ยุง ฤดูร้อน กับพาหะนำโรค !!!
สถานะการณ์โรคไข้เลือดออกแพร่ระบาด ประจำปี 2560
จากกลุ่มระบาดวิทยา สำนักโรคติดต่อนำโดยแมลง กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ระบุว่า จนถึงวันที่ 14 มีค.
พบว่า มีผู้ป่วยเป็นโรคไข้เลือดออกถึง 6,000 พันกว่าราย และถึงขั้นเสียชีวิตถึง 6 ราย ถึงแม้ว่าในปีนี้ สถานะการณ์โรคไข้เลือดออกจะต่ำกว่าช่วงเวลาเดียวกันในปี 2559 แต่แค่เพียง 3 เดือนแรกของปี ยอดผู้เสียชีวิตก็เกินจากช่วง 3 ปีที่ผ่านมาแล้ว
โดยภาคใต้ และภาคกลาง เป็นสองภูมิภาคที่มียอดผู้ป่วยสูงเป็นอันดับหนึ่ง และสองของไทย
ส่วนสถานะการณ์ของโรคไวรัสซิก้าในปี 2560 ประเทศไทย ยังถูกจัดอยู่ในประเทศพาหะ (กลุ่มที่ 2 : ประเทศที่มีความเป็นไปได้ในการพบผู้ติดเชื้อ) ผ่านยุงลาย
ช่วงเดือนกพ.ที่ผ่านมา พบว่ามีผู้ติดเชื้อไวรัสซิก้าอีก 4 ราย และมีการเฝ้าระวังกลุ่มหญิงตั้งครรภ์ในพื้นที่ติดเชื้อ เนื่องจากโอกาสที่เชื้อไวรัสจะถ่ายทอดจากแม่สู่ลูกระหว่างตั้งครรภ์ได้ ซึ่งจะทำให้เด็กที่เกิดมามีโอกาสมีศีรษะเล็กแต่กำเนิด (ศีรษะเล็กแต่กำเนิด จะมีความเกี่ยวข้องกับอาการชัก พัฒนาการล่าช้า หรือความผิดปกติใน
การดูด หรือกลืน และหากรุนแรงอาจถึงตายได้)
ในปัจจุบันยังไม่มีวัคซีน และการรักษาโดยเฉพาะ แต่จะเป็นการักษาตามอาการของโรคเท่านั้น
ดังนั้น องค์การอนามัยโลก จึงแนะนำให้ระมัดระวัง และป้องกันการถูกยุงกัด และทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ยุง พร้อมทั้งเตือนให้หญิงตั้งครรภ์ และหญิงวัยเจริญพันธุ์ควรตรวจสอบสุขภาพ เพื่อป้องกันการถ่ายทอดเชื้อไวรัสซิก้าจากแม่สู่ลูกด้วย
ทั้งไข้เลือดออก และไวรัสซิก้า ทางกระทรวงสาธารณะสุขได้ประกาศให้เป็นโรคติดต่อที่จะต้องแจ้งความอีกด้วย
ข้อสังเกตุ ระหว่างไข้เลือดออก และไวรัสซิก้า
• ไวรัสซิกา ยังไม่พบอาการที่ชัดเจน แต่มักมีผื่นที่ผิวหนัง และบางส่วนมีเยื่อบุตาอักเสบจนทำให้ตาแดง
• ไข้เลือดออก มีไข้สูง อาการปวดกล้ามเนื้อที่รุนแรง และอาการแทรกซ้อนเมื่อไข้เริ่มลด เช่น มีเลือดออกบริเวณตามผิวหนัง เลือดออกตามไรฟัน เลือดกำเดาไหล เป็นต้น
และที่สำคัญทั้ง 2 โรคนี้ ห้ามทานยาลดไข้ตระกูลแอสไพริน เพราะอาจทำให้เกิดเลือดออกในอวัยวะได้ง่ายขึ้น
การทำลายแหล่งเพาะพันธุ์รอบบ้าน ทำลายตัวอ่อน หรือกำจัดยุง จะช่วยลดโอกาสการแพร่ระบาดของโรคไข้เลือดออก และไวรัสซิก้าได้ โดยการเทน้ำในภาชนะที่มีน้ำขัง ทรายกำจัดลูกน้ำ เลี้ยงปลาหางนกยูง หรือขั้นเด็ดขาด ยาฆ่าแมลง
เพียงแค่นี้ บ้านคุณก็จะปลอดภัยจากโรคไข้เลือดออก และโรคไวรัสซิก้า แล้ว !!!
ขอบคุณที่มา: http://www.ddc.moph.go.th/index.php
และรูปจากอินเตอร์เนท และ เพจ CP จิตอาสา