ก่อนที่จะมีมหาวิทยาลัยแห่งแรกของประเทศไทย "จุฬาฯ"
"..ขืนตั้ง(มหาลัยขึ้นมา)ราชวงศ์จักรีจะแย่ ถ้าเจ้าคุณจะตั้งมหาวิทยาลัย ผมตายก็อย่ามาเผาผม เจ้าคุณตายผมก็จะไม่ไปเผาเจ้าคุณ มันยังไม่ถึงเวลาตั้ง(มหาวิทยาลัยในประเทศไทย).."
นี้คือถ้อยคำของผู้ขัดขวางการตั้งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยในสมัยนั้นก็คือเจ้าพระยายมราช (ปั้น สุขุม) ซึ่งได้ต่อว่าเจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรี(สนั่น เทพหัสดิน ณ อยุธยา)เสนาบดีกระทรวงธรรมการ ว่าประเทศสยามยังไม่พร้อมที่จะมีมหาวิทยาลัยในประเทศ ตอนนั้นพวกเจ้านายชั้นสูง รวมไปถึงพวกขุนนางชั้นสูง บางท่านไม่สนับสนุนและเห็นด้วยกับรัชกาลที่ ๖ ในการตั้งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยขึ้น ถึงขนาดที่พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้ากิติยากรวรลักษณ์ กรมพระจันทบุรีนฤนาถ (ต้นราชสกุลกิติยากร) เสนาบดีกระทรวงคลังสมัยนั้น ถึงกับบันทึกต่อว่าเจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรีว่า "..การตั้งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยให้ได้นั้น เสนาบดีกระทรวงธรรมการจะพารัฐบาลเข้าปิ้งทางการเงิน.." ว่ากันว่าท่านเจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรีนั้น เป็นเจ้าพระยาที่ยากจนที่สุดในประเทศสยามเวลานั้น
ต่อมา พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงสอบถามเจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรี ถึงเรื่องตั้งมหาวิทยาลัยในประเทศสยามว่า "เราพร้อมแค่ไหน" เจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรีได้กราบบังคมทูลว่า
"..ถ้าถือเอาอ๊อกฟอร์ดหรือเคมบริดซ์เป็นมาตรฐาน เรายังไม่พร้อมที่จะสถาปนามหาวิทยาลัย จะต้องลงทุนรอนมากมายนัก ทั้งเงินทั้งคนของเรายังไม่พร้อม แต่ถ้าจะลดหย่อนลงมาเพียงมหาวิทยาลัยรุ่นใหม่ ๆ ซึ่งกำลังเกิดขึ้นสะพรั่งราวกับดอกเห็ดทั้งในตะวันตกและตะวันออก เราก็พอทำได้ มหาวิทยาลัยใหม่ ๆ นี้เปรียบเหมือนเป็นโรงเรียนกลางวัน แต่ออกสฟอร์ด เคมบริดซ์ เปรียบเหมือนโรงเรียนประจำ(ตัดข้อความลง)....มหาวิทยาลัยเก่าของอังกฤษเท่ากับเป็นที่ประทับตราว่าคนนี้ออกไปทำงานอะไร ๆ ก็ไว้ใจได้ เขาเป็นสุภาพบุรุษโดยสมบูรณ์แล้ว แต่มหาวิทยาลัยใหม่จะประทับตราให้ได้แต่เพียงว่า คนนี้มีวิชาเอนจิเนีย,แพทย์,กฎหมาย,วิทยาศาสตร์,อักษรศาสตร์ ฯลฯ จำนวนนักเรียนจบมัธยมบริบูรณ์ของเรายังน้อยมาก โรงเรียนข้าราชการพลเรือนยังต้องรับผู้จบมัธยมหก ในแง่นี้แง่เดียวก็อาจมีผู้คัดค้านได้ว่ายังไม่ถึงเวลา...."
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงมีพระราชดำรัสตอบกลับว่า
"....เดินเถิดอย่าคอยเวลาเลย อย่างไรเสียเราก็ต้องการมหาวิทยาลัย ตั้งเสียเดี๋ยวนี้ทีเดียว จะได้เป็นตลาดวิชาของเมืองไทย ไม่เป็นแต่เพียงที่เพาะข้าราชการไว้ใช้...."
และในที่สุด พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ประดิษฐานโรงเรียนข้าราชการพลเรือนของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ขึ้นเป็นมหาวิทยาลัย เมื่อวันที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2459 พร้อมทั้งพระราชทานนามว่า “จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย” เป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกของประเทศไทย จนถึงวันนี้ครบรอบ 98 ปี
แหล่งที่มา: https://www.facebook.com/History.KingdomOfSiam/posts/466989236786538:0
เจาะลึกสถิติหวยออกเดือนธันวาคมย้อนหลัง 35 ปี: ส่องเลขเด่นประจำงวดส่งท้ายปี
สถิติหวย ย้อนหลัง 10 ปี เลขท้าย 2 ตัว งวด 16 ธันวาคม
ชายดวงซวยนั่งซ่อมรถอยู่ดีๆ ซาลาเปาร้อนๆก็มาเสิร์ฟเต็มหลัง
กองทัพภาคที่ 2 ชี้ชัด: กัมพูชาใช้โบราณสถาน "ปราสาทตาควาย" เป็นฐานทหาร-เพิ่มความตึงเครียดด้วยการนำครอบครัวเข้าร่วมภารกิจ
ยืนถ่ายเซลฟี่บนหน้าผาสูง สุดท้ายร่วงยาวกว่า 15 เมตร
เบื้องหลัง "หัวปากกา" ชิ้นจิ๋ว ความยากระดับสร้างยานอวกาศ ที่มหาอำนาจหลายชาติยังยอมแพ้
ราชันย์โพแทสเซียม" ชนะกล้วย! เผยอาหารลับฟื้นกล้ามเนื้อ สู้หนาวได้ดี
🇹🇭 วิเคราะห์พิธีเปิดซีเกมส์ 2025: ความหลอนของยุค 90s และความขลุกขลักที่ต้องแก้ไข
ต้นไม้เดินได้ ในป่าอเมซอน
ภาพไวรัลสุดฮาหลังน้ำท่วม..ชาวบ้านประกาศตามหา "สิ่งศักดิ์สิทธิ์"
"บิ๊กเอ" มั่นใจไทยครองเจ้าเหรียญทองเทควันโดซีเกมส์ - เผยไม่ทราบสาเหตุกัมพูชายกทัพกลับ
นาโน" วัชรกุล ผงาดคว้าเหรียญทองแรกให้ทัพไทย ในศึกเทควันโดพุมเซ่ซีเกมส์
ฟิลิปปินส์จัดทัพใหญ่สุดในประวัติศาสตร์ซีเกมส์ ตั้งเป้ากวาด 60 เหรียญทอง
นาโน" วัชรกุล ผงาดคว้าเหรียญทองแรกให้ทัพไทย ในศึกเทควันโดพุมเซ่ซีเกมส์
"บิ๊กเอ" มั่นใจไทยครองเจ้าเหรียญทองเทควันโดซีเกมส์ - เผยไม่ทราบสาเหตุกัมพูชายกทัพกลับ
ยืนถ่ายเซลฟี่บนหน้าผาสูง สุดท้ายร่วงยาวกว่า 15 เมตร
ฮาร์วาร์ดเผย 11 อาหารที่ช่วยล้างไขมันเลว กินทุกวันเพื่อเคลียร์หลอดเลือดและป้องกันโรคหัวใจ



