Share Facebook LINE Twitter
หน้าแรก เว็บบอร์ด Chat ตรวจหวย ควิซ คำนวณ Pageแชร์ลิ้ง
หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

ตำนานรักเทพเฮดีสเทพแห่งโลกหลังความตาย กับ เทพธิดาเพอร์ซิโฟเนเทพธิดาแห่งฤดูใบไม้ผลิ

โพสท์โดย เจ้าเข้าเจ้าของ

 

 

 

 

ตำนานเฮดีส และ เพอร์ซิโฟเน เป็นเรื่องราวความรักของเทพผู้ปกครองนรก และ เทพีแห่งฤดูใบไม้ผลิ...ใครจะคิดว่าเทพผู้ปกครองยมโลกจะไม่รู้จักความรัก ความจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้นซักหน่อย ขนาดเทพแห่งความรักหรือเรารู้จักกันในนามกามเทพยังมีความรักกับไซคีซึ่งเป็นมนุษย์ธรรมดาได้เลย แต่ก่อนอื่นก็ต้องขอพูดถึงพระเอกของเรื่องก่อนละกันว่าเทพเฮดีสเป็นใคร มีที่มายังไง ก่อนที่จะพูดถึงความรักของทั้ง 2 ว่าเกิดขึ้นได้ยังไง

 

 

เฮดีส (หรือ เฮเดส หรือ อีกชื่อนึงคือ ฮาเดส ในเซนต์เซย่า) ชาวโรมันเรียกว่า พลูโต (Pluto) เทพเจ้าผู้ปกครองนรกและโลกหลังความตาย ในตำนานถือว่ามีศักดิ์เป็นพระเชษฐาของ ซูส ราชาแห่งเหล่าเทพ และยังถือได้ว่าเป็นเจ้าแห่งทรัพย์เพราะเทพเฮดีสมีสิทธิ์ในทรัพย์สินทุกอย่างภายใต้พื้นพิภพ จึงมีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า ดีส (Dis) ซึ่งแปลตรงตัวว่า ทรัพย์สิน เฮดีส แท้ที่จริงแล้วเป็นเทพที่มีความยิ่งใหญ่อีกองค์หนึ่งเช่นเดียวกับซูส หรือ โพไซดอน เนื่องจากเป็นพี่น้องกัน แต่ทว่าความที่เฮดีสเป็นผู้ปกครองนรกซึ่งเป็นโลกใต้ดินซึ่งมีแต่ความมืดมิดและน่ากลัว จึงไม่ใคร่ขึ้นไปยังเขาโอลิมปัส  อีกทั้งเทพองค์อื่น ๆ ก็ไม่ใคร่ที่จะต้อนรับเฮดีสด้วย ดังนั้น เฮดีสจึงไม่มีชื่อเป็นหนึ่งในเทพโอลิมปัสเฉกเช่นเทพองค์อื่น ๆ



เฮดีส ได้ชื่อว่าเป็นเทพที่มีความเที่ยงธรรมอย่างมาก ตัดสินความดีชอบของคนตายโดยปราศจากอคติใด ๆ ทั้งสิ้น กล่าวกันว่า พระองค์มีหมวกวิเศษอยู่ใบหนึ่งที่สามารถทำให้ผู้สวมหายตัวได้ ซึ่งในครั้งที่ทำสงครามกับเหล่าไททันส์นั้น เฮดีสใช้หมวกนี้ลอบเข้าไปทำลายอาวุธของไททันส์ก่อนการต่อสู้ และพระองค์มีเทพผู้ช่วยในการตัดสินความดีชั่วในยมโลกอีก 3 องค์คือ ราดาแมนทีส, ไมนอส, ไออาคอส (คุ้นๆชื่อเหมือนกับชื่อตัวละครในเซนต์เซย่าเลย) และยังมีฮิปนอส เทพแห่งการหลับไหล และ ทานาทอส เทพแห่งความตายคอยช่วยอีก ชาวกรีกโบราณจะถวายการสักการะแด่เฮดีสด้วยแกะดำ และเป็นพิธีกรรมที่เร้นลับสืบมาที่ได้ค่อนข้างยาก แต่ก็สืบทอดกันมาว่า หากจะบูชาเทพแห่งความตายหรือเทพอันใดที่เป็นสัญลักษณ์ของความน่ากลัวหรือชั่วร้าย ต้องบูชายัญด้วยแพะหรือแกะดำ

เพอร์ซิโฟเน (Persephone) เป็นธิดาของดิมีเทอร์เทวีแห่งธัญพืชและการเกษตรกับเทพซูส พระนางมีทั้งรูปโฉมที่สวยสะคราญและน้ำเสียงอันไพเราะที่สามารถปลุกชีวิตชีวาให้แก่ธรรมชาติ เหล่าสัตว์ป่ามักจะชอบเข้ามาคลอเคลียกับพระนาง ไม่ว่าเยื้องกรายไปทางไหน พืชพันธุ์ที่เคยเหี่ยวแห้งก็จะฟื้นกลับมาอุดมสมบูรณ์ เทพีดิมีเทอร์จึงรักพระธิดาองค์เดียวอย่างสุดสวาทขาดใจ ในยามเยาว์เพอร์ซิโฟเนมีความตั้งใจอย่างแรงกล้าที่จะประพฤติตนเป็นเทพพรหมจารย์เช่นเดียวกับ เฮสเทีย ผู้เป็นป้า และอธีนากับอาร์เทอมีสผู้เป็นพี่สาว แต่ความตั้งใจนี้สร้างความไม่พอใจให้แก่เทพีอโฟรไดต์ ผู้เป็นเทวีแห่งความรักเป็นอย่างมาก เพราะการมีเทพที่ประพฤติตนเป็นพรหมจารีย์มากถึง 3 องค์นั้นมากเกินพออยู่แล้วสำหรับนาง ประกอบกับในขณะนั้นเฮดีสเทพแห่งโลกใต้พิภพเองก็ไร้คู่ เนื่องจากไม่มีเทวีองค์ใดต้องการที่จะลงไปใช้ชีวิตอยู่ใต้พิภพที่มืดมิดและเงียบเหงา อะโฟรไดต์จึงส่งอีรอส หรือ กามเทพ ไปหาโอกาสทำให้เทพเฮดีสและเทวีเพอร์ซิโฟเนหลงรักกันให้ได้

จนกระทั่งวันหนึ่งเทพ เฮดีสแห่งยมโลกได้ขึ้นมายังพื้นโลก อีรอสจึงยิงลูกศรกามเทพปักอกเทพแห่งยมโลกอย่างจัง และคนแรกที่เทพเฮดีสได้พบก็คือ เทวีคนงาม เพอร์ซิโฟเน  นั่นเอง ทำให้เทพเฮดีสหลงรักเทพีผู้เป็นหลานสาวอย่างสุดหัวใจ ทันใดนั้นเองเทพเฮดีสก็ได้ตัดสินใจคว้าร่างเทพีเพอร์ซิโฟเน่ขึ้นมาบนรถม้า และตรงดิ่งลงไปยังใต้พิภพและแต่งตั้งนางให้เป็นราชินีแห่งโลกใต้พิภพ

 

ภาพเฮดีสขณะลักพาตัวเพอร์ซิโฟเน

เทพีดิมีเทอร์เศร้าโศกเสียใจอย่างหนักที่ธิดาสุดที่รักหายตัวไปจนกระทั่งพืชผลเหี่ยวแห้งทั่วโลก ชาวมนุษย์เดือดร้อนอดตายเป็นจำนวนมาก เทพซูสจึงเรียกตัวพี่ชาย เทพเฮดีส ขึ้นมา เพื่อขอเทพีเพอร์ซิโฟเนคืน แต่ทว่าในระหว่างที่อยู่ในยมโลก เทพีเพอร์ซิโฟเนได้เสวยอาหารทิพย์เม็ดเล็กๆ หรือในบางตำนานว่าเมล็ดของผลทับทิมของยมโลกไป 3 เมล็ด ซึ่งผู้ใดได้รับประทานอาหารชนิดนี้ไปแล้วจะต้องผูกพันอยู่กับโลกใต้พิภพและจะจากไปไม่ได้ เทพซูสจึงทำข้อสัญญาตกลงกันว่า จะให้เทพีเพอร์ซิโฟเนอยู่บนโลกตามใจชอบเป็นเวลา 9 เดือน จากนั้นก็ให้กลับไปใช้ชีวิตอยู่ที่ยมโลกเป็นเวลาอีก 3 เดือน ซึ่งในระหว่างที่ธิดาไม่อยู่ เทพีดิมีเทอร์ก็จะเศร้าโศก พืชผลก็จะปลูกไม่ขึ้น แห้งแล้ง แต่เมื่อองค์ธิดากลับมาสู่อ้อมอก พืชผลก็จะกลับมาสมบูรณ์อีกครั้ง ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของฤดูกาลนั่นเอง เทพีเพอร์ซิโฟเน ยังเป็นเทพีแห่งฤดูใบไม้ผลิด้วย ในตำนานมักระบุว่าเพอร์ซิโฟเนเป็นราชินีแห่งยมโลกผู้เย็นชาไม่ต่างจากพระสวามี มีเพียงคราวที่ออร์ฟิอุสเดินทางมายังยมโลกและเล่นดนตรีเล่าถึงความโศกเศร้าที่ต้องจากคนรักคือนางยูริดิซีเท่านั้น ที่ทั้งนางและเฮดีสถึงกับกรรแสง

 

ออร์ฟิอุสเดินทางมายังยมโลกและเล่นดนตรีให้เฮเดสและเพอร์ซิโฟเนฟัง

 

 

เพอร์ซิโฟเนเดินทางกลับมายังโลก

เฮดีส ยังเป็นชื่อที่หมายถึงยมโลกด้วย เป็นคำเรียกที่ย่อมาจาก The House of Hades เมื่อคนตายแล้ว วิญญาณก็จะเดินทางมายังยมโลก โดยเครอนจะเป็นผู้แจวเรือพาดวงวิญญาณข้ามแม่น้ำสติ๊กซ์ และมีสุนัขสามหัวเซอร์บิรัสเป็นผู้เฝ้าปากทาง  เซอร์บิรัสจะยอมให้วิญญาณผ่านเข้าไป แต่ไม่ยอมให้ผ่านออกมา หากวิญญาณของผู้ใดที่ทำบาปหนา และถูกพิพากษาให้ต้องถูกทรมานชั่วกัปป์ชั่วกัลป์ วิญญาณก็จะถูกส่งไปยังอเวจีทาร์ทารัส (Tartarus) ซึ่งมืดมิดยิ่งกว่าราตรีที่มืดที่สุด เป็นที่ๆวิญญาณบาปจะถูกจองจำไปตลอดกาล และเป็นที่จองจำเทพไทแทน “ไทแทนเนส” ด้วย

 

 

แม่น้ำสติกซ์ Styx

 

ขณะที่เพอร์ซิโฟเนเป็นราชินีแห่งคนตายช่วยเฮเดสปกครองยมโลกนั้นเธอเปลี่ยนนิสัยไปเป็นราชินีผู้ไร้อารมณ์พอๆกับเฮเดส แต่เพอร์ซิโฟเนนั้นนานๆทีก็เอาอารมณ์ตัวเองมาปนกับงานบ้าง เช่น ในเรื่องของ แอดเมทุส ซึ่งได้รับพรจากอพอลโลให้เลื่อนอายุขัยไปได้ ถ้าหาคนที่ยอมตายแทนได้ ปรากฏว่าคนเดียวที่ยอมตายแทนแอดเมทุสก็คือภรรยา อัลเคทิส เมื่อเพอร์ซิโฟเนเห็นทานาทอส (เทพแห่งความตาย ซึ่งตำนานหลายๆสำนวนจะยกบทคนนำทางคนตายไปยมโลกของทานาทอสให้เฮอเมสแทน) พาอัลเคทิสมาแทนแอดเมทุสก็เลยถามไถ่จนได้ใจความ ซึ่งตรงนี้มีสองสำนวน อันแรกนั้น แอดเมทุสเศร้าที่ภรรยายอมตายแทนมาก เพอร์ซิโฟเนเลยเห็นใจทั้งสองคน โดยเฉพาะอัลเคทิสที่ยอมตายแทนสามีได้ เลยบอกให้ทานาทอสพาอัลเคทิสกลับไปโลกเบื้องบน เพราะยังไงเธอก็ไม่ใช่คนตายอยู่แล้ว แต่อีกสำนวนนั้น แอดเมทุสดีใจออกนอกหน้าที่ภรรยายอมตายแทน เพอร์ซิโฟเนเลยโมโหมาก สั่งให้ทานาทอสจัดการให้ทุกอย่างถูกต้องตามเดิม นั่นคือพาอัลเคทิสกลับไปแล้วเอาแอดเมทุสมาแทน แม้เฮเดสจะทันทานโดยบอกว่าอพอลโลไปตกลงกับ “มอยรี”  (สามเทพธิดาแห่งชะตากรรม) ไว้แล้ว เธอก็ไม่ยอมฟัง เป็นอันว่าแอดเมทุสก็เลยตายไปอย่างขัดชะตากรรมไม่ได้ (จริงๆแล้วเรื่องของแอดเมทุสนี้มีอีกสำนวน คือเฮราเคลสที่ผ่านมาร่วมงานศพล่วงหน้าของอัลเคทิส พอรู้เรื่องก็สงสารทั้งคู่ เลยรอให้ทานาทอสโผล่มาแล้วอัดซะน่วม ทานาทอสนั้นยอมรับว่าเฮราเคลสเหนือกว่าตน นั่นคือเท่ากับเป็นผู้มีชัยชนะเหนือความตาย และยอมให้อัลเคทิสมีชีวิตอยู่ต่อไป) อีกครั้งนึงก็ตอนที่ออร์ฟิอุสเล่นดนตรีบรรยายความเศร้าที่ต้องแยกจากยูริดิซีผู้เป็นคนรัก ในครั้งนั้นแม้แต่เฮเดสก็ยังอดร้องไห้ไม่ได้

 

 

 

   เฮเดสนั้นเป็นเจ้าของทรัพย์ในดินทั้งมวล จึงมักหาเอาเพชรนิลจินดามาเอาใจเพอร์ซิโฟเนเสมอเสมอ ส่วนเพอร์ซิโฟเนนั้นก็หวงเฮเดสพอดู เคยมีนางพรายชื่อ “มินเธ” หลงรักเฮเดส  ซึ่งไปไหนมาไหนด้วยราชรถทองคำส่องประกายอลังการ เธอก็เลยพยายามยั่วยวนเฮเดส แต่ไม่ทันที่เฮเดส จะได้ทำอะไร เพอร์ซิโฟเนก็สาปมินเธให้กลายเป็นต้นมินต์ไป ฮาเดสคงจะสงสารมินเธก็เลยให้ “มินต์”เป็นต้นไม้ประจำตัวเองเสียเลย ซึ่งชาวกรีกโบราณก็เอาต้นมินต์มาประกอบ “พิธีศพ” อยู่ประจำ (บางสำนวนว่าคนที่สาปมินเธก็คือดีมิเทอร์ที่กลัวว่าลูกเขยจะนอกใจลูกสาวของนางเลยจัดการตัดไฟตั้งแต่ต้นลมซะเลย) นางไม้อีกนางที่เจอแบบเดียวกันก็คือ “เลอเค” ซึ่งกลายเป็น “ต้นพ็อปลาขาว” แต่บางสำนวนว่ากรณีของเลอเคนั้นเพอร์ซิโฟเนยอมรับให้เป็นอนุของฮาเดสได้ และเธอก็ป่วยตายตามอายุขัยก่อนที่เพอร์ซิโฟเนจะแปลงนางเป็นต้นไม้ และต้นพ็อปลาขาวนี้ก็เป็นตัวแทนของเพอร์ซิโฟเนด้วย

 

   เท่าที่ปรากฏนั้น เพอร์ซิโฟเนไม่มีลูกกับเฮเดส แต่อโฟรไดท์(เทพีแห่งความรัก)เคยเอาเด็กทารกชื่อ “อโดนิส” มาฝากให้เลี้ยง ปรากฏว่าพออโดนิสโตเป็นหนุ่มแล้วเพอร์ซิโฟเนกลับไม่ยอมคืนให้อโฟรไดท์ ร้อนถึงซุสต้องมาตัดสินให้ โดยให้อโดนิสเลือกอยู่กับคนใดคนหนึ่งเสียหนึ่งในสามของแต่ละปี ส่วนที่เหลือก็อยู่กับอีกคน ซึ่งอโดนิสเลือกอยู่กับอโฟรไดท์มากกว่า

ถึงจะเป็นราชินีแห่งยมโลกแล้ว กิตติศัพท์เรื่องความงามของเพอร์ซิโฟเนก็ยังอยู่  ครั้งหนึ่งเมื่อ ไพริโธอัส ( Pirithous ) กษัตริย์ของพวก แลพิธ ( Lapith ) ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของกรีซ กลายเป็นพ่อม่าย จึงให้สหายของตนคือ ธีซิอัส ( Theseus ) กษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ของเอเธนส์ ให้ช่วยหาเจ้าสาวคนใหม่และผู้ที่ไพริโธอัส สนใจคือ “เพอร์ซิโฟเน” ราชินีแห่งยมโลก

ธีซีอัส เคยให้สัญญาว่าจะช่วยเหลือเพื่อนในทุกเรื่อง จึงไม่อาจปฎิเสธคำขอร้องของไพริโธอัสได้ ทั้งสองลงสู่ยมโลกและทูลความตามประสงค์ในการมาให้เฮเดสทรงทราบ แต่เมื่อได้รับเชิญให้นั่งลงบนม้านั่งวิเศษของเฮเดส ทั้งสองก็ไม่สามารถลุกขึ้นได้ จนวันหนึ่ง เฮอร์คิวลิสได้ลงมาในยมโลกจึงช่วยธีซิอัสขึ้นมาได้สำเร็จ และพากลับสู่เมืองมนุษย์ได้อย่างปลอดภัย แต่นับจากนั้นมาชาวเอเธนส์ซึ่งเป็นเชื้อสายของกษัตริย์ ธีซิอัสจึงมีต้นขาเรียวบาง เพราะส่วนหนึ่งของร่างกายยังคง ติดอยู่บนม้านั่งวิเศษในยมโลก

ส่วนไพริโธอัส เฮอร์คิวลิสไม่สามารถช่วยดึงให้ลุกขึ้นจากม้านั่งวิเศษได้ เนื่องจากเกิดแผ่นดินไหวเพราะเทพเจ้าทั้งหลายไม่ยอมให้เฮอร์คิวลิสช่วย ที่เป็นแบบนี้เพราะเทพเจ้าทั้งหลายไม่พอใจในความไม่เจียมตัวของไพริโธอัสนั่นเอง

 

 

ซ้ำขออภัยค่ะ

 

 

 

⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
76 VOTES (4/5 จาก 19 คน)
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
โหนกระแสขุดวีรกรรมสุดแสบ ของไฮโซคอคาร์บอน ที่แอบอ้างเบื้องสูงและข้าราชการชั้นผู้ใหญ่เพื่อหลอกดาราสาวให้ตๅยใจไฮโซมิจจี้ ตัดสินใจดิ่งตึก สน. โคกคราม ชั้น 3 ร่วงลงมากบนหลังคาโรงรถ ก่อนลงไปนอนกับพื้นอยู่ไม่ไหว! นักร้องดังเจอแผ่นดินไหว ย้ายเช่าบ้านหนีภัยเมื่อไปเที่ยวทะเลวันหยุด! ทะเลไทย VS แม่น้ำคงคา ?"คะน้า ริญญารัตน์" ยืนยันคบเพราะความจริงใจ ไม่ได้มองเรื่องฐานะฝ่ายชาย!!เปิดแชทไฮโซเก๊ อ้างรู้จักคนใหญ่คนโต ลวงรักดาราสาว!?อาคารที่พักอาศัยที่ใหญ่ที่สุดในโลก!เขมรเคลมชุดไทย อ้าง! เป็นชุดแต่งงานเขมร เตรียมส่งขึ้นทะเบียน "ยูเนสโก" ?น้องหมาน้องแมวยิ้มได้จริงไหมจีนเดินหน้า! สร้าง “สะพานที่สูงที่สุดในโลก” ข้ามหุบเขาแกรนด์ฮัวเจียง สูงเทียบตึกกว่า 200 ชั้นเวลาประเทศอะไรเร็วที่สุดในโลกสาวกินชาบู ถ่ายรูปอ้าปากใกล้สายพานลำเลียงอาหาร แบบนี้เหมาะสมหรือไม่?
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
"คะน้า ริญญารัตน์" ยืนยันคบเพราะความจริงใจ ไม่ได้มองเรื่องฐานะฝ่ายชาย!!โป๊ะแตก! อาชีพจริงพ่ออดีตแฟนคะน้า ริญญารัตน์ ไม่ตรงที่คุยโวพม่าตายมากถึง 3,600 รายแล้ว!!ย้อนรอยประวัติความเป็นมาของคำว่า ผีทะเล
ตั้งกระทู้ใหม่
หน้าแรกเว็บบอร์ดหาเพื่อนChatหาเพื่อน Lineหาเพื่อน SkypePic PostตรวจหวยควิซคำนวณPageแชร์ลิ้ง
Postjung
เงื่อนไขการให้บริการ ติดต่อเว็บไซต์ แจ้งปัญหาการใช้งาน แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม ข่าวประชาสัมพันธ์ ลงโฆษณา
เว็บไซต์นี้ใช้ Cookie
เพื่อประสบการณ์ที่ดีและการใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ดูข้อมูลเพิ่มเติม อ่านนโยบายการใช้งาน
ตกลง