เรื่องราวสุดซึ้ง! เมื่อชายหนุ่มได้พบกับพี่ชายเกย์ที่หายสาปสูญไป
เตรียมหยิบทิชชู่กันขึ้นมา เพราะเรื่องราวของครอบครัวต่อไปนี้ อาจจะทำให้คุณถึงกับกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่เลยทีเทียว เมื่อประมาณ 3 เดือนที่แล้ว มีผู้ใช้เว็ปไซต์ Reddit คนหนึ่ง ซึ่งเราจะเรียกเขาว่า ‘จอน’ ได้ค้นดูของเก่าๆของเขาและเขาก็ได้ค้นพบ Nintendo 64 ซึ่งเป็นวิดีโอเกมส์สมัยที่เขายังเด็กๆมันทำให้เขาเกิดจำเหตุการณ์บางอย่างตอนเด็กๆได้
ตอนนั้น เขายังเป็นเด็กอยู่ เขาจำได้ว่าเขากำลังเล่นอยู่ให้ห้องกับ Ryan พี่ชายของเขาวัย 16 ปี ที่ทำหน้าที่ดูแลเขา และบางครั้งก็จะมีชายคนหนึ่งซึ่งมีอายุ รุ่นราวคราวเดียวกับพ่อของเขามาเล่นกับเขาด้วย พี่ชายของเขามักจะ พาเขาขึ้นรถเขนไปในที่ต่างๆ และดูแลเขาด้วยดีมากตลอด
วันหนึ่งในขณะที่จอนหลับแล้วตื่นขึ้นมา เขาพบว่าพี่ชายของเขากำลังกระซิบกระซาบกันชายคนนั้น ในทำนองที่ว่า “เขาหลับแล้ว ” และบางอย่างที่เขาได้ยินไม่ชัดแต่ เขาก็พอที่จะจำหนึ่งคำได้ คือคำว่า “มาหา”
เช้าวันถัดมา พ่อแม่ของจอนได้ออกไปทำงาน ทิ้งให้เขาอยู่กับพี่เขาสองคน เขารู้สึกได้ว่าพี่ชายของเขามีท่าทีแปลกๆ เอาแต่คอยมองดูนาฬิกา แต่ในตอนบ่ายของวันนั้น จอนจำได้ว่า พี่ของเขาได้ขอให้เขาเข้าไปอยู่ในรถเข็น แจต่เขาปฏิเสธและก็เล่นวิดีโอเกมต่อไป พี่ชายของเขาได้ขอร้องเขาอีกครั้ง แต่เขาก็ยังบอกปฏิเสธ
‘หลังจากนั้น เขาก็บอกผมว่า เขาจะไปเอาของที่บ้านเพื่อนแถวๆนี้ ซึ่งผมก็จำไม่ค่อยได้ว่าเขาพูว่าอย่างไร แต่ผมจำได้ว่าเขาบอกผมว่า อย่าเปิดประตูให้ใครเด็ดขาด นอกจากพ่อและแม่เท่านั้น จากนั้นผมก็ตะโกนออกไปอย่างไม่คิดอะไร ว่า ‘โอเค’เพราะผมกำลังเล่นเกมอย่างสนุกสนาน ‘ จอนเล่าผ่านเว็ปไซต์ Reddit
‘หลังจากนั้น เขาก็กอดผม และบอกว่าเขารักผม หลังจากนั้นเขาก็ไม่เคยกลับมา’
ไรอันถูกระบุว่าเป็นบุคคลสาปสูญ เวลาผ่านไป เรื่องก็ค่อยๆจางลง จอนก็ค่อยๆโตขึ้น โดยเก็บเรื่องพี่ชายของเขาไว้ในความทรงจำชวนสงสัยตลอดมา
มีอยู่ช่วงหนึ่งที่จอนได้เข้าเรียนในวิทยาลัย เขาได้รับเลือกให้เป็นตัวแทนนักกีฬาของทีมวิทยาลัย เขาจึงมีโอกาสได้ออกโทรทัศน์ช่องกีฬา ESPN หลังจากนั้น 2-3 วัน เขาก็ได้รับตะกร้าของขวัญเป็นขนมที่เขาเคยกินเป็นประจำสมัยเด็กๆ เขาคิดว่าพ่อแม่คงส่งมา เขาจึงโยนการ์ดทิ้ง และกินขนมในตะกร้าจนหมด หลังจากนั้นเขาได้โทรไปหาพ่อแม่เขาเพื่อที่จะขอบคุณ แต่พ่อแม่เขาก็ปฏิเสธิว่าพวกเขาไม่ได้เป็นคนส่งตะกร้าขนมหวานนี้ให้เขา ความคิดเรื่องพี่ชายเขาจึงผุดมาอีกครั้ง เพราะตอนเด็กๆพี่ชายเขาชอบเข็นรถเข็นพาเขาไปซื้อขนมอยู่เสมอ ถึงแม้ว่าแม่จะด่าเมื่อรู้เข้าก็ตาม
หลังจากนั้นเขาพยายามหาการ์ดที่ติดมากับตะกร้าของขวัญ เท่าไหร่ก็หาไม่พบ
จอนได้ตัดสินใจติดต่อไปยังเจ้าหน้าที่ ที่ทำคดีพี่ชายเขา เขาก็ได้แต่สงสัยว่าพี่ชายของเขายังมีชีวิต เป็นสุขดีอยู่หรือเปล่า
หลังจากนั้นเขาก็ได้ทราบว่า พี่ชายของเขาไม่ได้อยู่ในเคสคนหายอีกต่อไป เจ้าหน้าที่พบเขาแล้ว และได้แจ้งกับพ่อและแม่ของเขาแล้ว ว่าพบตัวพี่ชายของเขาแล้ว พี่ชายของเขาเป็นเกย์และพักอยู่กับผู้ชายคนหนึ่ง ซึ่งนั่นทำให้พ่อและแม่ของเขาโกรธมาก
ไม่ว่าไรอัน พี่ชายของเขาจะพยายามส่งจดหมายมาที่บ้านมากเท่าไหร่ พ่อและแม่ของเขาก็เอาแต่โยนทิ้ง และยังปิดบังความจริงเรื่องพี่ชายของเขาตลอดมา
‘พวกเขาเกลียดพี่ชายของผม เพียงเพราะพี่ชายผมเป็นเกย์ พวกเขาปิดบังความจริงกับผมมาทั้งชีวิต พี่ชายผม พลาดวันเกิดหลานชายเขา พลาดงานแต่งงาน และงานรับปริญญาของผม เขาพลาดทุกอย่าง เพียงเพราะพ่อแม่ของผม พวกเขาโกหกผม’
จอนยังได้บอกเพิ่มเติ่มว่า ‘หลังจากนั้นผมตัดสินใจขอเบอร์พี่ชายของผมจากทางเจ้าหน้าที่ ซึ่งพี่ชายผมได้ทิ้งไว้โดยไม่ปิดบังใดใด แต่ผมก็ยังไม่กล้าโทรไปอยู่ดี ผมมีที่อยู่เขาแต่ที่อยู่ของเขาแทบจะอยู่คนละฝั่งของประเทศที่ผมอยู่เลย แต่พี่ผมยังอยู่ เขายังมีชีวิตอยู่ !’ เขาพูดเสริมต่อว่า ‘ผมไม่ได้พูดคุยกับพ่อแม่มาหลายสัปดาห์แล้ว และยังไม่รู้ว่าจะคุยอีกเมื่อไหร่ ทั้งหมดนี้ไม่ใช่เพราะสิ่งที่พวกเขาทำกันผม หรือ ทำกับพี่ชายผมหรอกนะ’
หลังจากไม่กี่วันที่เขาได้โทรหาพ่อแม่ของเขา เขาก็ได้เล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ภรรยาของเขาฟัง (ภรรยาของเขาเป็นคนผิวสี และพ่อของเขาก็ไม่ยอมคุยกับเขาเช่นกันเป็นเวลากว่าสองปีหลังจากแต่งงานกับเธอ) ภรรยาของเขาก็ได้ยืนยังว่าให้เขาโทรหาพี่ชายเขา
‘หลังจากที่ผมนังครุ่นคิดและดื่มเหล้าไปสองแก้วในตอนบ่ายโมง ผมก็โทรไปที่เบอร์โทรที่ผมมีอยู่ เสียงสัญญาณดังขึ้นสามครั้ง ผมรู้สึกกลัว จึงวางสาย แต่หลังจากนั้น เบอร์ดังกล่าวก็โทรกับมา! ผมสามารถต่อพระเจ้าองค์ไหนก็ได้บนนั้น ว่าผมคิดว่าหัวใจผมกำลังจะหยุดเต้นจริงๆ และผมเกือบจะอาเจียนออกมา และผมก็รับสาย….’ จอนเขียนบรรยาย
‘เสียงแรกทีผมได้ยินมาจากปลายสาย เป็นเสียงผู้ชายหัวเราะมาจากลายเสียง และก็มีเสียงลม และปลายเสียงก็พูดขึ้นว่า ‘นั่นใคร?’ ‘
‘มันคือเสียงของเขา เสียงพี่ชายผม! พี่ชายคนที่หายไปจากผมตลอดทั้งชีวิต ผมปิดปากด้วยมือที่สั่นเทาของผม และพี่ชายของผมก็ยังคงถามต่อไปว่า ผมคือใคร หลังจากนั้น พี่ชายผมก็วางสายไป ผมโทรกลับไปอีกครั้ง และเขาก็รับ!…’
‘สิ่งแรกที่ผมพูดออกไปด้วยหัวสมองเบลอๆ และคิดมาตลอดว่าเขาตายไปแล้วคือ ‘ผมได้เบอร์มา”
‘เขาถามผมว่า ผมเป็นใคร และต้องการอะไร ผมจึงพูดว่า ‘ผมเอง’ หลังจากนั้นบทสนทนาก็เข้าสู่โหมดเงียบ ผมคิดว่าสายคงหลุดไปแล้ว แต่หลังจากนั้นผมก็ได้ยินเขาบอกให้บางคนปิดเสียงวิทยุและปิดหน้าต่าง เสียงรบกวนต่างๆจึงหายไป หลังจากนั้นเขาถามชื่อผม ผมก็บอกเขาไป แต่เขาคิดว่าผมโกหก ผมบอกเขาว่าผมได้เบอร์มาจากเจ้าหน้าที่เครือข่ายดูแลเด็กหาย หลังจากนั้นผมสัมผัสได้ว่าเขาถึงกับผงะ เขาถามผมถึงสีเชือกรองเท้าที่เขาใส่ไปปิกนิคตอนเด็ก ผมจำได้ว่าแม่ผมบ่นมากที่พี่ชายรองเท้าสีน้ำเงินกับเชือกรองเท้าสีส้ม นั่นคือครั้งสุดท้ายที่พวกเราอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันเป็นครอบครัว ‘
‘ผมบอกได้เลยว่า เขาร้องไห้ และสิ่งแรกที่เขาถามผมว่าผมอยู่ในคือ “เธออยู่ไหน?” และผมก็บอกเขาไปว่าผมพักอยู่ห่างจากบ้านของพ่อแม่ประมาณ2-3 ชั่วโมง หลังจากนั้นเขาไปบอกผมอย่างไม่ลังเลว่า ‘ฉันกำลังไปหา’ ‘
หลังจากนั้น พี่ชายของเขาก็บินตรงไปหาเขา ในวินาทีที่เขาได้พบกับพี่ชายของเขา เขาเล่าว่า เขารู้ทันทีว่าเป็นพี่ชายเขา เขาพลักป้าคนหนึ่งที่ยืนบังอยู่เพื่อวิ่งไปกอดพี่ชายเขา
หลังจากนั้นพี่ชายเขาก็ใช้เวลาพักอยู่ที่บ้านเขาร่วมสองอาทิตย์ พี่ชายของเขาได้เล่าให้เขาฟังว่า เขาได้แต่งงานแล้ว มีลูกที่น่ารักสองคน
สามีของเขาเป็นหมอ และเขาก็มีบริษัทเป็นของตัวเอง มีชีวิตที่ดี
และในระหว่างที่พี่ชายเขามาพักกับเขานั้น สามีและลูกๆของพี่ชายเขาก็ตามมาสมทบด้วย มันช่างเป็นช่วงเวลาที่วิเศษที่สุด
และเร็วนี้ จอนก็ได้วางแผนที่จะย้ายไปอยู่ใกล้ๆ ไรอันพี่ชายของเขา เพื่อชดเชยเวลาที่หายไป ซึ่งภรรยาของเขาก็เห็นด้วย