เธอจะเป็นเกย์หรือเปล่า? คำถามที่สาวๆ อยากรู้ แต่ไม่อยากถาม
"ผู้หญิงทุกคนล้วนเคยเจอแบบที่ฉันเจอภาวะสงสัยในตัวหนุ่มที่เราหมายปองบอกกันมาเลยดีกว่า...ว่าอันตัวท่านนั้นเป็นเกย์หรือเปล่า ข้าพเจ้าพร้อมจะไปแบบคนที่แพ้ก็ต้องดูแลตัวเอง
สมัยเป็นสาวน้อยวัยละอ่อน ฉันเคยหลงใหลได้ปลื้มไอ้หนุ่มคนนึง คนที่ไม่เคยปรากฏสถานภาพว่ามีแฟนหรือไม่มี ชอบผู้หญิงหรือผู้ชาย ชอบสาวแก่ (อย่างฉัน) หรือหญ้าอ่อน (อย่างนังเวรนั่น) สถานภาพของเขาช่างคลุมเครือยิ่งนัก ฉันรู้จักหมดว่าเขาชอบนักเขียนคนไหน แม่เขาชื่ออะไร บ้านเขาอยู่ไหน สมัยเรียนเขาทำกิจกรรม อะไรบ้าง แต่อนิจจา...ฉันไม่เคยรู้เลยว่าเขา ชอบผู้หญิงหรือผู้ชาย!!
ฉันยังคงมีความสัมพันธ์แบบความ เจ็บปวดอันแสนหวานกับเขา เราไม่เคยเป็นแฟนกัน แต่เราก็หัวใจเต้นแรงเวลาอยู่ใกล้กัน ฉันปรารถนาในตัวเขามากพอกับที่เขาปรารถนาในตัวฉัน แต่เราเป็นชนชั้นกลางผู้มีอารยธรรม เราต้องก้าวพ้นขั้นตอนการเฟลิร์ตกันเล่นๆ แบบไม่คิดอะไรต่อกันให้ได้เสียก่อน เราเริ่มพูดถึงแรงงานราคาถูกในซูดาน ปัญหาสิ่งแวดล้อมที่อาจารย์ นิธิ เอียวศรีวงศ์ บอกว่าเป็นปัญหาสังคมที่สำคัญที่สุด เราเริ่มก่นด่าวัฒนธรรมเซเลบริตี้ เราไม่เคยพอใจกับนโยบายขอรัฐบาล เราคิดว่าอาเซียนจะกลายเป็นภูมิภาคที่แข็งแกร่ง เราเก็งกันว่าใครจะได้ซีไรต์ปีนี้ ทั้งมวลนี้นำพาไปสู่การเดตกันที่บ้านพักคนชรา โรงพยาบาลตำรวจ งานเสวนาวรรณกรรม...และมันก็ไม่ได้ทำให้ฉันค้นพบ ว่าเขาชอบผู้หญิงหรือผู้ชายอยู่ดี
วันหนึ่งฉันมองหน้าเขาเงียบๆ จ้องไปยังดวงตาที่ฉันไม่อาจล่วงรู้ความลับดำมืด ปากของฉันมันอยากจะโพล่งถามออกไปว่า “คุณเป็นเกย์หรือเปล่า?” แต่ฉันก็ฉลาดมากพอ มีสติมากพอที่จะกลืนคำถามนั้นลงไปในส่วนลึกของหัวใจ ฉันนึกถึงช่วงเวลาที่เราคบหากัน แสงสว่างที่เขานำพา มาสู่ชีวิต ความเบิกบานที่หวนกลับมาในวัยสาวอีกครั้ง
แล้วฉันก็คิดถึงซูฉี...
ซูฉีคนนั้นแหละ คนที่เปลื้องผ้าถ่ายแบบชนิดเห็นไปทุกรูขุมขน เธอเคยให้สัมภาษณ์ไว้ว่าตอนนั้นเธอยังเด็ก ไม่มีใครคอยแนะนำ เมื่อได้รับข้อเสนอดังว่า เธอก็ถามตัวเองง่ายๆ ว่า “Why not?”
อืม...ฉันควรจะจบบทความเวิ่นเว้อ เกี่ยวกับความสับสนในวัยสาวด้วยคำพูดของซูฉีว่า “Why not?” ดีไหม ก็แค่รักเขาต่อไปโดยไม่ต้องตั้งคำถาม พ้นไปจากนั้นก็อย่าโกรธตัวเองเมื่อความจริงอันแสนเจ็บปวดปรากฏ
เพราะคนที่แพ้ก็ต้องดูแลตัวเอง
แต่วันนี้...ขอแค่เธออยู่ต่อได้ไหม"