บันทึกเหตุการณ์ทิ้งปรมาณูใส่ญี่ปุ่น ภัยพิบัติแห่งความมืดมิดและเงียบงัน
เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม ปี1945 กองทัพพันธมิตรได้ดำเนินการ “แผนการแมนฮัตตัน” ซึ่งเป็นการออกแบบระเบิดปรมาณูสองรุ่น โดยส่งเครื่องบินทิ้่งระเบิดชั้นนำโบอิ้ง B-29 ไปทิ้งระเบิดปรมาณู “Little Boy” ใส่เมืองฮิโระชิมะ หลังจากนั้นสามวันก็ทิ้งระเบิดปรมาณู “Fat Man” ใส่เมืองนะงะซะกิ
แพทย์ชาวฮิโระชิมะเผยถึงเหตุการณ์เมื่อวันที่ 6 สิงหาคมว่า “ท้องฟ้าวันนั้นสดใสทีเดียว ไม่มีเมฆมาบดบังพระอาทิตย์ แสงแดดส่องสาดสวนสาธารณะทำให้รู้สึกถึงบรรยากาศที่สบายๆ”
หญิงชาวญี่ปุ่น ซึ่งขณะนั้นอายุเพียง 5 ขวบ เล่าว่า “พอแสงจากระเบิดส่องวาบ สีเขียวสดของใบไม้ก็เปลี่ยนเป็นสีเหมือนใบไม้แห้งทันที”
หญิงชาวญี่ปุ่นอีกคน ซึ่งขณะนั้นเรียนอยู่มหาวิทยาลัยเล่าว่า “วันนั้นจำได้ว่าอาจารย์รีบเดินมาบอกว่า มีเครื่องบินทิ้งระเบิดมาลำหนึ่ง พอมองขึ้นไปบนฟ้าก็สัมผัสได้ถึงแสงจากระเบิดขนาดใหญ่ ฉันรู้สึกตาบอดไปชั่วขณะ หลังจากนั้นทุกคนก็ดูไร้สติเหมือนคนบ้าขึ้นมาทันที”
ในขณะเดียวกัน นกที่โบยบินอยู่บนท้องฟ้าก็ถูกเผาไหม้ ทั้งยุง แมลงวัน กระรอกและสัตว์เลี้ยงต่างๆก็ถูกระเบิดจนตายหมดสิ้น เวลาผ่านไปแค่ชั่วครู่ ทั้งเมืองก็เหมือนกับเหมืองร้าง ทั้งพืชพรรณและสัตว์ต่างๆก็ถูกระเบิดทำลายกลายเป็นเศษธุลี
คลื่นระเบิดที่ความเร็ว 3.2 พันเมตรต่อวินาทีแผ่กระจายออกจากจุดที่ทิ้งระเบิดอย่างรวดเร็ว แถมยังพุ่งสูงกว่าหลายร้อยเมตร หลังจากนั้นก็ช้าลง 335 เมตรต่อวินาที ส่วนควันก็ลอยตัวกลายเป็นเมฆขนาดยักษ์ นักเคมีชาวฮิโระชิมะเล่าว่า “ทุกอย่างกลายเป็นสีดำที่มืดมิด ทุกแห่งมีแต่ความเงียบงัน จนผมนึกว่าจะถึงวันสิ้นโลกเสียแล้ว”
ในตอนนั้น ซากศพในเมืองบางส่วนยังคงท่าเดินบนถนนอยู่ เหมือนกับว่าพวกเขาถูกแข็งตาย บางส่วนก็ตายในท่านอนบนพื้น เหมือนกับว่ามีคนโยนพวกเขาตกลงมาจากที่สูง อีกทั้งนอกจากผนังคอนกรีตแล้ว ไม่มีสิ่งใดที่ยังเหลือสภาพเดิมอยู่ได้ ทั้งเมืองเหมือนกับว่าอยู่ท่ามกลางทะเลทราย มีแต่เศษหินและเศษอิฐเกลื่อนพื้นเต็มไปหมด
ชาวบ้านเล่าว่า “ผมเข้าใจความหมายของคำว่าทำลายล้างใหม่แล้ว ผมคิดว่าคำว่าภัยพิบัติอาจจะใช้อธิบายได้ดีกว่า แต่ยังไงก็ไม่สามารถอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดเป็นคำพูดออกมาได้อยู่ดี”