10 “ทฤษฎีสมคบคิด”
หากพูดถึง “ทฤษฎีสมคบคิด” หรือ Conspiracy theory นั้น มันคือสิ่งลึกลับ มีเงื่อนงำ ประเด็นที่น่าสนใจเกี่ยวกับเหตุการณ์ครั้งสำคัญต่างๆ ที่คนพยายามหาคำตอบ ถึงแม้ว่ามันจะจริงหรือเปล่าไม่รู้ แต่มันก็ทำให้เราตื่นเต้นทุกครั้ง ที่มีคนคิดทฤษฎีขึ้นมา
1.เหตุการณ์ 9/11 เกิดขึ้นเพราะแผนการของรัฐบาลสหรัฐฯ เอง
e-watchman
มีหลายๆ ทฤษฎีสมคบคิดเกี่ยวกับเหตุการณ์ 9/11 ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 11 กันยายน 2001 แต่อันที่คนนิยมมากที่สุดคืออันที่บอกว่า รัฐบาลของ Geroge W. Bush เป็นคนที่ปล่อยให้มันเกิดขึ้น พวกเขารู้อยู่แล้วว่ามันจะเกิดขึ้น ก็ปล่อยให้มันเกิด เพื่อเป็นข้ออ้างในการก่อสงคราม ใช้นโยบายเด็ดขาด บุกรุกประเทศในดินแดนตะวันออกกลาง และคนก็จะสนับสนุน และสุดท้ายรัฐบาลสหรัฐเองคือคนที่ได้ประโยชน์
ผู้ที่สนับสนุนนั้นอ้างเรื่องโปรเจ็คของ the New American Century ที่อเมริกาต้องเป็นผู้นำโลก โดยในรายงานของปี 1990 จากกลุ่มคนที่ประกอบไปด้วย ex-Secretary of Defense Donald Rumsfeld, Vice President Dick Cheney และคนในรัฐบาลของบุชหลายคนนั้นเคยบอกว่า เหตุการณ์ครั้งใหญ่ๆ แบบเช่นเดียวกับ Pearl Habour อาจจำเป็นต้องเกิดขึ้นเพื่อหาแรงสนับสนุนจากประชาชนให้เห็นความสำคัฐของทหารและสงครามอีกครั้ง
2.เหตุการณ์วัตถุประหลาดคล้าย UFO ตกที่ Roswell
huffingtonpost
เกิดเหตุการณ์วัตถุประหลาดตกลงที่เมือง Roswell นิวเม็กซิโก สหรัฐอเมริกา ในเดือนกรกฎาคม 1947 กลายเป็นที่ถกเถียงกันในเรื่องคำอธิบายมากว่าคืออะไร โดยทางการสหรัฐฯ ออกมาประกาศอย่างเป็นทางการว่ามันคือ บอลลูนเฝ้าตรวจทางทหารของสหรัฐฯ เท่านั้น
3.การลอบสังหารปธน. John F. Kennedy
cbc.ca
เหตุการณ์เศร้าสลดในวันนั้นเกิดขึ้นในวันที่ 22 พฤศจิกายน 1963 ที่เท็กซัส ประธานาธิบดีคนที่ 35 ของสหรัฐ กำลังโดยสารบนรถกับภรรยาของเขา Jacqueline กำลังเดินทางผ่าน Dealey Plaza การสืบสวนของทางการใช้เวลา 10 เดือน และรายงานตีพิมพ์ออกมาในเดือนกันยายน 1964 ในรายงานบอกว่า การลอบสังหารเกิดขึ้นโดยคนเพียงคนเดียวคือ Lee Harvey Oswald ลูกจ้างที่ Texas School Book Depository ใน Dealey Plaza
มีทฤษฎีสมคบคิดเกิดขึ้นมากมาย ตั้งแต่หลังจากประธานาธิบดี JFK เสียชีวิต จนถึงปัจจุบัน โดยทฤษฎีเหล่านั้นบอกว่าผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องมีตั้งแต่ the Federal Reserve, the Central Intelligence Agency (CIA), the KGB, the Mafia, Federal Bureau of Investigation (FBI) director J. Edgar Hoover, Vice President Lyndon B. Johnson, Richard Nixon, Fidel Castro, George H. W. Bush, กลุ่มกบฏต่อต้านรัฐบาล the Castro government รวมไปถึงกองทัพของสหรัฐในเวลานั้นเองด้วย
4.ปรากฏการณ์โลกร้อนคือเรื่องโกหก
conserve-energy-future
ปรากฏการณ์โลกร้อน เป็นที่ฮือฮาขึ้นมาเมื่อปี 1990 เมื่อ The Greenhouse Conspiracy ออกอากาศทางช่อง 4 ในประเทศอังกฤษ เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม 1990 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ Equinox series และยังบอกถึงวิกฤติที่นักวิทยาศาสตร์ที่เชื่อว่าโลกร้อนกำลังเกิดขึ้นนั้น กำลังต้องการเงินทุนอีกด้วย
แต่แน่นอนว่ามี ทฤษฎีสมคบคิด เกิดขึ้นมากมาย โดย William Gray, phD ซึ่งเป็นผู้บุกเบิกในการทำนายพายุเฮอริเคน ออกมาให้เหตุผล 15 ข้อว่าทำไมโลกร้อนถึงเป็นเรื่องที่ไม่จริง โดยมีเหตุผลตั้งแต่ เป็นการหาศัตรูใหม่หลังจบสงครามเย็น ความต้องการของบรรดานักวิทยาศาสตร์เอง นักการเมือง และนักสิ่งแวดล้อมต้องการหาข้ออ้างในการหาเสียงสนับสนุน เพื่อสร้างอิทธิพลทางการเมือง และอีกหลายๆ ข้อ ซึ่ง Gray อ้างถึง การขึ้นมามีอำนาจของ AL Gore อีกด้วยว่าทำให้เขาเกิดปัญหาตามมา เพราะตามที่เขาบอกนั้น National Oceanic and Atmospheric Administration และ NASA หยุดให้เงินเขาในการทำวิจัยเรื่องต่างๆ ทันที
5.เจ้าหญิงไดอาน่า ถูกลอบปลงพระชมน์จากราชวงศ์อังกฤษ
express.co.uk
ในปี 1997 เจ้าหญิงไดอาน่า (Princess of Wales) และ Dodi Fayed ลูกชายของ Mohamed Fayed และเจ้าของ Ritz Hotel และ Harrods นั้นตายในอุบัติเหตุรถยนต์ ขณะที่กำลังหนีนักข่าวที่ฝรั่งเศส แต่มีข่าวลือออกมาบอกว่า ความสัมพันธ์ของเขา ซึ่งฝ่ายชายเป็นมุสลิม และฝ่ายหญิงคือมารดาของอนาคตผู้ปกครองอังกฤษ และเป็นหัวหน้า Church of England นั้น ทำให้หลายๆ คนเชื่อว่าการตายนี้อาจจะเป็นการยุติข่าวคาวที่จะมีผลเสียต่อราชวงศ์ก็เป็นได้
ซึ่งจากผลสำรวจกว่า 1/4 ของชาวอังกฤษ และโลกอาหรับ เชื่อว่าเธอถูกฆาตกรรม เพราะมีข่าวลือออกมาเช่นกันว่า แรงจูงใจในการฆ่าคือ มีความเป็นไปได้ที่เจ้าหญิงไดอาน่า จะตั้งครรภ์ และย้ายเข้าสู่ศาสนาอิสลามเพื่อแต่งงานกับฝ่ายชาย ซึ่งทำให้คนที่น่าสงสัยว่ามีส่วนเกี่ยวข้องมีตั้งแต่ French Intelligence, the British Royal Family, the press, the British Intelligence services MI5 หรือ MI6, the CIA, Mossad, the Freemasons, หรือ the IRA นั่นเอง
6.การครองโลกของชาวยิว
listverse
ทฤษฎีนี้เอามาจากหนังสือ The Protocols of the Elders of Zion ที่บอกว่าชาวยิวมีความต้องการที่จะครองโลก แต่ถึงแม้จะมีการสืบค้นมากมายว่าหนังสือเล่มนี้เป็นเพียงเรื่องแต่ง ไม่จริง และมีการลอกเลียนมาจากที่อื่น แต่ก็มีบางส่วนที่หลายๆ คนเชื่อว่าเป็นเรื่องจริงอยู่บ้าง
ทั้งนี้ หนังสือเล่มนี้ถูกทำให้เป็นที่นิยมจากคนที่ต่อต้านการขึ้นมามีอำนาจมากขึ้นของรัสเซีย และกระจายมากขึ้นไปอีกในช่วงการปฏวัติ 1905 และกระจายไปทั่วโลกหลังการปฏิวัติเดือนตุลาคมในปี 1917 ส่วนในโลกตะวันตกนั้น โด่งดังในช่วงปี 1920 เท่านั้น ซึ่งในช่วง Great Depression และช่วงมีอำนาจของนาซี คือส่วนสำคัญที่ทำให้หนังสือเล่มนี้พัฒนาขึ้นเรื่อยๆ
7.การลงบนดวงจันทร์ของ Apollo คือเรื่องโกหก
cnet
มีทฤษฎีที่ออกมาบอกว่า ทุกอย่างที่ออกมาบอกว่าสหรัฐฯ คือชาติแรกที่ลงเหยียบบนพื้นดวงจันทร์นั้น เป็นเรื่องที่หลอกโดย NASA และองค์กรที่เกี่ยวข้องทั้งหลาย ซึ่งผู้ที่สนับสนุนว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องโกหกนั้น ต่างตรวจสอบอย่างละเอียดจากรูปถ่ายที่ออกมา และวิดีโอ ที่ชี้ว่า หลายๆ อย่างไม่น่าถ่ายขึ้นที่ดวงจันทร์ แต่เป็นสตูดิโอมากกว่า
8.Pearl Habor คือสิ่งที่สหรัฐปล่อยให้เกิดขึ้น
flipboard
ทฤษฎีบอกว่า Roosevelt รู้อยู่แล้วว่าถ้าเขายั่วยุแบบนั้นสิ่งนี้ต้องเกิดขึ้น และปกปิดความล้มเหลวของเขาในการแจ้งไปยังหน่วยรบที่ฮาวายว่าจะเกิดสิ่ง และมันก็เกิดขึ้น เพราะเขาตั้งใจให้ฮิตเลอร์ประกาศสงคราม การทำแบบนี้ ทำให้ประชาชนสนับสนุนให้เขาเข้าร่วมสงครามในยุโรปนั่นเอง
ทฤษฎีบอกว่า มีรัฐบาลมากมายเตือนสหรัฐว่าสิ่งนี้จะต้องเกิดขึ้น ทั้ง Britain, Netherlands, Australia, Peru, Korea และ Soviet Union เพราะรหัสของญี่ปุ่นถูกไขออกหมดแล้ว แต่ Roosevelt เลือกที่จะปิดไว้เท่านั้น
9.ความลับที่สามของ แม่พระฟาติมา
sodahead
ความลับ 3 ข้อของพระแม่ฟาติมานั้น คือความลับที่พระนางกล่าวไว้กับเด็กสามคน ในระหว่างการปรากฏพระองค์แก่เด็กเลี้ยงสัตว์สามคนในโปรตุเกสเมื่อปี 1917 โดยพระนางได้มอบคำพยากรณ์ซึ่งถือเป็นความลับสามประการแก่พวกเขา โดยพระนางยังกำชับให้เด็กเก็บความลับข้อที่สามนี้ไว้จนถึงปี 1960ซึ่งความลับประการที่หนึ่งและประการที่สองได้ถูกเปิดเผยแล้วในปี 1941 ยกเว้นความลับประการที่สามที่พระนางมอบให้แก่ ซิสเตอร์ลูเชีย ซึ่งซิสเตอร์ได้บันทึกด้วยลายมือลงในแผ่นกระดาษใส่ซองปิดผนึกมอบให้พระ สังฆราชแห่ง Leira ของปอร์ตุเกส ซึ่งต่อมาได้นำส่งไปวาติกัน
ความลึกลับ ลับลมคมในมันอยู่ในความลับประการที่สาม เพราะบาทหลวงที่บอกว่าตนได้เคยอ่านแล้ว บอกว่าคำนิยามต้องมีการถกเถียงกัน และต้องมีผู้เชี่ยวชาญในการตีความ แต่ยังไม่ได้รับคำตอบจากบุคคลสำคัญๆ ในวาติกัน ซึ่งทำให้หลายๆ คนสงสัยว่าความลับที่สามคืออะไร และทำไมความลึกลับซับซ้อนถึงต่างจากความลับสองประการแรกมากมายขนาดนั้น
10.การทดลองที่ฟิลาเดลเฟีย
wikipedia
เป็นที่รู้จักกันในนาม Project Rainbow เกิดขึ้นในวันที่ 28 ตุลาคม 1943 ที่มีการอ้างว่า การทดลองดังกล่าวเกิดขึ้น ที่ ที่อู่ต่อเรือของกองทัพเรือในฟิลาเดลเฟีย, รัฐเพนซิลเวเนีย, สหรัฐอเมริกา โดยอ้างว่าเรือพิฆาตคุ้มกันยูเอสเอส แอลดริดจ์ (USS Eldridge) ของกองทัพเรือสหรัฐ จะทำการแสดงผลที่ทำให้ไม่สามารถมองเห็นตัวเรือได้ไปยังอุปกรณ์ของฝ่ายศัตรู แต่กองทัพเรือสหรัฐยืนยันว่าไม่มีการทดลองดังกล่าวเกิดขึ้น และข้อมูลที่เปิดเผยมายังไม่ถูกต้องเกี่ยวกับเรือ USS Eldridge อีกด้วย
อย่างไรก็ตามทฤษฎีสมคบคิดนี้บอกว่า การทดลองดังกล่าวเกิดขึ้นโดย Dr. Franklin Reno (or Rinehart) โดยใช้ทฤษฎีสนามรวม ซึ่งทฤษฎีนี้นั้นมีจุดมุ่งหมายที่จะอธิบายทางคณิตศาสตร์ทั้งทางกายภาพและธรรมชาติความสัมพันธ์ของแรงที่ประกอบด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าและแรงโน้มถ่วง, ในความหมายอื่น ๆ คือ การรวมกันของสนามแม่เหล็กไฟฟ้าและแรงโน้มถ่วงให้กลายเป็นสนามหนึ่งเดียว ดังนั้นถ้าแสงถูกทำให้โค้งงอแล้ว กาล-อวกาศก็จะโค้งงอได้ ทำให้สามารถสร้างเครื่องไทม์แมชชีนล่องหนได้อย่างมีประสิทธิภาพ