มาแล้วๆๆๆ iPhone 7 เปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้ว ทรงเดิมแต่ตัดเส้นขอบ - กันน้ำ - กล้องคู่ - ลำโพงคู่ - หูฟังไร้สาย - เพิ่มสีดำเงา+ดำด้าน
iPhone 7 เปิดตัวอย่างเป็นทางการ ใช้ดีไซน์แบบใหม่ที่ปรับปรุงจากเดิม ที่เด่นๆคือตัวบอดี้เป็นแผงเดียวไร้รอยต่อ ซ่อนเส้นเสาอากาศไปเรียบร้อยแล้ว แถมยังมีสีใหม่ 2 สีคือ "Jet Black" เป็นวัสดุสีดำเงา และสีดำด้าน บวกกับ 3 สีเดิมคือ เทา ทอง และทองชมพู (Rose Gold) จึงกลายเป็นว่าตอนนี้ iPhone 7 จะมีให้เลือกถึง 5 สี คือ เทา, ทอง, ชมพู, ดำเงา และ ดำด้าน
iPhone 7 ยังมีคุณสมบัติกันน้ำ(IP67) อีกด้วย ช่วยลดปัญหาเรื่องตกน้ำ แต่อย่าเสี่ยงเอาไปแช่น้ำนานล่ะ โดยความหมายของ IP67 คือสามารถกันฝุ่นและกันน้ำได้ที่ความลึก 1 เมตร และของใหม่อีกอย่างที่เพิ่มเข้ามาคือปุ่มโฮมแบบใหม่ที่ฝังรวมไปกับหน้าจอโดยใช้ระบบ Taptic Engine ช่วยให้ปุ่มโฮมทำอะไรได้หลากหลายขึ้น เช่นกดเบา กดแรง หรือกดสองครั้งเหมือนดับเบิ้ลคลิ๊ก เพื่อเป็นทางลัดเข้าสู่เมนูอื่นที่ตั้งไว้
iPhone 7 ใช้ซีพียูตัวใหม่ A10 Fusion ที่เร็วกว่า iPhone 6s ถึง 40% และเร็วกว่า iPhone 6 ถึง 2 เท่าเลยทีเดียว โดย CPU A10 Fusion นั้นเป็นแบบควอดคอร์ ที่ใช้แนวทาง 2+2 แยกเป็นคอร์ประสิทธิภาพสูง 2 คอร์ และคอร์ประหยัดพลังงานอีก 2 คอร์ หากใช้งานหนักๆก็ใช้คอร์ประสิทธิภาพสูง ส่วนงานเบาๆก็ยกใหเคอร์ประสิทธิภาพต่ำแต่ประหยัดแบ็ตไปแทน
GPU(ตัวประมวลผลภาพหน้าจอ) ตัวใหม่ของ A10 เป็นแบบ 6 คอร์ มีประสิทธิภาพดีขึ้นจากจีพียูของ A9 อีก 50% นั่นแสดงว่าคุณจะสามารถเล่นเกมหรือใช้งานแอพด้วยภาพหน้าจอที่ลื่นไหลมากขึ้นนั่นเอง
หน้าจอ Retina ตัวใหม่ของ iPhone 7 มีความสว่างเพิ่มขึ้น 25% และยังมีคุณภาพของการแสดงผลสีแม่นยำขึ้น
แบตเตอรี่อยู่ได้นานขึ้น โดยรุ่น iPhone 7 จะอยู่ได้นานขึ้นกว่า iPhone 6s ราว 2 ชั่วโมง และถ้าเป็นรุ่น Plus จะอยู่ได้นานขึ้นประมาณ 1 ชั่วโมง เพราะรุ่น Plus ต้องใช้แบ็ตในการแสดงผลบนหน้าจอที่ใหญ่กว่า
ภาพรวมสเปกฮาร์ดแวร์ของ iPhone 7 (สำหรับรุ่น Plus จะแตกต่างกันแค่ขนาดหน้าจอ, แบตเตอรี่ และกล้อง)
กล้อง
กล้องของ iPhone 7 และ iPhone 7 Plus แตกต่างกัน จุดต่างที่สำคัญคือรุ่น Plus เป็นกล้องคู่สองตัว มีรายละเอียดดังนี้
กล้องของ iPhone 7 (รุ่นไม่ Plus) มีความละเอียด 12MP, มี OIS เพิ่มเข้ามาแล้ว, เลนส์ 6 ชิ้น พร้อม Image Signal Processor ตัวใหม่ทำงานได้ดีกว่าเดิม ส่วนกล้องหน้าอยู่ที่ 8MP
กล้องของ iPhone 7 Plus เป็นกล้องคู่ตามข่าวลือ การใช้กล้องคู่ที่ความยาวเลนส์ไม่เท่ากัน ช่วยให้ซูม optical ได้ 2x และใช้ซูม digital ได้อีก 5x รวมระยะซูมทั้งหมดเป็น 10x
กล้องคู่ของ iPhone 7 Plus ยังสามารถถ่ายภาพหลังละลายหรือทำ bokeh ได้เหมือนกับกล้อง DSLR ขนาดใหญ่ได้แล้ว กลไกเบื้องหลังคือใช้กล้องสองตัวสแกนภาพที่เห็นแล้วสร้างโมเดล 3 มิติขึ้นมาเพื่อแยกแยะว่าวัตถุไหนอยู่ด้านหน้า อะไรคือพื้นหลัง แล้วทำให้ส่วนที่เป็นด้านหลังเบลอลงไป
เสียง
ลำโพงคู่สเตอริโอ (ด้านบนและด้านล่าง) และเพิ่มระดับความดังของเสียงได้มากกว่าเดิม
ส่วนระบบหูฟังก็ตรงตามข่าวลือคือตัดแจ็ค 3.5 มม. ออก เปลี่ยนมาเป็นพอร์ต Lightning แทน ในชุดจะมีหูฟังแบบใหม่แถมมาให้ และมีตัวแปลงสาย 3.5 มม. มาเป็น Lightning มาให้ด้วยเช่นกัน โดย Apple บอกว่านี่เป็น "ความกล้าหาญ" ที่จะเปลี่ยนจากสิ่งเดิมๆ เพื่อให้มีเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าขึ้น และช่วยประหยัดพื้นที่ภายในเครื่องด้วย
(ใครจะใช้หูฟังระดับเทพระดับพระกาฬหรือหูฟังตลาดนัดในขนาด 3.5 มม. เรามีตัวแปลงให้นะ)
หูฟังไร้สาย
นอกจากนี้ แอปเปิลยังเปิดตัวหูฟังไร้สาย AirPods ที่มีความฉลาดสามารถตรวจจับได้ว่าคุณใส่หูฟังเข้าไปในหูหรือยัง และมีเซ็นเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหว เพื่อใช้สั่งการ Siri ได้ด้วย เมื่อเปิดกล่องหูฟังมาก็จะเชื่อมต่อกับ iPhone ได้ทันที
แบตเตอรี่ของ AirPods ใช้ได้นาน 5 ชั่วโมง และใช้วิธีชาร์จผ่านกล่องเก็บหูฟัง AirPods
แต่หูฟังไร้สายนี้ไม่ได้แถมมาในกล่อง iPhone 7 นะ ซึ่งคุณสามารถซื้อเพิ่มได้ในราคาเพียง 5,500 บาท
ราคา และวันกำหนดวางขาย และวันที่ iPhone 7 จะเข้าไทย
iPhone 7 ตั้งราคาเดิมคือเริ่มต้นที่ประมาณ 23,000 บาท มี 3 ความจุให้เลือกคือ 32/128/256 GB (สี Jet Black มีแค่ 128/256GB)
iPhone 7 Plus ตั้งราคาเริ่มต้นที่ประมาณ 27,000 บาท โดยมีความจุให้เลือกเหมือนกับ iPhone 7
การเปิดตัว iPhone 7 และ iPhone 7 Plus ทำให้แอปเปิลมี iPhone วางขายทั้งหมด 5 รุ่น โดยขยับ iPhone 6s / 6s Plus ไปอยู่ตรงกลาง ลดราคาให้ถูกลง แต่ก็เพิ่มความจุให้เท่าตัวเป็น 32/128GB
iPhone 7 จะเริ่มวางขายวันที่ 16 กันยายนนี้ ในประเทศกลุ่มแรกดังนี้
โดยวันจำหน่ายในประเทศไทยหนือวันที่ iPhone 7 จะเข้าไทย นั้น ยังไม่มีการเผยออกมา