บ้านประชารัฐ พหลฯ 11 เจ๊งตั้งแต่ยังไม่สร้าง
บ้านประชารัฐ พหลฯ 11 เลิกสร้างเถอะ ไม่โปร่งใส ไม่เป็นประโยชน์ ไม่เป็นที่ต้องการของชุมชน ไม่เป็นคุณต่อรัฐบาลและประเทศชาติ เช้าวันนี้ (17 มีนาคม 2560) มีข่าวว่า “บ้านธนารักษ์เปลี่ยนมือวุ่น” (http://goo.gl/2cXETO) โดยนายจักรกฤศฏิ์ พาราพันธกุล อธิบดีกรมธนารักษ์ แถลงเรื่องบ้านธนารักษ์ประชารัฐ ซอยพหลโยธิน 11 ว่า “บริษัทที่ชนะการประมูลและได้รับสิทธิการบริหาร คือ บริษัท ปักกิ่ง เออร์บัน-คอนสตรัคชั่น ยาไถ่ (ไทย) คอนสตรัคชั่น กรุ๊ป ได้ขอโอนสิทธิการบริหารจัดการโครงการ ทั้งงานก่อสร้างและบริหารโครงการไปให้บริษัท จูโน่ พาร์ค ทำหน้าที่แทน ซึ่งกรมธนารักษ์ได้ตรวจสอบคุณสมบัติของบริษัท จูโน่ พาร์ค ทั้งทุนจดทะเบียนและประสบการณ์เป็นไปตามระเบียบที่กำหนด และเห็นว่าสามารถเปลี่ยนสิทธิได้ เนื่องจากในทีโออาร์กำหนดให้โอนถ่ายสิทธิได้ เพราะเป็นการดำเนินโครงการตามแบบเดิม”
ต่อเรื่องนี้ ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธานกรรมการบริหาร ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย (www.area.co.th) ให้ข้อคิดเห็นว่า
1. ทำไมจึงมีการกำหนดไว้ในทีโออาร์กำหนดให้โอนถ่ายสิทธิได้ อย่างนี้จะเป็นความโปร่งใสได้หรือ ไม่ถือเป็นการทิ้งงานและต้องเสียค่าปรับ ทำให้เสียเวลาหรืออย่างไร สัญญาแบบนี้จะทำให้เกิดการ “เสียค่าโง่” แก่ทางราชการอีกหรือไม
2. ที่ว่าได้ตรวจสอบคุณสมบัติบริษัทที่เขามาสวมสิทธิ์ใหม ทางราชการตรวจสอบจากแค่เอกสารหรืออะไรอื่น เคยไปเยี่ยมถึงที่ตั้งบริษัท หรือดูผลประกอบการที่ผ่านมาหรือไม่ ควรชี้แจงแก่ประชาชนให้ได้รับรู้ด้วยเพื่อความโปร่งใส
การที่ท่านอธิบดีแถลงว่าสาเหตุการโอนสิทธิ์ “น่าจะเป็นปัญหาเรื่องเงินทุน และการดำเนินการใช้ระยะเวลานาน ไม่ค่อย คุ้มค่า. . .ถ้ารายแรกไม่ทำ แล้วจะให้ ใครทำ ขนาดบริษัทธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์ยังไม่ทำเลย เพราะไม่คุ้ม” ต่อเรื่องนี้ ดร.โสภณ ให้ข้อคิดเห็นว่าในเมื่อเห็นว่าโครงการนี้ขาดความเป็นไปได้ทางการเงินตั้งแต่แรก ทำไมจึงยังให้ประมูล ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าไม่มีความเป็นไปได้ ขืนทำไปก็เสียเวลาแก่ทางราชการที่จะต้องเริ่มต้นใหม่อีก การคิดทำราชการอย่างไม่สมเหตุสมผลแบบนี้ จะทำให้ประเทศชาติเสียหายหรือไม่
อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดนี้สะท้อนให้เห็นว่า โครงการนี้ขาดความเหมาะสมและขาดความเป็นไปได้ ที่ดินราคาแพงเยี่ยงนี้ ไม่ควรที่จะนำมาทำโครงการแบบนี้ ควรนำมาพัฒนาสิ่งที่มีคุณค่ามากกว่านี้ เพื่อนำกำไรมาพัฒนาประเทศชาติ ยิ่งกว่านี้ ดร.โสภณ ยังเคยสำรวจพบว่ามีที่อยู่อาศัยให้เช่าในราคา 2,000-5,000 บาทในพื้นที่แถบนี้เกือบ 1,000 หน่วย (http://bit.ly/2kYSO8V) รัฐบาลไม่จำเป็นต้องสร้างห้องเช่าเพิ่มแต่อย่างใด นอกจากนี้ตัวแทนชุมชนใกล้เคียงก็คัดค้าน รัฐบาลควรฟังเสียงของประชาชนบ้าง
การคิดไม่รอบด้าน หวังเพียงจะสร้างผลงานแบบ “ผักชีโรยหน้า” “ลูบหน้าปะจมูก” นอกจากจะไม่ทำให้เป็นคุณต่อชาติแล้ว ยังทำให้รัฐบาลเสียภาพพจน์อีกด้วย