วาติกันวิกฤตหนัก ขาดแคลนนักไล่ผี
ข่าวจากสำนักวาติกันแจ้งว่าเกินภาวะขาดแคลนพระนักไล่ผี (Exorcist) อย่างหนักเนื่องจากพระรุ่นใหม่ ๆ ยอมรับหน้าตาเฉยว่ากลัวผีเหมือนกัน
เรื่องนี้ได้รับการเปิดเผยจากคุณพ่อวินเชนโซ คาราเวลลี่ วัย 79 ปี หัวหน้าคณะไล่ผีแห่งวาติกันว่าปัจจุบันในกรุงโรมมีคณะนักไล่ผีที่วาติกันรับรองอย่างเป็นทางการเหลืออยู่เพียง 9 คน แต่ความต้องการความช่วยเหลือในการไล่ผีเฉพาะในอิตาลีมีถึงปีละ 500,000 ราย คุณพ่อคาราเวลลี่บอกว่ามนุษย์ยุคนี้ห่างไกลศาสนาและหันไปสนใจศาสตร์เกี่ยวกับซาตานกันมากจนประตูนรกขยายใหญ่ให้ภูติผีปีศาจ สัตว์นรกและตัวซาตานเองมาแผลงฤทธิ์ทำร้ายมนุษย์กันมากขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ
นอกจากนี้คุณพ่อคาราเวลลี่ยังโทษสำนักวาติกันเองด้วยที่มีนโยบายเลิกพูดว่าซาตานนั้นมีตัวตนอยู่จริงแล้วหันไปพูดถึงในลักษณะสัญลักษณ์ของความชั่วมาตั้งแต่ทศวรรษที่ 1960 ทำให้คนทั้งหลายเลิกเชื่อเรื่องความเป็นจริงของนรกสวรรค์ พระเจ้า พระเยซู และซาตาน หรือ ลูซิเฟอร์
วิชาไล่ผีนี้เป็นความรู้ที่มีแบบแผนชัดเจนและเป็นทางการในศาสนจักรโรมันคาธาลิก จากการสัมภาษณ์หลวงพ่อแกรี่ โธมัส หัวหน้าคณะไล่ผีอย่างเป็นทางการของวาติกันในคาลิฟอร์เนีย อธิบายว่าการถูกผีสิงหรือผีเข้ามีอยู่หลายระดับ ระดับที่หนึ่งคือระดับเบสิกสุด ๆ คือสิ่งที่เรียกว่าการสิงหรือการรบกวน (infestation) พูดง่าย ๆ ก็คือ การที่สถานที่ ๆ หนึ่งมีภูติผีปิศาจสิงอยู่ รบกวนมนุษย์ให้อยู่ไม่ได้ ไม่มีความสงบสุข สถานที่แบบนี้มักจะเคยเป็นสถานที่ ๆ เคยประกอบพิธีกรรมเกี่ยวกับซาตานมาก่อน ระดับที่สองคือระดับการกดทับ (Oppression) ลักษณะนี้มักเกิดกับคนที่ค่อนข้างเคร่งศาสนาและเหล่านักบุญ ลักษณะก็คือคนที่โดนจะมีความซึมเศร้า สิ้นหวังและรู้ตัวว่าซาตานได้เข้ามาครอบงำชีวิต
ระดับสามคือระดับที่ดราม่าที่สุด นั่นก็คือระดับที่เราได้เห็นในหนังเรื่อง The Exorcist นั่นเอง ระดับสามเรียกว่าระดับควบคุมหรือครอบครอง (Posession) นั่นคือปีศาจเข้าควบคุมร่างกายของคน ๆ นั้น บางครั้งทำให้ป่วยหนัก ทรมานทั้งร่างกายและจิตใจ และแบบสุดท้ายคือแบบที่กำจัดได้ยากที่สุดหรือเรียกว่าแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยนั่นก็คือการตกเป็นทาสโดยสมบูรณ์ (Perfect Posession) นั่นก็คือ การที่คน ๆ นั้นยอมรับเอาซาตานเข้ามาเป็นหนึ่งเดียวกับตัวเองด้วยความเต็มใจและเมื่อเต็มใจเสียแล้วการไล่ผีก็เป็นไปแทบจะไม่ได้เลย
คุณพ่อกาเบรียล เอมอร์ธ หัวหน้าคณะไล่ผีแห่งวาติกันซึ่งเพิ่งเสียชีวิตไปในวัย 91 ปี เล่าว่าคนที่ผีเข้าหรือมีผีอยู่รอบ ๆ ตัวนั้น เกิดได้จากทั้งการไปยุ่งกับศาสตร์มืดเองและพวกที่โดนทำพิธีสาปแช่ง หมอผีสายมืดนั้นมีไม่มาก คุณพ่อบอก ส่วนใหญ่เป็นของปลอมแต่ของจริงก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มี
จุดประสงค์สูงสุดของการมาเข้าสิงคนของผีก็คือการทำให้คน ๆ นั้นฆ่าตัวตาย เพราะการฆ่าตัวตายเป็นบาปใหญ่หลวงที่สุด คนที่ฆ่าตัวตายต้องไปอยู่ในนรกอย่างไม่มีข้อยกเว้นตามความเชื่อของศาสนจักรคาธอลิก ถือเป็นความสำเร็จของผีนั่นเอง
เมื่อถามถึงอาการของคนที่ถูกผีเข้าเพื่อการสังเกต คุณพ่อคาราเวลลี่บอกว่า ในทีมนักไล่ผีของวาติกันจะประกอบไปด้วยแพทย์ จิตแพทย์ นักจิตวิทยาและนักวิทยาศาสตร์เพราะคนเป็นจำนวนมากอาจจะเข้าใจผิดว่าตัวเองโดนผีเข้าแต่แท้จริงแล้วเจ็บป่วยด้วยโรคอื่น เช่น โรคลมชักหรือโรคจิตเภท เมื่อทางทีมแพทย์แน่ใจแล้วว่าบุคคลนั้นไม่ได้ป่วยทางกายหรือทางจิตแต่น่าจะเป็นการถูกผีเข้าแน่ ๆ คุณพ่อคาราเวลลี่อธิบายว่าลักษณะทางกายภาพที่สังเกตได้ชัด ๆ ได้แก่ อาการตากลับเมื่อคน ๆ นั้นเข้าไปอยู่ในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ เช่นโบสถ์ อาการตากลับจะมีสองแบบ ถ้าตากลับแบบตาดำขึ้นข้างบนแสดงว่าปีศาจที่เข้าอยู่เป็นจำพวกแมลงป่องแต่ถ้าตากลับแบบตาดำอยู่ด้านล่างแปลว่าเป็นผีจำพวกงู การรับขนมปังหรือที่ชาวคริสต์เรียกว่าศีลมหาสนิทอาจสร้างความเจ็บปวดในปากและคอของคน ๆ นั้นอย่างรุนแรง หลายครั้งในพิธีไล่ผี คนเหล่านี้จะพูดภาษาแปลก ๆ ที่โดยปกติไม่สามารถพูดหรือเข้าใจได้แถมเสียงจะเปลี่ยนด้วย นอกจากนี้ยังมีพละกำลังมหาศาล หลวงพ่อเอมอร์ธเล่าว่าเคยเจอเด็กชายสิบขวบคนหนึ่งสะบัดผู้ใหญ่วัยฉกรรจ์ 4 คนกระเด็นระเนระนาด เด็กอีกคนยกโต๊ะไม้ทุ่มใส่หลวงพ่อได้ด้วยมือเดียว ในขณะประกอบพิธีไล่ผีคน ๆ นั้นจะมีน้ำลายฟูมปาก ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีว่าปีศาจนั้นกำลังมีปฎิกิริยาต่อบทสวด ความรู้ในสิ่งที่ไม่น่าจะรู้และความสามารถในการทำนายอนาคตได้อย่างแม่นยำเป็นอีกอาการหนึ่งของการถูกผีเข้า คุณพ่อแกรี่ โธมัส เล่าว่าหลาย ๆ ครั้งขณะทำพิธีไล่ผี ใบหน้าและท่าทางของคนที่ถูกผีเข้าจะเปลี่ยนไปอย่างมีนัยยะสำคัญคล้ายมีการเคลื่อนของกระดูกและกล้ามเนื้อบนใบหน้า บางคนดูคล้ายสัตว์เลื้อนคลานหรืองู ซึ่งน่าขนลุกมากสำหรับคนทั่ว ๆ ไปหรือพระที่กลัวผี
คุณพ่อเอมอร์ธยังเล่าต่ออีกว่า เมื่อผีแสดงตัวออกมาแล้วก่อนอื่นคุณพ่อจะต้องถามชื่อของผีนั้นก่อน ว่าเป็นตัวไหน มาจากนรกไหน และมีทั้งหมดกี่ตัว บางคนมีผีอยู่ในตัวและวนเวียนอยู่รายรอบถึง 30 ตัวก็มีให้เห็นมาแล้ว และผีนี้มาเอง เจ้าตัวเชิญมาหรือเกิดจากการทำคุณไสย การพูดกับผีนั้น ต้องใช้ภาษาลาติน เพราะเป็นภาษาทางการในการไล่ผีของวาติกัน (ภาษาทางการมี 3 ภาษาคือ ละติน โปรตุกีส และ สแปนิช) ผีจะไม่ชอบพูดเท่าไหร่ ต้องโดนบังคับให้พูดแสดงตัวตนออกมา หลังจากนั้นก็จะทำการสวดขับไล่ให้ผีตนนั้นกลับไปลงนรก มีการใช้ไม้กางเขนแตะลงบนผิวหนังของคน ๆ นั้น หรือน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์ก็เป็นสิ่งที่ใช้ได้ดี
บทสวดภาษาละตินนี้มีความยาวประมาณ 45 นาที แต่พิธีกรรมการไล่ผีมักยาวนานกว่านั้นเพราะกว่าที่จะบังคับให้ผีนั้นแสดงตัวตนออกมาได้ คนบางคนมีผีสิงอยู่เยอะทั้งในตัวและรอบ ๆ ตัว ต้องเข้าพิธีไล่ผีหลายครั้งกว่าจะไล่ออกไปได้หมดและกลับมาใช้ชีวิตคริสตชนปกติ
มีนักข่าวเคยถามคุณพ่อเอมอร์ธว่าท่านคิดเห็นอย่างไรเกี่ยวกับหนังดังตลอดการเรื่อง The Exorcist (หมอผีเอ็กซอร์ซิสท์) ท่านตอบว่าหนังเรื่องนี้เป็นหนังโปรดของท่านเลยทีเดียว แม้จะทำเอฟเฟคท์เว่อวังไปซักนิดแต่โดยข้อมูลและเนื้อเรื่องแล้วตรงกับความเป็นจริงของนักไล่ผีมาก ๆ เลยทีเดียว
ใครสนใจแนะนำให้ไปหาหนังแนวนี้มาดู ทั้ง The Exorcist (1973) , Stigmata (1999) และ The Rite (2011)
รับรองได้สยองนอนรวมกันเป็นหมู่คณะแน่นอน
Trailer : The Exorcist (1973)
Trailer : stigmata
Trailer : The Rite