ดูละครยังไม่ฟินเท่านี้ เราสองผองเพื่อนไปเที่ยวเมืองกาญจน์ ไปกาญจน์กับเพื่อนครับพ่อ
--- สวัสดีครับ --
กระทู้นี้ เป็นทู้แรกของผมครับ ไม่ได้ตั้งใจมาขายของใดทั้งสิ้นหรือมองแคบๆหน่อยก็คิดซะว่าเป็น ท.อ.ผ. ก็ได้ครับ ผมไม่ซีครับ เพียงแค่อยากนำเสนอสถานที่ดีๆ ในภาพที่ผมอยากจะนำเสนอ หากมีสิ่งใดผิดพลาด หรือความเห็นต่าง ไม่เห็นด้วย หรือโลกไม่กว้างใหญ่พอ ผมต้องขอโทษไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะครับ
วันนี้เป็นวันหยุดของผมสองคนครับ เลยชวนกันไปเที่ยวในหน้าฝน เลยเลือกที่จะไปกาญจนบุรี เพราะบรรยากาศคงดีไม่ใช่น้อยเลย
อ่อเกือบลืม ที่มาในการตั้งกระทู้เกิดจากการขออนุญาตพ่อของผมไปเที่ยว พ่อดันถามว่าไปกับใครบ้าง เอาละสิ ดันหลุดไปว่า
"ไปกับเพื่อนครับพ่อ" เลยเอามาตั้งเป็นชื่อกระทู้เอาซะเลยย เริ่มเลยละกันครับ น้ำมาเยอะละเนื้อๆเลยละกันครับ
•• เริ่มจากการจองตั๋ว ••
ผมสองคนเลือกจองที่พักของ River Kwai Junkle Rafts เพราะดูจากบรรยากาศคงใช้ชีวิตสโลว์ไลฟ์ได้เต็มที่น่าดูเลย
เลยกดจองตั๋ว กับเว็ปไซต์ ของที่พักเลย ช่วงที่จองเป็นวันธรรมดา ดันมีโปรโมชั่นลด 48.5% จองเลยสิครับ ไม่รออะไรเลย จองเสร็จแล้วก็จะได้รับอีเมล์ยืนยันจากที่พักเลยครับ
•• เริ่มเดินทาง ••
เราสองคนเดินทาง โดยใช้รถยนต์ส่วนตัว โชคดีครับที่ขับรถกันเป็นทั้งคู่ ผลัดกันขับผลัดกันนั่ง จุดเริ่มต้นของผมสอง คือ หัวหิน-กาจญนบุรี
•• หลงทาง ••
เราสองคน เดินทางกันไม่รู้เส้นทางเอาซะเลย พึ่งเจ้า GPS สถานเดียวเมื่อเข้าสู่กาญจนบุรีก็สัมผัสได้ถึงอากาศที่อบอุ่นขึ้นมาเลยทีเดียว มัวแต่เพลินบรรยากาศข้างทาง จนเลยจุดที่ GPS ได้บอก ทำให้ต้องเปลี่ยนเส้นทางมาอีกทางหนึ่ง แต่ไม่ได้แย่ไปเสมอ ดันไปเจอสถานที่ ที่มือใหม่หัดฮิปเตอร์อย่างเราสองคน คิดว่าสมควรจะเก็บรูปมาฝากเพื่อนดีกว่า
ต่อจากนั้น ก็เถียงกันอยู่พักหนึ่งว่าถ้ามันมีคนอยู่ในรูป มันจะเรียกว่าฮิปเตอร์อย่างใครๆไหม อ่ะลองดูละกัน
•• ระหว่างทาง ••
ก็ชมบรรยากาศข้างทาง แบบสโลว์ไลฟ์กันไปอีก ขณะนี้เวลาบ่ายสามโมงแก่ๆครับ ท้องฟ้าเริ่มไม่สู้ดี มีแววว่าฝนกำลังจะมา เลยรีบขึ้นรถเพื่อไปต่อเพราะยังไม่รู้ว่าจะถึงที่พักกันกี่โมง
ต้องข้ามสะพาน เพื่อไปยังเขาอีกลูก เลยเก็บภาพระหว่างทางมาครับ
•• ถึงจุดจอดรถ ••
ก่อนถึงที่พัก ได้โทรถาม Reception ว่าสามารถจอดรถได้ที่ไหน? หรือมีคนมารับหรือยังไง? เพราะพอเริ่มเข้าในป่ากลัวไม่มีสัญญาณ ทางโรงแรมบอกว่าให้จอดรถที่ ท่าเรือ รีโซเทล ได้เลย เราสองคนเลยตั้ง GPS ไปที่ รีโซเทล แต่จีพีเอสดันไม่พาเราไปที่ท่าเรือดันพาไปโรงแรมรีโซเทลเลย พอถึงโรงแรม ทางโรงแรมรีโซเทลใจดี ให้เราสองคนจอดรถที่นี่ได้แล้วโทรตามคนขับเรือเพื่อให้เราขึ้นเรือที่โรงแรม ไปที่พักได้ หลังจากนั้นก็ขนเสบียงกันเต็มที่เพราะที่พักที่เราจะไป ไม่มีไฟเอาเลย กลัวดึกๆตื่นขึ้นมาแล้วจะหิว
•• ถึงท่าเรือ ••
เราจะต้องเดินทางจากจุดจอดรถเพื่อไปขึ้นที่ท่าเรือ เก็บภาพผ่านๆในโรงแรมรีโซเทลมาฝาก เผื่อ ใครสนใจ เป็นที่พักที่เงียบสงบติดกับแม่น้ำเลย กู้ดวิวเลยทีเดียว มีสระว่ายน้ำด้วยนะ ฝรั่งทั้งน้านนนน
* รูปที่ผ่านมา เหมือนเดินผ่านหมอกควัน ดูสวยงาม แท้จริงแล้วพี่ๆในโรงแรมเหมือนกำลังพ่นยาไล่ยุง
ทำให้ภาพออกมาเหมือนอยู่ในกรุงโซลเลย
•• ถึงท่าเรือ ••
เดินกันเรื่อย ค่อยๆเห็นริมแม่น้ำ
สักพักแพของฝรั่งก็เริ่มผ่านท่าเรือ ยิ่งเห็นพวกเขาเล่น ก็ยิ่งอยากถึงที่พักไวๆ เลยเก็บรูปไว้ก่อน ถึงที่พักเมื่อไรเสร็จแน่ๆๆน้ำเย็นๆ
ส่วนเราสองคนก็นั่งมอง ความสนุกสนานของเขาเหล่านั้น อยากจะเข้าไปเล่นด้วยเลย
และแล้ว ........ เรือของที่พักก็มารับ พร้อมกับส่งพนักงานของกลับขึ้นสู่ฝั่ง อย่างหนึ่งที่เราภูมิใจมากคือพวกเขาเหล่านี้เป็นชาวมอญ แต่ล้วนมีกิริยามารยาทมากกว่าเราที่เป็นไทยแท้ซะอีก
ที่บอกว่ามีกิริยามารยาท เพราะภาพที่ผมเห็นพี่ๆชาวมอญเวลาขึ้นเรือเสร็จ จะยกมือไหว้ขอบคุณพี่ที่ขับเรือมาส่ง ด้วยการยกมือไหว้ ย่อเข้าเล็กน้อย ดูน่ารักไปเลย เสียดายเก็บรูปช่วงเวลานั้นไม่ทันจริงๆ
•• เดินทางไปที่พักโดยเรือ ••
พี่คนขับเรือก็น่ารัก มีการพูดคุยไถ่ถามตลอดเวลา ระหว่างทางนั่งเรือ พี่ก็เบาเรือเพื่อให้เราเห็นธรรมชาติข้างๆทาง ได้ชัดเจน
โดยถ้านั่งจากท่าเรือที่ ที่พักจัดให้จะใช้เวลาเดินทางประมาณครึ่งชั่วโมงถึงที่พัก
ระหว่างทางผ่านที่พักชื่อว่า FloatHouse River Kwai มีแม่ลูกนั่งยิ้มให้เราระหว่างทาง อบอุ่นเหลือเกิน
•• ถึงที่พัก ••
เราก็เริ่มเห็นที่พักลางๆ แล้ว
พอลงเรือต้องดิ่งตรงไปที่ Reception เลย เพื่อจะขอกุญแจเข้าห้อง เพราะอยากเล่นน้ำมากๆๆ ร่างกายต้องกายความเย็นสดชื่น ด่วนๆเลยครับ
ทางเดินไปห้องพัก
ถึงห้องแล้ว โอ้วหมายก๊อต สโลว์ไลฟ์จริงๆ ยังกะในหนัง ที่พระเอกพานางเอกหนีมาในเกาะยังไงยังงั้นเลย สัญญาณโทรศัพท์ไม่มีแล้ว ไฟก็ไม่มีใช้ ห้องนอนไม่มีแม้แต่พัดลมใดๆทั้งสิ้น ไม่ได้ตั้งใจถ่ายรูปสักเท่าไร เพราะใจจดใจจ่ออยู่กับน้ำข้างหน้าที่พัก เลยเก็บบรรยากาศมาฝากแบบผ่านๆ
•• เล่นน้ำ ••
เมื่อเก็บของเข้าที่พักเรียบร้อย ต้องขอเติมท้องกันหน่อยนะครับเพราะระหว่างทางท้องร้องกันมาตลอด
ไหนๆก็ฝ่าด่านขอพ่อมาได้แล้วก็ขอเก็บรูปผมสองคนกลับบ้านกันซะหน่อยครับ
ไม่รออะไรเลย ถอดเสื้อสิครับ พร้อมชูชีพคู่ใจ จัดไปเลย (หุ่นกับหน้าไม่ให้ แต่ใจรักน่ะครับ555)
ไม่มีใครกดชัตเตอร์ให้ก็อัดกันเป็นวีดิโอกันเลยทีเดียว
ระหว่างเล่นน้ำ กินกันตลอดทางครับ
และก็เล่นกันต่อครับ จนแดดของวันเริ่มจะหมดลงครับก็ขึ้นฝั่งอาบน้ำ
•• Dinner ••
เวลานี้ก็มาถึง เพราะมันเป็นเรื่องใหญ่มากสำหรับสองคน 555 นั่นก็คือเรื่องกิน
ทุกอย่างในที่พักมืดสนิท เหลือเพียงแต่ไฟตะเกียง กับบรรยากาศโรแมนติกโครตๆๆๆๆ กลิ่นของตะเกียง มันทำให้เรานึกถึงการใช้ชีวิตของคนสมัยก่อน มีเสียงคลื่นน้ำที่ไหลเสียงดังตลอดเวลา มันคงไม่มีโอกาสได้เจอบรรยากาศแบบนี้บ่อยๆแน่นอน เพราะหนึ่งทุ่มของในเมืองมันช่างมีเรื่องวุ่นวายเอาซะเหลือเกิน ผิดกับที่นี่จริงๆ มีแต่เพียงเสียงธรรมชาติ นึกในใจคนสมัยก่อนโชคดีจัง เวลาของพวกเขาคงใช้กันคุ้มค่าเลยทีเดียว ส่วนเราสองคนยังไม่ชินกับการวางโทรศัพท์ ไว้ใต้หมอน แล้วเดินออกมาใช้ชีวิตกับธรรมชาติสักเท่าไร แต่โชคดีตรงที่ว่ามาที่นี่ สถาณการ์ณทุกอย่างมันบังคับว่าเราต้องใช้ชีวิตกับธรรมชาติ แต่ก็อดใจไม่ได้ที่จะเอาโทรศัพท์มาถ่ายรูปเพื่อเป็นความทรงจำ
ห้องนอน ห้องน้ำ ก็มืดไปตามๆกัน เดินแตะของที่วางตามพื้นกันทั้งคืน เพราะเราสองคนวางของกันเรี้ยราดตามพื้นเต็มไปหมด
อาหารเป็นแบบบุพเฟ่ มี 5 อย่าง เป็นลักษณะไทย
รู้สึกดีที่ได้กินอาหารพื้นบ้านแบบนี้ ที่รู้สึกไปกว่านั้น 98% ของที่พักที่นี่ เป็นฝรั่งหมดเลย เอาง่ายวันนี้แขกที่มาพัก 100 คน มีเราเพียงแค่ 2 คนที่เป็นคนไทย แล้วอาหารไทย ก็เป็นอาหารที่ชาวต่างชาติได้ลิ้มรสชาติ บอกเลยที่นี่ไม่ผิดหวังเรื่องรสชาติเลย มีรายการดังนี้
> ปลาสามรส
> ผัดบวบ
> ผัดผักรวม
> ผัดพริกแกงถั่งฝักยาว
> แกงมัสหมั่น
ตบท้ายด้วยผลไม้ สับปะรด และ แตงโม อิ่มไปทั้งคืนเลย
ก็ไม่พลาดของดี นานๆที ได้พักผ่อน ก็เลือกใช้บริการของ JunkleBar มึนกันเลยทีเดียว
อยากเตือนว่าอย่าเมามากนะครับ ทางเดินของที่พักค่อนข้างแคบ เดี๋ยวจะลงแม่น้ำก่อนถึงห้อง
และเราก็โชคดี ตรงที่ได้เจอเพื่อนร่วมทริป เป็นชาวฮอนแลนด์ ชวนเราร่วมกิจกรรมของเขา เขาจะมีการแจกคุ๊กกี้ให้ชิมกันรอบวง แล้วผลัดกันเล่าอะไรสักอย่าง แล้วก็ถามคำถามกันรอบวง แต่โชคร้ายไปหน่อยตรงที่ผมไม่ค่อยแข็งแรงด้านภาษา เลยได้กินแต่คุ๊กกี้แต่ไม่ได้ร่วมกิจกรรมแบบเต็มตัว
•• เช้าวันใหม่ ••
บรรยากกาศตอนเช้าของที่จะเต็มไปด้วยหมอก อยู่บนเขา เราอยู่ริมน้ำ เป็นบรรยากาศให้เต็มสิบเลยในช่วงเวลาที่อยู่ที่นี่ เมื่อวานเล่นน้ำยังไม่สะใจ เช้านี้ก็เลยขอเล่นน้ำพร้อมกับขอขอมาสูดอากาศ ออกซิเจนดีๆ เอากลับไปใช้ที่บ้านอีกด้วย
•• ไปเที่ยวหมู่บ้านมอญ ••
เล่นน้ำได้สักพัก ที่นี่มีให้อาหารช้างด้วย แต่เราสองคนเก็บภาพไม่ทัน เสียดายเลย เลยพามาเก็บภาพที่หมู่บ้านมอญแทน เป็นหมู่บ้านที่ติดอยู่กับที่พัก Junkle Rafts เลย พนักงานส่วนใหญ่ที่นี่ก็เป็นชาวมอญ นับถือที่พัก ที่นี่มากๆ เพราะเขาสร้างที่พักโดยทำลายธรรมชาติให้น้อยที่สุด และยังทำให้
หมู่บ้านมอญที่เป็นที่รู้จักของผู้คนมากมาย และที่สำคัญสุดๆ ชาวบ้านมอญที่นี่ สามารถหาเลี้ยงชีพได้ มีอาชีพที่สามารถดูแลลูกหลานได้โดยไม่อดอยาก ที่นี้มีทั้งการแสดงของชาวเผ่ามอญ โรงเรียนมอญสอนเด็กๆ
ลองฮิปเตอร์ ดูบ้าง แต่โฟกัสกล้องไม่ฮิปด้วย เลยเบลอเลย
• Breakfast ••
มาถึงตอนสำคัญอีกครั้ง คือเรื่องกิน พยายามรีบกินเพื่อจะได้ไปเก็บของ
ระหว่างกลับห้องก็เจอพี่ๆน้องๆชาวมอญ รดน้ำต้นไม้
แวะถ่ายรูปผีเสื้อ หน้าห้องก่อนเก็บของ
เมื่อแสงแดดขึ้น ความสว่างก็เกิด ความสกปรกของเราสองคนก็ตามมา 55
หลังจากเช็คเอ้าเสร็จก็มีเรือมารับ และเราก็ต้องจากที่นี่ไปจริง ความรู้สึกข้างในไม่อยากเข้าเมืองเลย ยังไม่พร้อมกับการเจอผู้คนมากมาย แต่ด้วยหน้าที่ก็ต้องกลับไป ทำหน้าที่ ที่ต้องรับผิดชอบ
•• ถึงฝั่ง ••
ถึงฝั่งแล้วฝนก็เซทันทีเลย มีชาวต่างชาติ รอต่อเรือจากเราเพื่อไปที่พัก ส่วนเราก็ต้องจากบรรยากาศริมน้ำเพื่อขึ้นฝั่ง นั่งคิดในใจ ทุกๆวันบรรยากาศของการเริ่มต้นกับการจากลาสำหรับผู้ที่มาเยี่ยมเยียนที่นี่คงเป็นที่ชินตาของพี่คนขับเรือแล้วซินะ
ชาวต่างชาติก็ไปที่พัก พร้อมกับน้องฝน หวังว่าเค้าคงจะเต็มอิ่มกับบรรยากาศเหมือนที่ผมสองคนเจอ กลับไปประเทศเค้าจะได้บอกได้ว่า เมืองไทยสวยแค่ไหน
•• แวะเที่ยวของดีเมืองกาญจน์ ••
เราสองคนตั้งใจไปที่ รถไฟสายมรณะ ถ้ำกระแซ เพื่อไปขึ้นรถไฟสายมรณะ แต่ดันไม่ทัน ได้แต่แค่มองระยะไกลๆ พร้อมกับกินข้าวไปด้วย แนะนำสถานที่กินข้าวเลยครับ ที่ร้านอาหารเจอาร์ เป็นบุฟเฟ่อาหารไทย เช่น ก๋วยเตี๋ยว ผัดผัก น้ำพริก บรรดาแกงต่างๆ รวมทั้งของหวาน ประเกือบ 15 อย่างได้ครับ ยังมีอาหารยุโรปด้วยนะครับ เริ่มต้นที่ 49 บาทครับ ผมเลือกบุฟเฟ่อาหารไทย บอกได้เลยว่ารสชาติอาหารไทยถูกปากผมมากๆครับ ยิ่งน้ำพริกด้วยนะ กินคิดถึงแม่เลย
กินข้าวเสร็จแล้ว ก็ลุยเลยยย
ปิดทริปสะพานมรณะ ด้วยรูปนี้ละกันเนอะ
ได้เวลาเข้าเมืองจริงแล้วซินะ เวลคัมทูอินทาวน์
เจอกันใหม่ทริปหน้านะค้าบบบบบบบบบ
การเดินทางของเราสองคนคือการเรียนรู้ การเรียนรู้ของเราสองคน คือ ความเข้าใจ
ขอบคุณกระทู้จากคุณ สมาชิกหมายเลข 3108836 สมาชิกเว็บพันทิป