บ้านขวางคอ
เมื่อความเจริญย่างกรายเข้าไปในเขตชุมชน บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ต่างก็จ้องตาเป็นมันใช้เงินก้อนใหญ่กว้านซื้อ บ้านและที่ดินในเขตนั้นเพื่อนำมาสร้างศูนย์การค้าหรืออาคารพาณิชย์ แต่ก็มีเจ้าของบ้านบางรายปฏิเสธข้อเสนอไม่ยอมขาย ปล่อยให้บ้านหลังน้อยตั้งโดดเด่นเป็นสง่าหน้าอาคารสมัยใหม่
บ้านของ อีดิช เมซฟิลด์(Edith Macefield) เมืองซีแอตเติล สหรัฐอเมริกา
บ้านของ Edith Macefield
อีดิช เมซฟิลด์ (Edith Macefield) เกิดเมื่อปี 1921 ในรัฐออริกอน ได้มาซื้อบ้านในซีแอตเติลและอาศัยอยู่ตั้งแต่ปี 1966 โดยบ้านที่ซื้อมานี้สร้างขึ้นเมื่อปี 1900 ซึ่งเป็นบริเวณหมู่บ้านชาวประมงและอาศัยอยู่เรื่อยมาจนกระทั่งในปี 2006 มีบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ยื่นข้อเสนอซื้อบ้านและที่ดินเพื่อสร้างศูนย์การค้าขึ้น ราคาประเมินที่ดินขนาด 100 ตร.ม. ตกประมาณ 120,000 ดอลลาร์ บ้าน 2 ชั้น 2 ห้องนอนประมาณ 8,000 ดอลลาร์ เบ็ดเสร็จก็ไม่น่าเกิน 130,000 ดอลลาร์ แต่อีดิช เมซฟิลด์ ก็ไม่ยอมขาย จนบริษัทได้ยื่นข้อเสนอสุดท้ายที่ราคา 1 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นตายร้ายดียังไง อีดิช เมซฟิลด์ ก็ไม่ยอมขายเหมือนเดิม จนกระทั่งเมื่อเดือนมิถุนายน ปี 2008 อีดิชวัย 86 ปีเสียชีวิตลงด้วยโรคมะเร็ง ผู้ดูแลทรัพย์สินของ อีดิช เมซฟิลด์ ก็ตกลงตัดสินใจขายบ้านให้กับบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ แต่ก่อนที่บ้านจะถูกรื้อในอีกไม่กี่วันบริษัทดิสนีย์ (Disney) ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ Pixar ได้นำลูกโป่งไปแขวนไว้บนหลังคาบ้านของอีดิช เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์ภาพยนตร์เรื่อง “Up” เป็นการส่งท้าย
อีดิช เมซฟิลด์ (Edith Macefield)
บ้านของ วู๋ปิง เมืองฉงชิ่ง ปีเทศจีน (Wu ping, chongqing, China)
บ้านหลังนี้ตั้งอยู่บนเนินดินขนาดใหญ่ จนกระทั่งปี 2004 มีบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชงควิงเซงเชงได้ขอซื้อตึกแถว 280 ห้องในย่านกลางเมืองฉงชิ่ง ประเทศจีน เพื่อสร้างศูนย์กลางธุรกิจอันประกอบไปด้วยศูนย์การค้า สำนักงานและอพาร์ตเมนต์ แต่เจ้าของตึกแถวรายหนึ่งไม่ยอมขายและย้ายออก ราคาประเมินอาคารและที่ดินผืนนี้อยู่ที่ 2.47 ล้านหยวน หรือประมาณ 11 ล้านบาท แต่บริษัทชงควิงเซงเชงใจดีเสนอให้สูงถึง 3.5 ล้านหยวน ก็ตกราวๆเกือบๆ 16 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม วู๋ปิง เจ้าของบ้านวัย 51 ปี ยื่นคำขาดขอ 20 ล้านหยวน หรือประมาณ 90 ล้านบาท หากไม่ได้เงินตามที่ร้องขอ เขาจะอยู่ที่นี่ตลอดไป เมื่อตกลงกันไม่ได้บริษัทชงควิงเซงเชงก็ดำเนินการก่อสร้างศูนย์การค้าไปตามปรกติ เว้นส่วนที่บ้านไว้โดยเริ่มขุดหลุมวางตอม่อลึก 10 เมตร ปล่อยให้บ้านของยางตั้งโด่เด่อยู่ตรงกลาง
เท่านั้นยังไม่พอ เทศบาลเมืองฉงชิ่งสั่งตัดน้ำ ตัดไฟ ถ้าอยู่ได้ก็อยู่ไป เมื่อถูกบีบคั้นอย่างหนัก วู๋ปิงก็เอาธงชาติมาแขวนบนดาดฟ้า พร้อมกับติดป้าย “อย่าฝ่าฝืนกฎหมายคุ้มครองสถานที่ส่วนบุคคล” เล่นสงครามจิตวิทยากันอยู่นานเป็นเดือน แต่เห็นทีจะไม่ได้ผล นายกเทศมนตรีก็เลยยื่นข้อเสนอให้สิทธิพื้นที่ค้าขายขนาด 227 ตร.ม. ภายในศูนย์การค้าเท่ากับพื้นที่บ้านของวู๋ปิง ซึ่งเดิมทีก็ทำเป็น ภัตตาคาร แต่ก็โดนปฏิเสธท่าเดียว
เล่นบทโหดก็แล้ว น้ำเย็นเข้าลูบก็แล้ว จอมยุทธ์วูยังไม่ยอมย้ายออก เหลือมาตรการสุดท้ายคือพึ่งบารมีศาล หาช่องทางทางกฎหมายฟ้องขับไล่ การต่อสู้บนชั้นศาลดำเนินไปเป็นเวลา 3 ปี และจบลงในต้นปี 2007 โดยวู๋ปิงยอมรับค่าเวนคืนเป็นเงิน 7 ล้านหยวน หรือประมาณ 31.5 ล้านบาท พร้อมกับได้อาคารหลังใหม่ที่มีเนื้อที่ใกล้เคียงกับบ้านเดิม
พื้นที่เกษตรกรรม สนามบินนารีตะ ญี่ปุ่น
ใน ปี 1966 รัฐบาลญี่ปุ่นได้วางแผนสร้างสนามบินแห่งใหม่ขึ้น นั่นคือสนามบินานารีตะ ซึ่งประชาชนในบริเวณดังกล่าวไม่พอใจและมีการก่อจลาจลจลต่อต้านขึ้น เกษตรกรที่เป็นเจ้าของที่ดินถูกบีบบังคับให้ขายที่ดินเพื่อสร้างสนามบิน จนกระทั้งทั่งมีการก่อสร้างสนามบินขึ้นจนแล้วเสร็จ แต่ยังมีพื้นที่บางส่วนที่เจ้าของไม่ยอมขายเนื่องจากเป็นพื้นที่ที่ใช้ทำเกษตรกรรม ปัจจุบันพื้นที่ดังกล่าวยังคงสภาพอยู่เหมือนเดิม โดยตั้งอยู่ระว่างรันเวสนามบิน
บ้านของ Austin spriggs, วอซิงตันดีซี สหรัฐอเมริกา
บ้านของ Austin spriggs, เป็นบ้านขนาดเล็กสองชั้น สร้างขึ้นเมื่อปี 1980 ตั้งอยู่ทางด้านทางตะวันออกของกรุงวอชิงตัน โดยเจ้าของบ้านคือ ปี 2006 มีบริษัทอสังหา Trammell Crow development company ยื่นข้อเสนอซื้อบ้านและดินในราคา $3 million(ไม่ทราบเหมือนกันครับว่าคิดเป็นเงินไทยเท่าไหร่) แต่ ไม่รับข้อเสนอดังกล่าว และเขาตั้งใจที่จะเปิดร้านพิซชา แต่ปัจจุบันนี้บ้านดังกล่าวยังไม่ได้มีการเปิดเป็นร้านพิชช่าครับ
Austin spriggs
ร้านโชว์ห่วย ฉางชา, จีน
ร้านโชว์ห่วยแห่งนี้ตั้งอยู่ใกล้ศูนย์การค้าในเมืองฉางชา ประเทศจีน
อพาร์ทเม้นท์ของ ไซสื่อหยาง และฉางลี่โฮ เซินเจิ้น ประเทศจีน
อาคารอพาร์ทเมนท์หลังนี้สร้างขึ้นเมื่อปี 1996 ในปี 2006 มีบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ยื่อข้อเสนอซื้อที่ดินและอพาร์ทเมนท์ในราคา 12,580,000 ล้านหยวน เพื่อสร้างศูนย์การค้า แต่พวกเขาได้ปฏิเสธข้อเสนอไม่ยอมรับ จนกระทั่งใน 2007 ไซสื่อหยาง และฉางลี่โฮ ได้ตัดสินใจขาย และได้ย้ายไปอยู่ที่ฮ่องกง
อพาร์ทเม้นท์ของ ไซสื่อหยาง และฉางลี่โฮ
ไซสื่อหยาง และฉางลี่โฮ
ที่มา
http://virtualfunzone.com/6-extraordinarily-stubborn-nail-houses.html
http://www.mythland.org/v3/viewthread.php?tid=1198&rpid=18268&ordertype=0&page=1#pid18268