สิงโตกินคนแห่งซาโว
“Prey For The Hunters”
.
คำโปรยบนโปสเตอร์ของภาพยนตร์เรื่อง The Ghost and the Darkness ผลงานกำกับของสตีเฟ่น ฮอปกินส์ในปี 1996 นับว่าเป็นหนึ่งในหนังสัตว์กินคนที่โด่งดังไม่ใช่น้อยในยุคนั้นและนำแสดงด้วยดาราเกรดเอในเวลานั้นอย่าง วัล คิมเมอร์ และ ไมเคิ่ล ดักลาส แน่ล่ะว่า เรื่องราวของสิงโตนี้ดัดแปลงมาจากหนังสือของผู้พันจอห์น เฮนรี่ แพ็ตเตอร์สัน ที่มีชื่อว่า The Man-Eaters of Tsavo ที่ดัดแปลงมาจากเรื่องจริงของการเผชิญหน้าของเขากับสิงโตที่ซาโว
.
ย้อนเวลากลับไปในปี1898
.
จักรวรรดินิยมอังกฤษกำลังแผ่ขยายไปทั่วอย่างไร้ขีดจำกัดตั้งแต่รุกคืบกลืนกินเอเชียตะวันออก บุกยึดอินเดียและตะวันออกกลาง กลืนกินอียิบต์จนกระทั่งแผ่ขยายอำนาจในแอฟริกา ตอนนั้นจักรวรรดิอังกฤษได้รับฉายา ดินแดนที่พระอาทิตย์ไม่มีวันตกดิน นั่นก็เพราะ ไม่ว่ามุมไหนบนโลกก็ต้องได้เห็นพระอาทิตย์แทบทั้งนั้น
.
ที่ประเทศเคนยาเองก็เช่นกัน
.
ที่นี่เป็นหนึ่งในประเทศอาณานิคมของอังกฤษที่จักรวรรดิกำลังวางแผนขยายอาณาเขตของตัวเองให้มากขึ้นด้วยการรุกเข้าไปสู่ดินแดนที่ห่างไกลขึ้น พวกเขาได้เริ่มสร้างทางรถไฟสายยาวเพื่อการขนส่งผู้คนและสิ่งของต่าง ๆ จากประเทศหนึ่งไปยังประเทศหนึ่งขึ้นมา
.
แน่นอนว่า เหตุการณ์มาเกิดขึ้นเมื่อพวกเขาต้องทำการสร้างสะพานข้ามแม่น้ำที่ซาโวในเคนยาเพื่อให้รถไฟสามารถผ่านไปได้ การก่อสร้างเริ่มต้นขึ้นโดยการระดมคนงานมาทำงานกันมากมาย ซึ่งผู้ที่คุมงานก่อสร้างนี้คือ ผู้พันจอห์น เฮนรี่ แพ็ตเตอร์สัน นั่นเอง
.
ทว่าอุปสรรคใหญ่ของเขาก็เกิดขึ้น
.
วันหนึ่งมีข่าวว่า มีคนงานของเขาถูกสัตว์ป่าคาบไปกินในแก๊งค์ ตอนแรกหลายคนคิดว่า คงเป็นข่าวโคมลอยเสียมากกว่า และคนที่หายก็คงจะทนความเหนื่อยากไม่ไหวหนีไปแล้วมากกว่า ทว่า วันต่อ ๆ มา คนก็ค่อย ๆ หายไปเรื่อย ๆ ที่ล่ะคนสองคนในตอนกลางคืน จนกระทั่งมีคนเห็นว่า สิ่งที่ฆ่าคนงานนั้นคือ สิงโตเพศผู้สองตัวที่กำลังโปรดปรานการฆ่าอย่างที่สุด
.
ผู้พันจอห์น เฮนรี่ แพ็ตเตอร์สันได้ยินดังนั้นจึงสั่งให้สร้างรั้วลวดหนามรอบแค้มป์คนงาน และก่อกองไฟให้ทั่วเพื่อขับไล่สิงโตร้ายให้ออกไป แต่ทว่า มันก็ยังเข้ามาได้และลากคนออกไปกินเสมออยู่ดี
.
“มันฉลาดกว่าที่เราคิดซะอีก”
.
ผู้พันจอห์น เฮนรี่ แพ็ตเตอร์สันกล่าว
.
เมื่อมีการโจมตีเกิดขึ้นบ่อยครั้งทำให้พวกคนงานพากันหวาดกลัวแล้วเอาตัวรอดกันไปหมด การสร้างสะพานข้ามแม่น้ำจึงหยุดชะงักลงทันที ผู้พันจอห์น เฮนรี่ แพ็ตเตอร์สัน เองก็ถูกดดันจากต้นสังกัดให้ทำอะไรสักอย่าง เขาจึงตัดสินใจจะออกไล่ล่ามันทันที
.
แต่มันก็ไม่ใช่สิงโตธรรมดาเพราะมันฉลาดมากจนเขาต้องใช้เวลาในการตามล่ามันนานกว่าที่คิด
.
แพ็ตเตอร์สันเล่าว่า เขาได้วางกับดักและซุ่มยิงรอมันหลายครั้งต่อหลายครั้งเท่าที่จะทำได้ แต่มันก็หนีรอดไปได้ทุกครั้ง กระทั่งในที่สุดเขาก็สิงโตตัวแรกได้ในที่สุดในวันที่ 9 ธันวาคม ที่เขาบอกว่า ต้องสู้กับมันอย่างหนักกว่าจะสยบมันได้ แพ็ตเตอร์สันอ้างว่า เขาได้รับบาดเจ็บจากการไล่ล่ามันครั้งนี้ไม่น้อยทีเดียว
.
และสามสัปดาห์ต่อมาเขาก็ฆ่าตัวที่สองได้สำเร็จ
.
ปิดตำนานของสิงโตนักฆ่าลงในที่สุด
.
กล่าวกันว่า สิงโตตัวแรกมีความยาว 9 ฟุต 8 นิ้วและมีน้ำหนักมากจนต้องใช้คนลากซากของมันเข้ามาในแคมป์ทีเดียว
.
แพ็ตเตอร์สันกล่าวว่า เจ้าสิงโตสองคนนี้กินคนไปถึง 135 คนทีเดียว แต่ไม่มีการยืนยันเอกสารอื่นนอกจากคำพูดของเขาคนเดียวเท่านั้น
.
มีทฤษฏีน่าสนใจว่า เหตุใดเจ้าสิงโตสองตัวนี้จึงฆ่าคน ซึ่งด๊อกเตอร์ทางสัตววิทยาได้ให้ความเห็นไว้ น่าจะเกิดขึ้นจากช่วงโรคระบาดที่เกิดขึ้นกับพวกวัวป่าที่ทำให้สิงโตมีแหล่งอาหารน้อยลงประกอบกับที่มีคนจำนวนมากกำลังข้ามแม่น้ำพอดี พวกมันจึงต้องกินคนเป็นอาหารแทน ในขณะที่หลายทฤษฏีมองว่า มันสองตัวถูกวิญญาณผีของแอฟริกาเข้าสิงเพื่อกำจัดศัตรูที่รุกรานชาตินั่นเอง
.
แถมมีทฤษฏีน่าสนใจว่า เจ้าสิงโตตัวแรกฟันหักไม่น่าจะทำอะไรใครได้อีกด้วย ทว่า แพ็ตเตอร์สัน กลับยืนยันว่า ฟันมันหักเพราะกระสุนปืนของเขาต่างหากและหลังจากนั้นมันก็หนีไป
.
ซึ่งเรื่องราวของพวกมันยังคงถูกตั้งคำถามเสมอว่า สรุปแล้วพวกมันเป็นสัตว์กินคนจริง ๆ หรือไม่ รวมทั้งสิ่งที่เกิดขึ้นนี้เกิดขึ้นจริง ๆ มิใช่ แพ็ตเตอร์สัน แต่งนิยายขึ้นมาเองกันแน่
.
ซึ่งสุดท้ายยังไม่สามารถพิสูจน์ได้อยู่จนถึงปัจจุบัน
.
ซึงซากของสิงโตอยู่ในพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ทางธรรมชาติที่ชิคาโก้ทั้งสองตัว ส่วนแพ็ตเตอร์สันเสียชีวิตอย่างสงบด้วยอายุ 79 ปี
.
ปิดตำนานนักล่าสิงโตกินคนไปพร้อม ๆ กัน