Share Facebook LINE Twitter
หน้าแรก เว็บบอร์ด Chat ตรวจหวย ควิซ คำนวณ Pageแชร์ลิ้ง
หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

จำนวนประชากรน้อยที่สุดในอาเซียน แต่รายได้ต่อหัวสูงติดอับดับ 5 ของโลก ""บรูไน""

โพสท์โดย landing ufo

ที่บรูไนสวัสดิการผู้สูงอายุได้ทุกคนเดือนละ 7 พันบาท  และอื่นๆอีกมากมาย

ถึงเราจะเลือกเกิดไม่ได้ ก็ขอใช้ชีวิตแบบไทยพอเพียง   

 

ร่ำรวยไปด้วยขุมทรัพย์ใต้ดิน ...ทั้งน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติ

              คงไม่มีใครปฏิเสธว่า จุดแข็งของประเทศบรูไนที่หลายประเทศทั่วโลกต่างอิจฉาคือ ความอุดมสมบูรณ์ของแหล่งน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติ ซึ่งถือเป็นทรัพยากรหลักของประเทศ รวมทั้งยังเป็นสินค้าส่งออกหลักซึ่งสร้างรายได้จำนวนมหาศาลเข้าประเทศในช่วงกว่า 80 ปีที่ผ่านมา โดยพบว่ารายได้จากการส่งออกน้ำมันและก๊าซธรรมชาติมีสัดส่วนมากถึงกว่า 95% ของมูลค่าการส่งออกทั้งหมดของประเทศ หรือคิดเป็นกว่า 60% ของ GDP และราว 94% ของรายได้ภาครัฐในแต่ละปีเลยทีเดียว จึงไม่น่าแปลกที่วงจรเศรษฐกิจของบรูไนมีความสัมพันธ์ค่อนข้างมากกับทิศทางการเคลื่อนไหวของราคาพลังงานในตลาดโลก ทั้งนี้ จากข้อมูลพบว่า บรูไนเป็นประเทศผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่อันดับ 4 ของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้  รองจากอินโดนีเซีย เวียดนาม และมาเลเซีย โดยมีกำลังการผลิตรวมอยู่ที่ราว 2 แสนบาร์เรลต่อวัน ยิ่งไปกว่านั้น บรูไนยังเป็นประเทศผู้ผลิตก๊าซธรรมชาติเหลว (Liquid Natural Gas: LNG) รายใหญ่อันดับ 4 ของโลกอีกด้วย โดยมีบริษัทปิโตรเลียมแห่งชาติ (Brunei National Petroleum Company Sedirian Berhad หรือ Petroleum BRUNEI) เป็นหน่วยงานหลักที่ทำหน้าที่กำหนดนโยบายด้านน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อสร้างความมั่งคั่งให้กับประเทศ ด้วยการนำรายได้จากการส่งออกน้ำมันและพลังงานไปลงทุนหรือร่วมทุนในต่างประเทศ



จำนวนประชากรน้อยที่สุดในอาเซียน แต่รายได้ต่อหัวสูงติดอับดับ 5 ของโลก

           แม้ว่าบรูไนจะเป็นประเทศที่มีขนาดเล็กเป็นอับดับ 2 ในกลุ่มอาเซียน รองจากสิงคโปร์ และมีจำนวนประชากรที่น้อยที่สุดในกลุ่มและน้อยกว่าไทยถึงราว 165 เท่าตัวก็ตาม แต่รายได้จากการขายน้ำมันและก๊าซธรรมชาติกลับทำให้บรูไนถูกจัดให้เป็นประเทศที่อยู่ในกลุ่ม Upper income class และมีรายได้ประชากรต่อหัว (Income per capita) สูงเป็นลำดับที่ 2 ของกลุ่มอาเซียน โดยพบว่าชาวบรูไนมีรายได้เฉลี่ยต่อหัวกว่า 49,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อปี ซึ่งสูงกว่ารายได้ต่อหัวของคนไทยถึงกว่า 5 เท่าตัวเลยทีเดียว สะท้อนให้เห็นถึงกำลังซื้อจำนวนมหาศาลของผู้บริโภคชาวบรูไน รวมทั้งโอกาสและศักยภาพในการเติบโตของธุรกิจด้านต่างๆ อีกมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งตลาดสินค้าอุปโภคบริโภคประเภทธุรกิจค้าปลีก  ยิ่งไปกว่านั้น บรูไนยังมีจำนวนประชากรในวัยทำงาน หรือ กลุ่ม Labor force มากถึงราว 70% ของประชากรทั้งหมด ซึ่งนับเป็นกลุ่มผู้บริโภคที่มีรายได้และกำลังซื้อในการจับจ่ายใช้สอยสินค้าและบริการต่างๆ รวมทั้งยังเป็นกลุ่มที่มีแนวโน้มตอบสนองต่อกลยุทธ์ทางการตลาดได้เป็นอย่างดีอีกด้วย

 

At the crossroads of change ... มุ่งสร้างความหลากหลายทางเศรษฐกิจ ลดการพึ่งพาน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ

          แน่นอนว่า ความท้าทายสำคัญที่ประเทศบรูไนกำลังจะต้องเผชิญในอีกราว 25 ปีนับจากนี้ คือ การหมดลงของน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติซึ่งเปรียบเสมือนขุมทองที่สร้างรายได้เข้าประเทศมาอย่างยาวนาน ดังนั้น สิ่งที่ผู้นำประเทศและรัฐบาลบรูไนจำเป็นต้องเตรียมรับมืออย่างเร่งด่วนเพื่อชดเชยกับรายได้จำนวนมหาศาลที่กำลังจะหายไปในอนาคต คือ การปรับเปลี่ยนและปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจของประเทศให้มีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น (Economic diversification) เพื่อลดการพึ่งพาน้ำมันและก๊าซธรรมชาติสูงอย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน และช่วยให้เศรษฐกิจสามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืนในระยะยาว โดยได้กำหนดแผนยุทธศาสตร์เพื่อการพัฒนาประเทศที่มีชื่อว่า "วิสัยทัศน์บรูไน 2578" หรือ "Wawasan Brunei 2035" ซึ่งให้ความสำคัญกับการพัฒนาภาคเศรษฐกิจอื่นๆ โดยเฉพาะ "non-energy based sectors" ควบคู่กันไปด้วย ทั้งนี้  priority area ที่รัฐบาลบรูไนมุ่งให้ความสำคัญเป็นลำดับแรกๆ คือ การติดเขี้ยวเล็บและสร้างความเข้มแข็งให้แก่ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ส่งเสริมการพัฒนาอุตสาหกรรมพลังงานทางเลือก รวมไปถึงการพัฒนาอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับภาคเกษตรเพื่อใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่ ทั้งป่าไม้ ประมง และแร่ทรายขาว ให้เกิดประโยชน์สูงสุด รวมทั้งการพัฒนาอุตสาหกรรมอาหารฮาลาล ซึ่งเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่รัฐบาลบรูไนต้องการผลักดันและสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งเพื่อเป็นหลักประกันในการสร้างความมั่งคั่งและส่งเสริมการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจในยุคที่ไร้น้ำมัน

          นอกจากนี้ มาตรการและยุทธศาสตร์อื่นๆ ที่มีส่วนช่วยสร้างความหลากหลายทางเศรษฐกิจ ได้แก่ การจัดตั้งสภาที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจที่มุ่งส่งเสริมให้ภาคเอกชนเข้ามามีส่วนร่วมในการกำหนดทิศทางการพัฒนาเศรษฐกิจมากขึ้น ส่งเสริมการลงทุนจากต่างประเทศและการร่วมทุนกับต่างชาติ สนับสนุนการแปรรูปรัฐสาหกิจ สนับสนุนการเปิดเสรีการค้าและสร้างบรรยากาศการลงทุนที่เอื้ออำนวยต่อนักลงทุน ตั้งเป้าเป็นศูนย์กลางการค้าและการท่องเที่ยวในภูมิภาคอาเซียน ขยายฐานการจัดเก็บภาษี ปรับเปลี่ยนยุทธศาสตร์การลงทุนในต่างประเทศ โดยหันมาลงทุนในธุรกิจใหม่ๆ ที่มีความเสี่ยงต่ำ รวมไปถึงการขยายความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน และสร้างความแข็งแกร่งของระบบการเงินภายในประเทศเพื่อมุ่งสู่การเป็นศูนย์กลางด้านการเงินระหว่างประเทศ เป็นต้น  

 

แต่ "Vision Brunei" คงไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นได้ง่ายนัก ท่ามกลางความท้าทายและข้อจำกัดในประเทศอีกหลายด้าน

         แม้ว่ารัฐบาลบรูไนจะตั้งเป้ายุทธศาสตร์ระยะยาวและวาดฝันอันสวยหรูในการพัฒนาประเทศด้วยการมุ่งสร้างความหลากหลายทางโครงสร้างเศรษฐกิจเพื่อลดการเศรษฐกิจภาคพลังงานอย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบันก็ตาม แต่เราเชื่อในอนาคตอันใกล้ เป้าหมายดังกล่าวคงจะประสบความสำเร็จได้ไม่ง่ายนัก จากข้อจำกัดและความไม่พร้อมหลายๆ ประการของประเทศบรูไนเอง

ความท้าทายสำคัญประการแรก คือ "ปัญหาขาดแคลนแรงงาน" โดยเฉพาะช่างฝีมือ เพราะแม้ว่าบรูไนจะมีจำนวน                 ประชากรที่ได้รับการศึกษาและมีอัตราการรู้หนังสือ (Literacy rate) อยู่ในระดับสูงก็ตาม แต่บุคคลากรเหล่านี้กลับไม่มีความรู้ความสามารถในระดับมาตรฐานสากล และไม่มีความเชี่ยวชาญที่หลากหลายในการปฏิบัติงาน เนื่องจากชาวบรูไนส่วนใหญ่ยังคงนิยมเลือกเรียนในสาขามนุษยศาสตร์ ศาสนา หรือนโยบายสาธารณะมากกว่า ขณะที่ผู้ที่เลือกเรียนในสาขาเศรษฐศาสตร์ บริหารธุรกิจ หรือวิศวกรรม ยังถือว่ามีอยู่น้อยมาก ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยจำนวนประชากรที่มีอยู่น้อยมากจึงทำให้มีจำนวนแรงงานเข้าสู่ตลาดแรงงานในประเทศน้อยตามไปด้วย และไม่เพียงพอต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและภาคอุตสาหกรรม ส่งผลให้บริษัทภาคเอกชนส่วนใหญ่จำเป็นต้องพึ่งพาแรงงานต่างชาติเป็นจำนวนมาก ซึ่งเราเชื่อว่าการพัฒนาและปรับโครงสร้างเศรษฐกิจของบรูไนในระยะเริ่มต้น คงมีความจำเป็นต้องพึ่งพาแรงงานฝีมือจากต่างชาติที่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญในงานต่อไปอีกระยะหนึ่ง ดังนั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดในขณะนี้คือ การเตรียมความพร้อม รวมทั้งเร่งยกระดับและพัฒนาศักยภาพของบุคลากรและแรงงานบรูไนให้สามารถปรับตัวและตอบสนองต่อความต้องการของตลาดแรงงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อช่วยขับเคลื่อนประเทศให้เดินหน้าต่อไปอย่างมั่นคงและมีเสถียรภาพต่อไป 

            ประการถัดมาคือ "ข้อจำกัดในด้านพื้นที่" ด้วยลักษณะประเทศของบรูไนที่มีขนาดเล็ก จึงทำให้เป็นอุปสรรคสำคัญต่อการพัฒนาประเทศ ดังนั้น บรูไนจึงควรมุ่งเน้นการพัฒนาเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมให้หลากหลายด้านไปพร้อมกัน รวมทั้งควรมีการประเมินความเหมาะสมและผลตอบแทนของกิจการอย่างเหมาะสม เพื่อให้การใช้ประโยชน์จากพื้นที่เกิดประโยชน์สูงสุด

            และความท้าทายประการสุดท้ายคือ "ตลาดภายในประเทศที่มีขนาดเล็ก"  แม้ว่าชาวบรูไนจะได้ชื่อว่ามีกำลังซื้อและรายได้เฉลี่ยต่อหัวสูงเป็นอันดับสองของกลุ่มอาเซียนและติดลำดับต้นๆ ของโลกก็ตาม และมีปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งก็ตาม แต่ด้วยจำนวนประชากรที่มีอยู่น้อยมาก จึงอาจทำให้บรูไนไม่ใช่ตลาดที่น่าสนใจมากนักสำหรับนักลงทุนต่างชาติที่คิดจะเข้ามาลงทุนทำธุรกิจเพื่อเปิดตลาดในประเทศแห่งนี้ หรือแม้กระทั่งในฐานะตลาดส่งออกที่มีศักยภาพในการเติบโต ซึ่งปัจจัยดังกล่าวเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้บรูไนเสียเปรียบชาติอื่นๆ ในการเป็นแหล่งดึงดูดเม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติ

 

แล้วโอกาสสำหรับนักลงทุนต่างชาติอยู่ที่ไหน ?        

          ต้องยอมรับว่าบรูไนเป็นประเทศที่ให้ความสำคัญกับการลงทุนจากต่างประเทศค่อนข้างมาก สะท้อนได้จากนโยบายด้านการลงทุนที่ค่อนข้างเปิดกว้างและเสรี ไม่ว่าจะเป็นการอนุญาตให้ต่างชาติสามารถลงทุนและถือหุ้นได้ 100% ในเกือบทุกสาขา หรือแม้แต่การให้สิทธิพิเศษทางภาษีสำหรับบริษัทที่ไม่ได้ทำธุรกิจด้านน้ำมันนานถึง 8 ปี รวมทั้งการปรับลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลจาก 30% เหลือ 20% เพื่อเป็นกลยุทธ์ในการดึงดูดธุรกิจข้ามชาติให้เข้ามาลงทุนในบรูไน

ทั้งนี้ นอกจากโอกาสด้านการลงทุนในธุรกิจด้านพลังงานซึ่งเปรียบเสมือนแม่เหล็กดูดเงินลงทุนในปัจจุบันแล้ว อุตสาหกรรมอื่นๆ ที่มีความน่าสนใจและมีศักยภาพด้านการลงทุนในบรูไนยังมีอยู่อีกมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งอุตสาหกรรมที่เน้นการผลิตเพื่อส่งออกเป็นหลัก (Export-oriented industry) และภาคบริการ ซึ่งเป็นสาขาการลงทุนที่รัฐบาลบรูไนให้การสนับสนุนและส่งเสริมการลงทุนมากเป็นพิเศษ รวมไปถึงโอกาสด้านการลงทุนในธุรกิจค้าส่งค้าปลีก อสังหาริมทรัพย์และโครงสร้างพื้นฐาน รวมทั้งธุรกิจบริการขนส่งและโทรคมนาคม ซึ่งเราน่าจะเริ่มเห็นแนวโน้มการลงทุนจากต่างชาติในอุตสาหกรรมเหล่านี้เพิ่มมากขึ้นเป็นลำดับในระยะต่อไป

อนึ่ง จากการประเมินโอกาสและศักยภาพในการพัฒนาภาคอุตสาหกรรมของประเทศในระยะสั้นถึงระยะปานกลาง การมุ่งสู่การเป็นศูนย์กลางด้านอุตสาหกรรมปิโตรเคมีของภูมิภาคคือโอกาสทางธุรกิจที่น่าสนใจ ซึ่งนอกจากจะเป็นการต่อยอดในการพัฒนาและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับอุตสาหกรรมขั้นปลายน้ำ (Downstream industry) ของธุรกิจน้ำมัน ซึ่งเป็นสาขาที่บรูไนมีความรู้ความเชี่ยวชาญเป็นพิเศษและมีความได้เปรียบในการแข่งขันอยู่แล้ว รวมทั้งยังเป็นอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ที่มีส่วนช่วยสร้างงานในประเทศจำนวนมาก และเป็นช่องทางในการสร้างฐานความรู้และทักษะด้านวิศวกรรมให้กับแรงงานภายในประเทศ ซึ่งถือเป็นพื้นฐานที่สำคัญในการพัฒนาทักษะด้านต่างๆ และประยุกต์ใช้ในภาคอุตสาหรรมการผลิตอื่นๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้นตามมาในอนาคตอีกด้วย   

 

Key takeaways:

แม้ว่าบรูไนจะเป็นประเทศที่มีมั่งคั่งไปด้วยน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ แต่ยังมีข้อจำกัดที่สำคัญหลายประการ โดยเฉพาะปัญหาขาดแคลนแรงงาน และตลาดภายในประเทศที่มีขนาดเล็ก

ปัจจุบันรัฐบาลบรูไนกำลังอยู่ระหว่างการเร่งปฏิรูปโครงสร้างทางเศรษฐกิจของประเทศให้มีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น ภายใต้แผนยุทธศาสตร์เพื่อการพัฒนาประเทศที่มีชื่อว่า "วิสัยทัศน์บรูไน 2578" โดยจะให้ความสำคัญกับการพัฒนาภาคเศรษฐกิจอื่นๆ โดยเฉพาะ non-energy based sector ควบคู่กันไปด้วย

"อุตสาหกรรมปิโตรเคมี" ถือเป็นโอกาสทางธุรกิจที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนต่างชาติ เพราะเป็นการต่อยอดการเติบโตจากธุรกิจน้ำมันซึ่งเป็นจุดแข็งของประเทศ ไปสู่อุตสาหกรรมขั้นปลายน้ำที่ช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มมากขึ้น

รัฐบาลบรูไนควรให้ความสำคัญกับการพัฒนาด้านการศึกษามากขึ้น โดยเฉพาะสาขาบริหารธุรกิจ เศรษฐศาสตร์ วิศวกรรม และอุตสาหกรรม เพื่อป้อนแรงงานที่มีความรู้ความสามารถและมีคุณภาพเข้าสู่ตลาดแรงงาน รองรับการปฏิรูปประเทศในอนาคต

 

ท่าเรือเฟอรี่บรูไน

 

10 สิ่งน่ารู้เมื่อไปเยือนบรูไน

1.เวลาที่ประเทศบรูไนเร็วกว่าประเทศไทย 1 ชั่วโมง
2.คุณสามารถใช้จ่ายด้วยเงินสกุลดอลลาร์บรูไนและดอลลาร์สิงคโปร์
3.คุณสามารถเช่ารถขับได้จากสนามบิน ถนนดีจึงขับรถง่ายและน้ำมันที่บรูไนถูกมาก
4.คุณควรหยุดรถเพื่อให้คนข้ามทางม้าลายทุกครั้ง
5.ประเทศบรูไนมีความปลอดภัยสูงและสวัสดิการดีเยี่ยม
6.บางสถานที่จะปิดทำการวันศุกร์ เพราะถือเป็นวันศุกสิทธิ์ตามหลักศาสนาอิสลาม
7.การติดต่อธุรกิจกับบรูไน คุณไม่ควรพูดคุยเรื่องงานเพียงอย่างเดียวควรรู้จักสนิทสนมกันอย่างจิงใจด้วย
8.การเปิดไฟกระพริบหน้ารถเป็นสัญญาณให้ทางต่างจากไทยที่เตือนไม่ให้ขับข้ามเลน
9.ไม่ควรถ่ายรูปเมื่อเข้าไปภายในศาสนสถาน เช่น มัสยิส
10.ย่านกาดอง (Gadong) คือแหล่งช็อปปิ้ง กิน ดื่ม เที่ยว รวมถึงแหล่งที่คุณจะซื้อของฝากกลับบ้านด้วย

 

อาหารบรูไน แป้งข้นๆทานร้อนๆพร้อมเครื่องเคียง

ขอบคุณที่มา: http://Kero uAsean.com
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
landing ufo's profile


โพสท์โดย: landing ufo
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
28 VOTES (4/5 จาก 7 คน)
VOTED: Dont sweat it, zerotype, Macus, bgs
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
เขาคือผู้ชายที่หล่อ และดูดีที่สุดในกัมพูชา ณ เวลานี้
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
เขาคือผู้ชายที่หล่อ และดูดีที่สุดในกัมพูชา ณ เวลานี้รวมความหล่อ กองประกวดหนุ่ม กับชุดแฟชั่น งานนี้ โดนตาคนใหน เชียร์คนใหนกันดี กับ รอบ Fashion show Mister Majestic Cambodia 2025
ตั้งกระทู้ใหม่
หน้าแรกเว็บบอร์ดหาเพื่อนChatหาเพื่อน Lineหาเพื่อน SkypePic PostตรวจหวยควิซคำนวณPageแชร์ลิ้ง
Postjung
เงื่อนไขการให้บริการ ติดต่อเว็บไซต์ แจ้งปัญหาการใช้งาน แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม ข่าวประชาสัมพันธ์ ลงโฆษณา
เว็บไซต์นี้ใช้ Cookie
เพื่อประสบการณ์ที่ดีและการใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ดูข้อมูลเพิ่มเติม อ่านนโยบายการใช้งาน
ตกลง