มุมมองรัฐมนตรีท่องเที่ยวมาเลเซียต่อ Uber/GrabCar: อนุญาตแอปเรียกรถเพื่ออำนวยความสะดวกประชาชนและนักท่องเที่ยว
"ชื่อเสียงของแท็กซี่ที่มัก
มุมมองของ Nazri Aziz รัฐมนตรีกระทรวงการท่องเที่
เวบไซต์ blognone.com ได้เผยแพร่ มุมมองรัฐมนตรีท่องเที่ยวมาเลเซียต่อ Uber และ GrabCar ที่ได้อนุญาตแอปพลิเคชั่น เรียกรถเพื่ออำนวยความสะดวกประชาชนและนักท่องเที่ยว
ในขณะที่บรรดาชาติในอาเซียนที่สนับสนุนแอปพลิเคชั่นเรียกรถรับจ้างที่ใช้รถส่วนบุคคลมาให้บริการ นอกจากสิงคโปร์แล้ว ยังมีประเทศอย่างมาเลเซียที่มีท่าทีสนับสนุนต่อแอปเหล่านี้ ที่กำลังเติบโตและเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วในปี 2016 ที่ผ่านมา
เมื่อช่วงปี 2015 ขนส่งทางบกมาเลเซีย (Suruhanjaya Pengangkutan Awam Darat - SPAD) เคยไล่กวาดล้างทั้ง Uber และ GrabCar อย่างแข็งขัน แต่เมื่อมีการประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2016 กลับเปลี่ยนท่าทีเป็นการหาทางอยู่ร่วมกันระหว่าง Uber, Grab และแท็กซี่ดั้งเดิม เพื่อหาทางออกแบบวิน วิน คือได้ประโยชน์ทั้งผู้โดยสาร, แท็กซี่เดิม และ Uber Grab Car
ขณะที่ ลี เซียน ลุง นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ แสดงท่าทีแบบเดียวกัน หลังมติคณะรัฐมนตรีของมาเลเซียประมาณสิบวัน (พูดเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2016)
แนวทางของมาเลเซียตรงกับแนวทางของสิงค์โปร์ คือ แม้จะเปิดให้คนทั่วไปมาประกอบอาชีพได้บางเวลา แต่ก็เพิ่มมาตรการควบคุมในบางระดับ ได้แก่ คนขับต้องใช้ใบขับขี่สาธารณะ (public service vehicle licence - PSV), ทำประกันรถให้ครอบคลุม, รถที่นำมาขับต้องมีการลงทะเบียนและตรวจสภาพ ต่างจากสิงคโปร์เพียงการติดป้ายแสดงตัวบนรถที่มาเลเซียไม่มีกฎข้อนี้
ภาพ Nazri Aziz ในการแถลงข่าวปี 2013 โดย Bernama tv 2013
โต้โผใหญ่ในการเปลี่ยนท่าทีของคณะรัฐมนตรีมาเลเซียคือรัฐมนตรีการท่องเที่ยว Nazri Aziz ที่ระบุว่าชื่อเสียงของแท็กซี่ในมาเลเซียที่มักโกงผู้โดยสารกำลังทำร้ายการท่องเที่ยวมาเลเซีย ขณะที่แอปเรียกรถเหล่านี้กลับได้รับความนิยมไปทั่วโลก นักท่องเที่ยวสามารถเรียกรถจากแอปได้โดยตรง และเมื่อนักท่องเที่ยวสามารถเรียกรถผ่านแอปเหล่านี้ได้ก็ไม่ต้องกลัวการมาเที่ยวมาเลเซียอีกต่อไป เขาระบุว่าหากมาเลเซียไม่สนับสนุนแอปเหล่านี้ เมืองใหญ่ๆ ของมาเลเซียก็จะถูกเมืองอื่นในโลกแซงไป
การปรับกฎเพื่อรองรับ Uber และ GrabCar มาพร้อมกับการผ่อนปรนกฎเกณฑ์สำหรับแท็กซี่เดิม ผ่อนปรนกฎให้มีรถแท็กซี่ราคาประหยัด, มีกองทุนสนับสนุนสำหรับรถแท็กซี่ใหม่, และเปิดทางให้คนขับเดิมเป็นเจ้าของรถเองได้จากเดิมที่ต้องสังกัดบริษัท
ตอนนี้มีแท็กซี่ทั่วมาเลเซีย 77,000 คันในระบบ คาดว่าระบบใหม่จะทำให้ทั้งรถแท็กซี่, Grab, และ Uber เพิ่มเข้ามาในระบบอีก 150,000 คันในสามปีข้างหน้า
Nazri Aziz ระบุว่าคนขับแท็กซี่เดิมก็ควรเรียนรู้ที่จะปรับตัว รัฐบาลเองก็สนับสนุนให้บริษัทแท็กซี่ท้องถิ่นทำแอปของตัวเอง แต่หากตามไม่ทันก็ไม่ใช่ความผิดของรัฐบาล
ภาพ SPAD ยึดรถที่นำมาขับ GrabCar และ Uber เมื่อปี 2015
หวังว่าประเทศไทยจะหาทางออกระหว่าง Taxi เดิม และUber, Grab Taxi ได้ในเร็ววัน เพื่อประโยชน์ของทุกฝ่าย รวมถึงประโยชน์ของผู้โดยสารที่จะได้รับบริการที่ดี ถึงจุดหมาได้อย่างปลอดภัย
ที่มา - The Star, Free Malaysia Today (1), Free Malaysia Today (2)