ประวัติศาสตร์ที่ไม่เหมือนใคร…เผย 'กฎเหล็ก' ที่โลกไม่เคยรู้ของชาว "ไวกิ้ง"
ชนเผ่าไวกิ้งเป็นนักเดินเรือที่ชำนาญ นักรบที่เก่งกล้า และนักการค้าที่มากด้วยความสามารถ แต่กว่าจะได้มาซึ่งเกียรติยศและความยิ่งใหญ่เกรียงไกร ชาวไวกิ้งนั้นก็มีกฎเหล็กที่ต้องปฏิบัติตามมากมาย!
Viking แปลว่าโจรสลัด เป็นคำที่ใช้เรียกชื่อชนเผ่าหนึ่งที่เชี่ยวชาญด้านการเดินเรือในทะเล และปล้นสะดมหัวเมืองต่างๆ ที่ตั้งอยู่ใน ยุโรป ทางเหนือ คนทั่วไปคิดว่าไวกิ้งชอบสวมหมวกที่มีเขา มีเครายาวและดุร้าย ประวัติศาสตร์ได้จารึกว่าในสมัยคริสต์ศตวรรษที่ 8 ประเทศต่างๆ ในยุโรป ได้ถูกชนเผ่าไวกิ้งโจมตีอยู่เนืองๆ และด้วยความเก่งกาจของไวกิ้งก็ทำให้พวกเขายึดครองดินแดนได้หลายต่อหลายแห่ง
และนี่คือกฎที่น่าสนใจและแสนจะไม่เหมือนใครของชาวไวกิ้ง
ถ้าชาวไวกิ้งทำร้ายหรือฆ่าใคร พวกเขาต้องจ่าย “ค่าเสียหาย”
เนื่องจากเป็นนักรบและนักสู้ กฎนี้จึงมีไว้เพื่อบรรเทาความเสียหายและการต่อสู้ที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ ราคาที่ต้องจ่ายขึ้นอยู่กับความสาหัสของบาดแผลที่ได้รับ กฎนี้มีไว้เพื่อรองรับคุณภาพชีวิตของครอบครัวนักสู้ชาวไวกิ้งที่หัวหน้าครอบครัวอาจได้รับบาดเจ็บจนไม่สามารถดูแลเลี้ยงดูได้นั่นเอง
ถ้าสามีทำร้ายภรรยาในที่สาธารณะ เธอสามารถเรียกร้องค่าเสียหายได้เหมือนกับการทำร้ายร่างกายกัน และถ้าหากเขาทำเกิน 3 ครั้ง เธอสามารถหย่าได้
แม้สมัยก่อนผู้ชายจะเป็นใหญ่ในสังคม แต่ชนเผ่าไวกิ้งนั้นก็มีกฎเพื่อรองรับสิทธิมนุษยชนของสตรี และแม้การหย่าร้างในสมัยก่อนถือว่าเป็นเรื่องรับไม่ได้ แต่ชนเผ่าไวกิ้งก็อนุญาติให้การตบตีในที่สาธารณะถือเป็นการหยามเกียรติลูกผู้หญิงจนสามารถฟ้องหย่าได้ แต่สตรีบางคนก็เห็นว่าการหย่าร้างไม่เพียงพอที่จะแก้แค้นต่อความเจ็บปวดที่ได้รับ ผู้หญิงคนหนึ่งชื่อว่า Hallgerd ได้มีส่วนเกี่ยวข้องในการเสียชีวิตของชายสองคนที่ทำพลาดด้วยการทำร้ายเธอในที่สาธารณะ
การหย่าร้างสามารถทำได้ถ้าหากฝ่ายชายใช้คำพูดเยาะเย้ยถากถางสตรี หรือแสดงออกถึงความหึงหวงและโกรธเธอมากจนเกินไป
ชายชาวไวกิ้งให้ความสำคัญกับเสื้อผ้าหน้าผม
มีการเรียกร้องจาก Christian Angles ในประเทศอังกฤษว่าชายชาวไวกิ้งขโมยสาวๆ ไปหมด!
แม้จะเป็นนักรบที่ต้องต่อสู้เป็นประจำและคลุกคลีกับเรื่องอันตรายอยู่เสมอ แต่กลับเป็นกิจวัตรปกติของชายชาวไวกิ้งที่จะอาบน้ำให้สะอาด เปลี่ยนเครื่องแต่งกายให้หล่อเหลา จัดแต่งทรงผม และพกกระจกกับหวีอยู่เสมอ
นั่นทำให้สตรีสูงศักดิ์จากทั่วสารทิศหลงใหลในเสน่ห์ของชายชาวไวกิ้งกันหมด
โธ่…ชาวอังกฤษที่น่าสงสาร
ความสำส่อนของผู้ชายจะไม่เป็นมลทินต่อผู้หญิง
ถ้าผู้หญิงถูกสามีนอกใจ พวกเธอจะสามารถเรียกร้องเงินค่าเสียหายได้ และผู้ชายจะต้องเสียเงินถ้าหากเขานอนกับผู้หญิงที่ไม่ได้เป็นคู่แต่งงาน เพื่อป้องกันการเอาเปรียบทางเพศที่อาจเกิดขึ้น
และผู้หญิงที่ถูกข่มขืนก็ถือว่าไม่มีมลทินเช่นกัน
ในช่วงศตวรรษที่ 12 ชาวไวกิ้งปกครองบริเวณที่ติดต่อกับอาณาจักรไบแซนไทน์ ในขณะที่รอให้อากาศเหมาะสมสำหรับการเดินทางต่อ ชายชาวไวกิ้งบางคนข้ามเขตไปเพื่อข่มขืนสตรีชาวไบแซนไทน์ เธอจึงยึดอาวุธของเขาและปลิดชีพเขาซะ เมื่อข่าวนี้แพร่กระจายไปในหมู่ชาวไวกิ้ง พวกเขาต่างพากันยกย่องและให้เกียรติเธอ
การทำร้ายหรือฆ่าชาวแซกซอนก็ต้องจ่ายเงินเช่นกัน
ถ้าชาวเวลส์อยู่ในเขตกำแพงเมืองเชสเตอร์หลังพระอาทิตย์ตกดิน การฆ่าเขาด้วยธนูไม่ผิดกฎหมาย
ในวันที่ 4 กันยายน 1403 เฮนรี่ที่ 5 ขุนนางแห่งเมืองเชสเตอร์ มีคำสั่งให้ชาวเวลส์ทุกคนออกจากเขตเมืองเชสเตอร์ โดยห้ามเข้าเขตเมืองก่อนพระอาทิตย์ขึ้นและออกจากเมืองหลังพระอาทิตย์ตกดิน