจนมาหยุดตรงนั้น ทุกอย่างอยู่ในสายตาผมหมด ที่สำคัญนอกจากเสื้อผ้าชุดที่ใส่จะชัดละ คือ เค้าไม่มีหัวอ่ะครับ แค่เป็นหัวไหล่ลวไป ทุกอย่างปกติ เหมือนคนทั่วไป ยกเว้นไม่มีหัว คือ ไม่มีคอด้วย ตัดไปเรียบๆเสมอๆกับไหล่เลย ผมเห็นทุกอย่าง
อารมส์ตอนนั้น คือ ผมอ้าปากค้าง ยืนจ้องนิ่ง เลย อันนี้ไอ้ต๋องพูดให้ฟังนะครับว่าผมมีอาการแบบนั้น พอมันเห็นผมท่าทางแบบนั้นมันเลยหันกลับไปมอง ข้งหลัง แค่นั้นแหละ แหกปากตะโกนโวยวายวิ่งก่อนผมเลย ขึ้นบ้านตึงตังๆผมวิ่งคนตามหลังตามสเต๊ป ขึ้นบ้านไปเสียงดังมากบ้านไม้อ่ะนะ วิ่งแหกปากกระทืบเท้าไปแบบนั้นตื่นกันทั้งบ้าน มันหนักกว่าผมอีกลนลาน วิ่งไปหายาย หน้าตาตื่น
ผมก็กลัวนะแต่ไม่ขาดที่ร้องเอะอะโวยวาย แค่วิ่งเร็ว หุหุ ยายก็ถามว่าเป็นอะไรยังไง ก็บอกไป ยายก็ลูบหัว เอาสายสินฐ์มาคล้องแล้วยายก็ตะโกนดังๆว่าเด็กมันแค่ซน พอแล้วแค่นี้แหละไม่ต้องมาให้เจอให้เห็นอีก แล้วก็หาข้าวหาปลามาให้ผม2คนกิน อาบน้ำนอน
ตอนเช้าไอ้ต๋องหนักเลยเป็นไข้ อาจจะจากผีหลอกแล้วตกใจจนเป็นไข้ หรือแาจจะตากฝนกันตนไข้ ก็ไม่รู้นะครับ แต่ก็ไปรดน้ำมนต์เหมือนเดิม หลายวันกว่าจะหาย แต่ผมไม่เป็นอะไรนะ ปกติทุกอย่าง นี่แหละครับประสบการณ์จริงๆของผมที่ติดตาขนหัวลุกมากที่สุด มีหลายเรื่องหลายเหตุการณ์ครับที่เจอ แต่อาจจะเล่าไม่สนุกไม่เก่งนะครับ
ผิดพลาดประการใดก็อภัยด้วยนะครับ ถ้าชอบจะมาเล่าอีกครับ ยืนยัน เรื่องจริง ผู้คนมีตัวตนจริง สิ่งที่เจอเห็นจริงๆด้วยตาตัวเอง ทุกวันนี้ผมห็เจอบ้างนะแต่ไม่ค่อยถี่เหมือนก่อนๆ พระที่นับถือท่านก็ว่าผมมีเซ๊นเรื่องพวกนี้ ท่านบอกแค่30%ก็เยอะแล้วอย่าให้มากกว่านี้เลย เดี๋ยวจะคุมไม่อยู่ คือความหมายท่านส่าผมอ่ะจะกลายเป็นอย่างเค้าพวกสัมภเวสีนะครับ
คือมาเกี่ยวข้องกับผมเยอะไป อาจเข้าใจยากนะครับ สำหรับท่านอื่นแต่เป็นความหมายที่ผมก็เข้าใจ ฟังดูงมงายนะครับ ท่านที่ไม่เคยเจอไม่เชื่อเรื่องพวกนี้ก็ไม่ว่ากันครับ อ่านเอาสนุกเหมือนนิยายผีๆซักเรื่อง เวลาคุยกับคนที่ไม่เชื่อผมก็ไม่ได้เถียงเค้านะครับว่ามีจริงไม่มีจริง แค่ยิ้มๆตามเรื่องตามราว เค้าไป แค่ให้รู้ว่ามันมีจริงสำหรับผม
เรื่องที่เล่ามาเป็นประสบการณ์ของ จ.ข.ก.ท ทุกอย่างนะครับขอบคุณที่สละเวลามาแชร์ประสบการณ์กันนะครับ ขอบคุณครับ