นิทาน เรื่องฝากเยี่ยว
นิทาน เรื่องฝากเยี่ยว
มีชายหนุ่มคนหนึ่งได้แต่งงานกับหญิงสาวคนหนึ่งในหมู่บ้านเดียวกัน เป็นเวลาประมาณ 4-5 ปี ครอบครัวนี้นอกจาก สองผัวเมียนี้แล้วก็มีแม่ยายและน้องเมียอีกคนหนึ่ง ส่วนพ่อตา ได้เสียชีวิตไปหลายปีแล้ว น้องเมียของชายหนุ่มคนนี้นับว่าเป็นสาวสวยคนหนึ่ง ชายหนุ่มผู้เป็นพี่เขยรู้สึกนึกรัก และชอบพอน้องเมียของตนมาก นึกในใจอยู่เสมอว่าทำอย่างไรจึงจะได้ลิ้มรสสวาทกับน้องเมียคนนี้สักครั้ง หากได้ลองลิ้มรสดังใจปรารถนาแล้ว ตนคงจะมีความสุขอย่างยิ่ง
ชายหนุ่มนึกถึงวิธีการที่จะให้ได้น้องเมียมาเป็นของตน แม้สักครั้งสองครั้งก็ยังดี น้องเมียเขามีจุดอ่อนอย่างหนึ่ง คือไม่เดียงสาต่อทางประเวณีเลย เพราะอายุเพิ่งได้ 14-15 ปีเท่านั้น
พอดีบ้านที่เขาอาศัยอยู่กับแม่ยายเป็นบ้านที่สร้างมานาน ตัวบ้านทำด้วยเสาไม้แก่น พื้นฟากฝาฟาก ค่อนข้างทรุดโทรม โดยเฉพาะชานทำด้วยไม้ไผ่ ซึ่งผุพังมากควรจะได้ทำชานนี้ใหม่ เพื่อให้สะดวกแก่การอยู่อาศัยและปลอดภัย ดังนั้นชายหนุ่มจึงรื้อชานเก่าออกแล้วเข้าป่าไปตัดไม้ไผ่มาทำชานใหม่ให้แน่นหนาถาวรยิ่งขึ้น
ในระหว่างนั้นเป็นฤดูทำนา ชายหนุ่มออกไปคราดนาอยู่คนเดียว และที่ทุ่งนาของเขามีกระต๊อบหลังเล็ก ๆ ทำด้วยไม้ไผ่ มุงด้วยหญ้า มีฝารอบขอบชิดอยู่หลังหนึ่ง ตามธรรมเนียม ชาวบ้านชนบทนั้น ในฤดูทำนาเมื่อออกไปทำไร่ไถนา เมื่อตกสายเมียจะนำข้าวปลาอาหารไปส่งผัวที่นา และเมียของเขาก็นำข้าวปลาอาหารไปส่งเขาเป็นประจำหลายวันมาแล้ว
อยู่มาวันหนึ่ง เผอิญเมียเขาไม่ค่อยสบาย จึงใช้ให้น้องสาวไปส่งข้าวและอาหารแทน ชายหนุ่มเมื่อเห็นน้องเมียมา ส่งข้าวและอาหารตนเช่นนั้น ก็กระหยิ่มในใจ จึงวางแผนที่จะให้ได้ร่วมรสรักกับน้องเมียของตนขึ้นมาทันที ดังนั้นขณะที่ไถนาอยู่จึงเรียกน้องเมียไปหาและบอกว่า "บัดนี้เราได้ชานใหม่แล้วพี่อยากขอร้องสักอย่างหนึ่ง คือหากน้องปวดเยี่ยวแล้วอย่าไปเยี่ยวใส่ที่อื่น ขอให้คืนไปเยี่ยวใส่ชานใหม่บ้านเรา เพราะชานนอกจากใช้ทำอย่างอื่นแล้ว ยังมีไว้สำหรับเยี่ยวใส่ด้วย ชานใหม่นี้พี่ทำด้วยความลำบากและสวยงามดี เมื่อน้องปวดเยี่ยวขอให้เยี่ยวใส่ชานให้พี่ด้วย พี่จะดีใจและขอบใจเธอมาก"
น้องเมียหลงกลและรับคำ พอหญิงสาวผู้เป็นน้องเมียอยู่ที่ทุ่งนาสักพักใหญ่ เกิดปวดเยี่ยวขึ้นมาจริง ๆ จึงบอกพี่เขยว่าปวดเยี่ยวแล้วจะกลับไปบ้านเพื่อเยี่ยวใส่ชานใหม่ก่อน ว่าแล้วก็จะเดินออกไป ฝ่ายพี่เขยเจ้าเล่ห์ก็ร้องบอกว่า "เดี๋ยว ๆ หยุดก่อน หากน้องจะไปเยี่ยวใส่ชานใหม่เช่นนั้น พี่ก็ปวดเยี่ยวเหมือนกัน ขอให้พี่ฝากเยี่ยวด้วย" น้องเมียพาซื่อ ไม่เข้าใจพี่เขยจะฝากเยี่ยวอย่างไร พี่เขยจึงบอกว่า ขอให้กลับไปที่กระต๊อบประเดี๋ยว พอไปถึงกระต๊อบก็ให้น้องเมียนอนลง แล้วทำการฝากเยี่ยวน้องเมียจนสำเร็จเรียบร้อย
เมื่อพี่เขยฝากเยี่ยวเสร็จแล้ว หญิงสาวก็เดินทางกลับบ้านและไปเยี่ยวใส่ชานใหม่จริง ๆ เมื่อเยี่ยวเสร็จแล้วจึงไปเล่าให้แม่ฟังว่า"แม่ฉันไปนาปวดเยี่ยว พี่เขย (ภาษาอีสานว่าพี่อ้าย) ให้มาเยี่ยวใส่ชาน และพี่เขยก็ฝากเยี่ยวมาด้วย" แล้วเล่าถึงวิธีที่พี่เขยฝากเยี่ยวให้แม่ฟัง แม่เลยด่าเอาว่า "อีห่าเอย ไปให้เขาสังวาส...ทำไม โง่แท้ๆ อีนี้" ลูกสาวไม่พูดโต้ ตอบว่าอย่างไร จึงกลับไปที่ทุ่งนาอีกไปต่อว่าพี่เขยว่าเยี่ยวใส่รูของลับเขาแล้วมาเอาออกให้เขาซิ พี่เขยบอกว่าไม่ยากดอกพี่จะเอาเยี่ยวออกให้ พูดแล้วพาน้องเมียเข้าไปในกระต๊อบอีก จัดการทำพิธีเอาเยี่ยวออกให้น้องเมียทันที เสร็จแล้วบอกน้องเมียว่า เอาเยี่ยวออกให้เรียบร้อยแล้วว่าอย่างนั้น พอตกเย็น กลับมาถึงบ้านหญิงสาวเล่าให้แม่ฟังอีกว่า ที่พี่เขย (พี่อ้าย) ฝากเยี่ยวนั้น ได้ให้พี่เขยเอาเยี่ยวออกให้เรียบร้อยแล้ว และเล่าวิธีการที่พี่เขยอาเยี่ยวออกให้แม่ฟัง แม่จึงดุด่าอีกว่า "อีเวรเอย อยู่ดี ๆ ไปให้เขาทำอะไรอีกจนได้"