สหรัฐถล่มซีเรียผลกระทบที่ตามมาราคาน้ำมันดิบเพิ่ม-ตลาดหุ้นลด-การเจรจาสันติภาพไม่เกิด
จวรดร่อนโมาฮ็อกซ์ถูกยิงจากเรือพิฆาตของสหรัฐในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนเมื่อคืนวันที่ 6 เมษายน 2560
เมื่อคืนวันที่ 6 เมษายน 2017 ตรงกับเช้าวันที่ 7 เมษายน ของประเทศไทย ประธานาธิบดีดอนัลด์ ทรัมพ์ สั่งถล่มสนามบินซีเรียด้วยจรวดร่อนโทมาฮ็อกซ์ 59 ลูก ด้วยเหตุผลเพื่อปกป้องไม่ให้การใช้อาวุธเคมีกระทำต่อพลเรือน สหรัฐถือว่าการโจมตีครั้งนี้เป็นการกระทำเพื่อมนุษยธรรม
นายทรัมพ์สั่งการเป็นวันเดียวกับที่เขาเป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารเย็นประธานาธิบดีสี จิ้น ผิง และภรรยาที่มาราลาโก้ (Mar-A-Lago) คฤหาสน์ส่วนตัวของทรัมพ์ที่เวสต์ พาล์ม บีช รัฐฟลอริด้า การพบปะกับสี จิ่น ผิงมีขึ้น 2 วันโดยวันที่ 7 เมษายนของสหรัฐจะเป็นวันสุดท้าย
ขณะที่ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินแห่งรัสเซียออกมาประนามว่าการกระทำของสหรัฐถือเป็นการก้าวร้าวต่อรัฐที่มีอธิปไตยเหนือดินแดนของตน ทั้งนี้รัสเซียเป็นพันธมิตรกับประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด แห่งซีเรียในสงครามกลางเมืองของซีเรียที่ดำเนินมาได้ 6 ปี
สหรัฐใช้เรือรบ 2 ลำที่จอดอยู่ในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนประกอบด้วยเรือพิฆาตพอร์ตเตอร์ (USS Porter)และเรือพิฆาตรอสส์(USS Ross) ยิงจรวดโทมาฮ็อกซ์รวม 59 ลำเข้าถล่มสนามบินของเมืองดามัสกัสและเมืองฮอมส์ในซีเรีย เป้าหมายอยู่ที่ Shayrat Airfield เพื่อทำลายล้างลานจอดเครื่องบิน,เครื่องบิน,สิ่งปลูกสร้าง,คลังอาวุธและระบบป้องกันภัยทางอากาศของสนามบิน
สถานีทีวีของซีเรียรายงานว่ามีผู้เสียชีวิต 6 รายจากจรวดโทมาฮ็อกซ์ของสหรัฐ ขณะที่กลุ่มสังเกตการณ์ Syrian Observatory for Human Rights ซึ่งมีสำนักงานอยู่สหราชอาณาจักรรายงานว่าทหารของซีเรียได้รับบาดเจ็บนับสิบนาย
รัฐบาลซีเรียแถลงก่อนหน้านี้ว่าเครื่องบินของซีเรียเข้าถล่มฐานที่มั่นของกบฎ (กบฎก็คือทหารซีเรียเสรีที่สหรัฐหนุนหลัง)เป็นเหตุให้คลังแสงเคมีของกลุ่มกบฎถูกทำลาย เรื่องนี้รัสเซียเองก็บอกว่าสหรัฐอย่าเพิ่งด่วนสรุปว่าซีเรียเป็นผู้ใช้อาวุธเคมีทำลายประชาชนของตัวเอง
ปัจจุบันศัตรูของนายบาชาร์ อัล-อัสซาด ในซีเรียมีหลายฝ่ายประกอบด้วย 1.กลุ่มรัฐอิสลาม 2.กลุ่มอัล-ไควดะ 3.กลุ่มกบฎหรือทหารซีเรียเสรีที่สหรัฐหนุนหลัง 4.กลุ่มตะวันตกที่พยายามโค่นล้มรัฐบาลของเขามาตั้งแต่ปี 2011 นำโดยสหรัฐและเนโต้ ส่วนพันธมิตรของนายอัล อัสซาด ประกอบด้วยรัสเซีย,อิหร่าน,กลุ่มฮามาสจากปาเลสไตน์ เป็นต้น
ผลกระทบที่เกิดขึ้นมีอะไรบ้าง
1.ความหวังที่จะมีการเจรจากันเพื่อให้เกิดสันติภาพในซีเรีย อาจจะริบหรี่ลง เพราะสหรัฐยังไม่ไม่ตรวจสอบอย่างชัดเจนก็สรุปว่าซีเรียเป็นคนใช้แก๊สซารินทำสงครามเมื่อวันที่ 4 เมษายนที่ผ่านมา (เพียง 2 วันก็สรุปแล้ว เหมือนกับว่าอยากถล่มซีเรียจริงๆ แต่ทำไม่ได้เพราะมีรัสเซียขวางอยู่)
2.ราคาน้ำมันดิบในตลาดเอเชียเมื่อวันที่ 7 เมษายนเพิ่ม 1.2 % เมื่อเวลาเที่ยงวันราคาอยู่ที่ 52.30 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนตลาดในสหรัฐเมื่อเปิดตลาดก็น้ำมันดิบก็มายืนอยู่ที่ 52.49 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล น้ำมันดิบเบรนท์ ตลาดลอนดอนเพิ่ม 77 เซ็นต์มายืนที่ 55.66 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ซีเรียไม่ใช่ประเทศหลักในการผลิตน้ำมัน แต่เป็นประเทศที่อยู่ติดกับช่องแคบฮอร์มุซ ที่มีน้ำมันลำเลียงออกตลาดโลกวันละนับล้านๆบาร์เรล อาจจะส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมันในตลาดโลกได้เมื่อเกิดวิกฤติขึ้นมา
3.ประชาชนนำเงินไปไว้ในที่ปลอดภัยหรือ safe havens เช่นไปซื้อทองคำแท่งเมื่อเช้าวันที่ 7 เมษายนเปิดตลาดที่ 1,266.50 ดอลลาร์ต่อออนซ์หรือเพิ่มขึ้น 13.20 ดอลลาร์
4.ตลาดหุ้นทั่วโลกไม่ดีนักเพราะนักลงทุนเทขายออก จะต้องเฝ้ารอว่าวันศุกร์ที่ 7 เมษายนตลาดทั่วโลกเมื่อปิดตลาดจะเป็นอย่างไรบ้าง การซื้อขายในตลาดยุโรปช่วงเช้าวันที่ 7 เมษายน เป็นดังนี้
ตลาด CAC 40 ของฝรั่งเศสลด 0.4 % ที่ 5,100.17 จุด
ตลาด DAX ของเยอรมนี ลด 0.6 % ที่ 12,159.15. จุด
ตลาด FTSE 100 ของอังกฤษคงตัวที่ 7,305.09 จุด
ตลาดดาวโจนส์ของสหรัฐลด 0.1 % ที่ 20,593.00 จุด
ตลาด S&P 500 ลด 0.2 % ที่ 2,350.20.
สนามบิน Shayrat Airfield คือเป้าหมายที่จรวดโทมาฮ็อกซ์ยิงถล่ม