เรื่องจริงของการเวียนว่ายตายเกิด
นอกจากการอุปมาเชิงเปรียบเทียบแล้ว ก็ยังมีข้อมูลที่ได้รับการจัดพิมพ์ ในเรื่องการเวียนว่ายตายเกิดโดยอ้างอิงบุคคลและสถานที่จริงอยู่อีก ซึ่งลองยกมาเป็นตัวอย่างดังต่อไปนี้
กลับชาติมาเกิดกับพ่อแม่เดิม
เป็นเรื่องของเด็กหญิงมิ่งขวัญ (ปัง) วัย 10 ขวบ เป็นลูกของคุณบรรจง ชาญธนานันท์ ซึ่งเสียชีวิตพร้อมกับพี่เลี้ยงชื่อละม่อม จากอุบัติเหตุรถชนในวันที่ 6 พฤษภาคม 2521 หลังจากนั้นคุณบรรจงได้พบกับป้าละม่อม ในลักษณะคล้ายคนนอนหลับแล้วฝันไปว่า จะนำน้องปังมาส่งคืนให้(มาเกิดใหม่)ในปีหน้า ก่อนน้องปังมาเกิดใหม่ ได้มีการติดต่อกับเด็ก โดยเด็กให้สังเกตรอยตำหนิ(ปานแดง)ที่แขน ที่คอ และลำตัว คืนหนึ่งคุณบรรจงได้ฝันถึงป้าละม่อมอีกครั้ง โดยครั้งนี้ป้าละม่อม ได้พาไปดู สวรรค์ และนรก เหตุการณ์ ที่พบเห็นทั้งหมด คุณบรรจงเชื่อว่าไม่ใช่อุปาทานแต่เป็นการไปเห็นด้วยจิตวิญญาณ
ภายหลังภรรยาคุณบรรจงตั้งครรภ์ และคลอดบุตรเป็นเพศหญิง ในปีถัดมาโดยเป็นวันและเดือนเดียวกับที่น้องปังเสียชีวิต คุณบรรจงและภรรยาได้ตรวจตามร่างกายของทารก ก็พบว่ามีตำหนิตรงตามที่น้องปังเคยบอกทุกอย่าง
ครูบัวไขระลึกชาติ
ปี พ.ศ.2500 นายคำรณ ชูมาลัยวงศ์ กับนางสมคิด ภรรยา อยู่บ้านหมู่ 1 ตำบลทับคล้อ อำเภอตะพานหิน จ.พิจิตร ได้ให้กำเนิดลูกชายชื่อ เด็กชายชนัย ซึ่งมีรอยแผลเป็นสองแห่งตรงท้ายทอยแห่งหนึ่งกับหน้าผากอีกแห่งหนึ่ง รอยแผลเป็นที่หน้าผากใหญ่กว่าตรงท้ายทอย แผลเป็นทั้งสองแห่งอยู่ในตำแหน่งเป็นแนวตรงกัน
จนกระทั่งเด็กชายชนัย อายุได้ 3 ขวบกว่า ได้บอกว่าชาติก่อนเขาชื่อบัวไขเป็นครูสอนนักเรียนแล้วถูกยิงตาย แล้วขอให้พาไปหาพ่อแม่เดิม ชื่อ นายเขียน กับ นางยอง พร้อมกับชี้ทางกลับบ้านเมื่อชาติที่แล้วได้อย่างชัดเจน
เมื่อถึงบ้านก็เข้าไปกราบ นายเขียนกับนางยอง แล้วเรียกว่าพ่อแม่ ทั้งๆ ที่มีญาติอายุไล่เลี่ยกัน นั่งอยู่อีกหลายคน อีกทั้งรอยแผลเป็นของเด็กชายชนัย ก็ตรงกับรอยแผลของครูบัวไข ที่ถูกยิงจากข้างหลัง นายเขียนกับนางยอง ได้ทำการทดสอบโดยให้นำสิ่งของส่วนตัวของครูบัวไข มารวมกับสิ่งอื่นๆ เด็กชายชนัยก็เลือกหยิบได้ถูกต้องทุกอย่าง สามารถระบุและบอกชื่อภรรยาครูบัวไข อีกทั้งยังบอกเหตุการณ์ในเช้าวันที่ก่อนจะถูกยิงตายได้อย่างละเอียด เด็กชายชนัยยังบอกว่าก่อนมาเกิดใหม่ได้ถูกทำโทษและมีคนสองคนคุมตัวมาส่ง
งูเหลือมเกิดเป็นคน
ปี พ.ศ.2498 นางหนูพุก กับ นายตา อยู่ตำบลหนองแซง อ.เลิงนกทา จ.อุบลราชธานี ได้ให้กำเนิดลูกชายชื่อ เด็กชายบัวลอย แต่เด็กมีลักษณะประหลาดคือผิวหนังทั้งตัวเป็นลายตารางสีแดงพาดตัดกันเหมือนขนมเปียก เมื่อเติบโตขึ้นสีแดงนั้นได้เปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลเข้ม คล้ายเกล็ดงูเหลือม เมื่อเด็กชายบัวลอย อายุได้ 3 ขวบกว่า วันหนึ่งที่วัดโพธาราม ได้จัดงานบุญประจำปีขึ้น นายตาได้ไปเที่ยวงานพร้อมทั้งนำบัวลอยไปเที่ยวเล่นด้วย ขณะที่กำลังวิ่งเล่นอยู่นั้น พอบัวลอยเห็นชายสูงอายุคนหนึ่ง ก็หยุดเล่น มองดูด้วยสายตาโกรธแค้น แล้ววิ่งเข้าไปกระตุกชายผ้านุ่งชายผู้นั้น ตะโกนด้วยเสียงดังว่า เฒ่าเหี่ยวใจร้าย ชายสูงอายุนั้น ก็ชื่อ เหี่ยว จริงๆด้วย นายตา รู้จักคุ้นเคยกับเฒ่าเหี่ยวจึงเข้าไปขอโทษและดึงบัวลอยออกมา เมื่อมาถึงบ้านเรียกมาสอบถามได้เล่าให้พ่อฟังว่า ชาติก่อนเขาเคยเกิดเป็นกวางตัวเมีย พออายุได้ 15 ปี ก็ถูกพรานยิงตายที่ภูหินปูน หลังจากตายแล้วไปเกิดเป็นงูเหลือมตัวเมียที่ถ้ำอ่างน้ำจาง และต่อมาถูกฆ่าตายด้วยพรานชื่อเหี่ยว สำหรับเรื่องนี้เมื่อเริ่มต้นเป็นการพูดเล่าต่อๆกัน จนกระทั่งในเวลาต่อมาข่าวนี้กระจายไปในวงกว้าง ได้มีคณะของพระมหาถวัลย์ วัดทุ่งศรีเมือง จ.อุบลราชธานี เดินทางมาพิสูจน์และสัมภาษณ์สอบถามผู้เกี่ยวข้องในเหตุการณ์หลายครั้ง ในระหว่างปี พ.ศ.2511 และได้พิมพ์หนังสือออกเผยแพร่เดือนพฤษภาคม 2511 ซึ่งคำให้การของผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ต่างสอดคล้องกับคำบอกเล่าของเด็กชายบัวลอยในเหตุการณ์วันที่พรานเหี่ยวและพวกได้ฆ่างูเหลือมใหญ่ที่อ่างน้ำจาง
10 เรื่องเหลือเชื่อ เกี่ยวกับการกลับชาติมาเกิด