หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม แต่งรูป คำคม Glitter สเปซ ไดอารี่ เกมถอดรหัสภาพ เกม วิดีโอ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

ประชาธิปไตยที่แท้จากสหรัฐฯ: เลือกตั้งทุกอย่างรวมทั้งผู้พิพากษา

       บางคนบอกว่าสหรัฐอเมริกาจะเป็นตัวอย่างประชาธิปไตยที่แท้จริงได้อย่างไร เห็นไปเที่ยวรุกรานประเทศอื่นทั่วโลก ข้อนี้เราคงต้องคิดแยกแยะ นโยบายต่อประชาคมต่างประเทศของผู้บริหารประเทศสหรัฐฯ ก็เรื่องหนึ่ง ความเป็นประชาธิปไตยในประเทศก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง อย่ามาปะปนกัน ในด้านประชาธิปไตย สหรัฐฯ มีอย่างสมบูรณ์ยิ่ง
           ผมมีโอกาสไปมลรัฐฟลอริดา สหรัฐฯ เมื่อสัปดาห์ก่อน ได้ความรู้เกี่ยวกับประชาธิปไตยที่แท้ที่เราแทบไม่เคยรู้ ผมถามเพื่อนที่เป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ท่านก็ยังเคยรู้มาก่อนเลย ประชาธิปไตยที่แท้ในสหรัฐฯ นั้นมีลักษณะดังนี้:

  1. หลักสำคัญก็คือแทบทุกอย่างมาจากการเลือกตั้ง เขาถือว่า "อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชน" (ประชาชนเป็นใหญ่ในแผ่นดิน) อย่างแท้จริง ถ้าไม่มีเลือกตั้งไม่ว่าจะระดับท้องถิ่นหรือระดับประเทศ ก็เท่ากับว่าไม่มีประชาธิปไตย
  2. ในระดับประเทศ สหรัฐมีการเลือกตั้งหัวหน้าฝ่ายบริหาร (ประธานาธิบดี) ไทยเราก็น่าจะมีการเลือกตั้งนายกฯ โดยตรง หรืออย่างน้อยก็ต้องให้ผู้แทนของพรรคที่มีเสียงมากที่สุด ได้เป็นนายกฯ (ไม่ใช่ "เหาะ" มาจากภายนอก ซึ่งไม่เป็นประชาธิปไตย) หัวหน้าฝ่ายบริหารมาบริหารแทนประชาชนทั้งมวลที่มอบอำนาจให้
  3. ประธานาธิบดีที่ประชาชนเลือกเป็นผู้ตั้งองค์คณะในศาลฎีกา โดยความเห็นชอบของวุฒิสภา ซึ่งมีอยู่ 9 คนซึ่งจะอยู่จนตาย โดยในขณะนี้ มีอยู่ 5 คนที่ตั้งโดยนายจอร์จ บุช ที่ตั้งโดยนายโอบามามีเพียง 4 คน บางคนอาจตั้งคำถามว่าถ้าผู้นำฝ่ายบริหารตั้งศาล แล้วศาลจะยุติธรรมหรือ ข้อนี้อยู่ที่การกลั่นกรองของวุฒิสภาและเป็นสิ่งที่ต้องยอมรับอำนาจประธานาธิบดีที่มาจากการเลือกตั้งตามมติมหาชนว่าเป็นใหญ่ที่สุด
  4. โดยนัยนี้จึงเห็นได้ว่า รัฐธรรมนูญของสหรัฐฯ และประเทศตะวันตกจึงกำหนดให้อำนาจฝ่ายบริหารเข้มแข็งเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน ไม่ใช่แบบไทยๆ ที่พยายามบ่อนทำลายฝ่ายบริหาร เพราะมีอำนาจที่มองไม่เห็น (พรรคข้าราชการ) คอยจะเป็นใหญ่แทนประชาชน
    5. ไม่มีการห้ามว่าสามี ภรรยา เครือญาติ ลงสมัครรับใช้ประชาชนในทุกตำแหน่ง การทั้งปวงอยู่ที่การตัดสินใจของประชาชน (โปรดอย่าหาว่าประชาชนไทย จะถูกซื้อเสียง นี่เป็นการอ้างเท็จ (http://bit.ly/2c5dOFk)
  5. การเลือกตั้ง สส. และ สว. มีทั้งในระดับประเทศและในระดับมลรัฐ แต่ในระดับมลรัฐจะอยู่ในตำแหน่งในระยะเวลาที่สั้นกว่า
  6. ในแต่ละมลรัฐมีการเลือกผู้ว่าการมลรัฐ รองผู้ว่าฯ "รมว.คลัง" อัยการ ผู้พิพากษาศาลฎีกา ศาลอุทธรณ์ และศาลชั้นต้น และตำแหน่งอื่นๆ อีกมากมายที่ล้วนแต่มากการเลือกตั้ง
  7. ต่อลงมาจากระดับมลรัฐก็ถึงระดับจังหวัด (County) หรืออาจเรียกว่าอำเภอหรือเขตก็แล้วแต่ถนัด ในระดับนี้ก็จะมีการเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัด ประธานกรรมการเลือกตั้ง หัวหน้าตำรวจ (Sheriff) ผู้อำนวยการฝ่ายประเมินค่าทรัพย์สิน ผู้อำนวยการฝ่ายจัดเก็บภาษี ประธานและกรรมการจัดการศึกษา และอื่นๆ นอกจากนี้ในระดับเทศบาลหรือเมืองย่อย ตำแหน่งต่างๆ ที่คล้ายกันเหล่านี้ก็มาจากการเลือกตั้งทั้งสิ้น
  8. ผู้พิพากษายังต้องมาจากการเลือกตั้ง และไม่ได้มีการกำหนดคุณสมบัติว่าต้องจบกฎหมายเสียด้วย (แต่ผู้สมัครทุกคนก็จบกฎหมาย) ทั้งนี้ยกเว้นศาลปกครอง ซึ่งพิจารณาคดีระหว่างเจ้าหน้าที่ของรัฐกับประชาชน ก็จะมาจากการแต่งตั้ง โดยอำนาจของประธานาธิบดีเป็นคนตั้งตั้งแต่ระดับศาลฎีกาลงมา ในระดับจังหวัดของบางมลรัฐ ผู้พิพากษาอาจมาจากการแต่งตั้งโดยหัวหน้าผู้พิพากษาที่ประธานาธิบดีแต่งตั้งอีกที
  9. การมีการเลือกตั้งผู้พิพากษาเป็นสิ่งที่ดี เพราะเป็นผู้ที่อยู่ในท้องถิ่น เข้าใจปัญหาต่าง ๆ ดีกว่าผู้พิพากษาจากส่วนกลางที่ไม่ยึดโยงประชาชนและไม่เข้าใจปัญหาที่แท้จริง การเลือกตั้งผู้พิพากษาจึงเหมือนการให้อำนาจ เคารพภูมิปัญญาท้องถิ่น และให้ความสำคัญแก่ท้องถิ่น ผู้นำ ผู้มีอิทธิพลทางความคิดในท้องถิ่นอย่างแท้จริง
  10. ส่วนข้าราชการประจำนั้นมีไว้เพื่อการเป็น "มือไม้" ให้กับข้าราชการการเมือง ประเทศประชาธิปไตยที่แท้ เขาถือว่ายิ่งเลือกตั้งมามาก ยิ่งได้คนที่ต้องใจประชาชน ไม่ได้มาสร้างภาพกล่าวหานักการเมืองว่าเลวสารพัด เพื่อตัวเองจะได้ล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยได้อย่างถาวร
  11. รายได้ก็มีการกำหนดชัดเจน เช่น ผู้ว่าการมลรัฐ ผู้ว่าราชการจังหวัด นายกเทศมนตรี ผู้พิพากษา หรือผู้จัดเก็บภาษี ฯลฯ มีรายได้ปีละประมาณ 130,000 เหรียญสหรัฐ หรือเท่ากับเดือนละ 380,000 บาท แตกต่างกันไปตามจำนวนประชากรในแต่ละท้องถิ่น โดยท้องถิ่นที่มีคนต้องดูแลมาก ก็มีรายได้สูงกว่า แต่ก็ต่างกันไม่มากนัก ในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา แทบไม่มีการเปลี่ยนแปลงด้านตัวเลขรายได้เลย
  12. เมื่อเทียบกับไทย รายได้นี้มากกว่าผู้ว่าราชการจังหวัดของไทยเราเพียง 3 เท่า และพวกเขาไม่มีสวัสดิการอู้ฟู่แบบข้าราชการบิ๊กๆ ของไทย ไม่มีโอกาสเป็นกรรมการรัฐวิสาหกิจ ไม่ผลประโยชน์แอบแฝง "ตามน้ำ" อื่น หากพิจารณาจากการซื้อขายตำแหน่ง ๆ ละ 15 ล้านบาท อยู่ได้ 3 ปี ราชการไทยบางตำแหน่ง อาจมีเงินเดือนเทียบเท่ากับ 417,000 บาท นับว่ารวยกว่าข้าราชการสหรัฐฯ เสียอีก ด้วยเหตุนี้ "พรรคข้าราชการ" จึงไม่อยากให้อำนาจอธิปไตยเป็นของประชาชนนั่นเอง
  13. ทุกประเทศก็ต้องการคนดีมาเป็นตัวแทนของประชาชนบริหารประเทศหรือท้องถิ่น แต่เขาไม่มีการโหมกระแสคนดี (ที่ไม่ต้องผ่านการเลือกตั้ง) ยิ่งเลือกตั้งบ่อย ยิ่งจะได้คนดีเข้ามา ไม่ใช่ไม่เลือกตั้ง ยกเว้น สว.ระดับประเทศที่จะถูกเลือกตั้งให้อยู่ในตำแหน่งคราวละ 6 ปี สส. จะมีอายุเพียง 2 ปี เพื่อการเฟ้นหาคนดีๆ เข้ามา ไม่ใช่หาคนดีๆ จากการแต่งตั้งหรืออีกนัยหนึ่งก็คือความดีแบบอุปโลกน์นั่นเอง
  14. ความสำเร็จสำคัญอย่างหนึ่งของการนี้เกิดจากการเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่เก็บและใช้ในท้องถิ่น ก็คล้ายกับการจัดเก็บค่าส่วนกลางในอาคารชุดหรือบ้านจัดสรรของไทยเรานั่นเอง แต่ทุกวันนี้เราไม่มีภาษีนี้ มีแต่ภาษีโรงเรือนอันบิดเบี้ยว ภาษีส่วนมากเก็บผ่านส่วนกลางแล้วส่งมาส่วนท้องถิ่น ทำให้เกิดอาการ "วัดครึ่งหนึ่ง กรรมการครึ่งหนึ่ง" เพราะไม่มีความรู้สึกเป็นเจ้าของ แต่ถ้าเก็บในท้องถิ่นและใช้ในท้องถิ่นเป็นหลัก และมีผู้แทนของประชาชนมาดูแลผลประโยชน์ตั้งแต่ประเมินค่า เก็บภาษี จัดการศึกษา ฯลฯ งบประมาณก็ใช้เพื่อท้องถิ่นอย่างเต็มที่

           ดังนั้นถ้าหากไทยจะมีการปกครองในระบอบประชาธิปไตยจริงโดยไม่เป็นแค่คำลวง จะต้อง

  1. มีการเลือกตั้งโดยควรปฏิรูประบบราชการให้มีการเลือกตั้งทุกระดับ ตั้งแต่นายอำเภอ ผู้ว่าฯ นายกรัฐมนตรี หรือแม้แต่ตำแหน่งผู้พิพากษาอรรถคดี (ยกเว้นคดีปกครอง) เพราะเท่ากับเราให้ความสำคัญต่อคนท้องถิ่นในการตัดสินคดีความกันเอง อย่าได้มีการสรรหาซึ่งเป็นกระบวนการกำมะลอของระบอบเผด็จการ
  2. ราชการส่วนกลางที่เทอะทะสมควรได้รับการลดทอน ราชการส่วนภูมิภาคต้องมีขนาดเล็กที่สุดหรือไม่มี มีแต่ส่วนกลางและส่วนท้องถิ่น เพื่อให้งบประมาณแผ่นดินไปสู่ส่วนท้องถิ่นมากขึ้น

           ส่วนการปฏิรูปแบบไทยๆ ยิ่งทำให้ไทยเป็นประชาธิปไตยหรือไม่ อำนาจอธิปไตยเป็นของคนไทยหรือไม่ ประเทศชาติจะไปสู่ความรุ่งโรจน์ หรือรุ่งริ่ง ทุกท่านต้องลองตรองดูเองเอง
ที่มา: http://www.area.co.th/thai/area_announce/area_press.php?strquey=press_announcement1568.htm

เนื้อหาโดย: doctorsopon
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
doctorsopon's profile


โพสท์โดย: doctorsopon
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
สารก่อมะเร็ง 4 อย่าง ที่ลูกคุณอาจจะได้รับทุกวันOK ล็อตเตอรี่ รวมเลขดังไว้ที่นี่ 1 เมษายน 2567ครูหนุ่มชาวจีนโพสต์รูปตัวเอง เปรียบเทียบสมัยก่อนเเละหลังทำงานได้ 6 ปี เปลี่ยนไปจริง ๆ 😌สร้างอุโบสถ ทำไมต้องฝังลูกนิมิต ?เปิดบ้านซุปตาร์ "ลิซ่า BLACKPINK" ที่เกาหลีใต้ มูลค่ากว่า 200 ล้าน..ฉลองวันเกิดครบ 27 ปีCIB ร่วม อย. ทลายแก๊ง ขายอาหารเสริม อาหารหลอกรักษาโรคร้าย มูลค่ากว่า 10 ล้านบาท
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
"ซีอิ๊วแบบเม็ด" ฉีกทุกกฎของซอส..นวัตกรรมใหม่จาก "เด็กสมบูรณ์""บิ๊กเต่า" รับหลักฐาน "ทนายตั้ม" ลั่น ใหญ่แค่ไหนก็จับ ไม่มีใครใหญ่กว่าประตูห้องขัง9 โรงเรียนหญิงล้วนที่น่าสนใจในประเทศไทยหลวงพี่เขมรแนะชาวเขมร ว่า..“ไทยเอาคำว่า‘สงกรานต์‘ไปแล้ว งั้นเขมรเราใช้คำว่า ’มหาอังกอร์สงกรานต์‘ ดีไหม? เพราะคำนี้มันใหญ่กว่าสงกรานต์ธรรมดา”
กระทู้อื่นๆในบอร์ด บ้าน คอนโด ที่ดิน
รู้จักกับ บ้านดิน คืออะไร?8 เทคนิคเลือกบ้าน ช่วยให้อยู่แล้วไม่ร้อนสถาปนิก ทำงานอะไร หน้าที่และขั้นตอนการทำงานเป็นยังไง?ข้อควรพิจารณาเพื่อเป็นแนวทางในการประมาณราคา
ตั้งกระทู้ใหม่