พล.อ.ประยุทธ์แฉอดีตนักการเมืองโยงทัวร์จีนฮุบเกาะภูเก็ต-ตามดำเนินคดีต่อหามีใครร่วมบ้าง

นายกรัฐมนตรีเผยอดีตนักการเมืองโยงทัวร์จีนฮุบเกาะภูเก็ต สวมบัตรตั้งบริษัทมากไปหมด สั่งถอนทะเบียนไปมาก อยู่ในระหว่างการดำเนินคดีใครพัวพันผิดกฎหมายฉบับไหนสืบหมด เผยเป็นคนไทยทั้งสิ้น

ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2559 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีนายทุนจีนขยายธุรกิจ และสวมบัตรตั้งบริษัททัวร์ที่เกาะภูเก็ต ว่า ได้จับหมดแล้วและได้ถอนทะเบียนไปจำนวนมากแล้ว

“และโยงไปสู่อดีตนักการเมืองด้วย ขณะนี้ยังพูดอะไรไม่ได้ เพราะยังอยู่ในขั้นตอนการดำเนินคดีอยู่ มีบริษัทในเครือตั้งเยอะแยะ ขณะนี้ทำทุกอย่างที่บอกมา แต่ไม่ใช่ว่าจะจับมาเสร็จแล้วจบ ต้องสอบสาวเรื่องราวไปต่อว่าผิดตรงไหน ผิดอะไรกฎหมายฉบับไหน มีใครร่วมด้วยบ้าง ก็เป็นคนไทยด้วยกันทั้งสิ้น อย่าไปบอกว่านักการเมืองเลย ขี้เกียจพูด ไปตามดูรายละเอียดเขามีอยู่แล้ว ทุกอย่างผมสอบให้หมด พวกล้งก็สอบให้หมด ส่วนล้งไทยก็ทำให้ดีแล้วกัน”นายกฯกล่าว

ภูเก็ตจังหวัดภาคใต้ของไทย

จังหวัดภูเก็ต เป็นจังหวัดหนึ่งทางภาคใต้ของประเทศไทย เป็นเกาะขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย อยู่ในมหาสมุทรอินเดีย

ทิศเหนือจดจังหวัดพังงา ทิศตะวันออกจังหวัดพังงาและจังหวัดกระบี่ ทั้งเกาะล้อมรอบด้วยทะเลอันดามัน มหาสมุทรอินเดีย และยังมีเกาะที่อยู่ในอาณาเขตของจังหวัดภูเก็ตทางทิศใต้และตะวันออก การเดินทางเข้าสู่ภูเก็ตนอกจากทางเรือแล้ว สามารถเดินทางโดยรถยนต์มีเพียงเส้นทางเดียวผ่านทางจังหวัดพังงา โดยข้ามสะพานสารสินและสะพานคู่ขนาน คือสะพานท้าวเทพกระษัตรีและสะพานท้าวศรีสุนทร เพื่อเข้าสู่ตัวจังหวัด และทางอากาศโดยมีท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ตรองรับ ท่าอากาศยานนี้ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของเกาะ

ภูเก็ตเป็นจังหวัดท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของ ประเทศไทย  ดังนั้นจึงมีข่าวเกี่ยวข้องกับบรรดาผู้มีอิทธิพลเข้าไปมีผลประโยชน์ตลอดมา

เว็บไซต์ “ภูเก็จอันดามันนิวส์”พาดหัวว่า “ดีเอสไอ เผย 11 รายชื่อผู้มีอิทธิพล เขย่าเกาะภูเก็ตมีทั้งนักการเมือง ลูกนักการเมือง ตระกูลดังภูเก็ต” พร้อมกับรายงานว่า เมื่อเวลา 14.00 น. วันนี้ 9 ส.ค.2556 ที่ สภ.เมืองภูเก็ต นายสมศักย์ ภูรีศรีศักดิ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และ นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พร้อมคณะ ได้เดินทางมางศูนย์ปฏิบัติการร่วมเพื่อป้องกันและปราบปรามผู้มีอิทธิพลที่ เป็นภัยต่อการท่องเที่ยว (ศปอท.) ที่ สนามบินนานาชาติ จ.ภูเก็ต จากนั้นเดินทางมาตรวจสอบ ศูนย์ประสานงานย่อยในตัวเมือง จ.ภูเก็ต ภายใน สภ.เมืองภูเก็ต

นายธาริต เพ็งดิษฐ์ กล่าวว่า ขณะนี้ตนได้เปิดเผยรายชื่อของผู้มีอิทธิพลทั้งหมด 11ราย ชื่อส่วนใหญ่จะเป็น นักการเมืองท้องถิ่นกับลูกชายอยู่เบื้องหลังแท็กซี่ป้ายดำ รวมถึงตระกูลดัง มาเฟียบนเกาะภูเก็ต โดย ดีเอสไอ กระทรวงการท่องเที่ยวฯ และจ.ภูเก็ต จะร่วมกับตำรวจท่องเที่ยวลงพื้นที่เริ่มปฏิบัติการจัดระเบียบไม่ให้มีผู้มี อิทธิพลหรือมาเฟียภายในท่าอากาศยาน จ.ภูเก็ต โดยจะใช้ระบบการรักษาความปลอดภัยเช่นเดียวกับท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ซึ่งต้องการให้เห็นเป็นรูปธรรมทันที

แม้ว่าปัจจุบันนี้จะติดปัญหาการให้สัมปทานผู้ประกอบการ รถแท็กซี่ โดยจะยกเลิกทั้งหมด ทุกบริเวณชายหาดและสนามบิน ไม่ให้มีการตั้งคิวหรือสัมปทาน แบบมาเฟียและพยายามเข้าไปจัดการด้วยการตั้งทีมตรวจสอบร่วมเฝ้าระวังหากพบการ กรรโชกทรัพย์หรือหลอกลวงนักท่องเที่ยวจะจับกุมทันที หลังการจัดตั้งศูนย์แล้วเชื่อว่าจะส่งต่อข้อมูลร่วมกันเพื่อบังคับใช้กฎหมาย ได้ทันที

ภายใน 30 วันนี้จะมี การจับกุมโดยใช้กฎหมายฟอกเงินเข้ามาจัดการตรวจสอบถึงที่มาที่ไปของ เงินหาก ชี้แจงไม่ได้จะยึดเป็นของแผ่นดินทันที  

กลุ่มรถแท็กซี่ทำผิดกฎหมาย-นักการเมืองท้องถิ่น

สำนักข่าวไทย TNA News รายงาน จากภูเก็ตเมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2557 ว่าพล.ต.ท.ปัญญา มาเม่น ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 และ พล.ต.ต.กระจ่าง สุวรรณรัตน์ รอง ผบช.ภ.8 รักษาราชการแทน ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต แถลงการขยายผลในคดีกลุ่มรถแท็กซี่ทำผิดกฎหมายสามารถจับกุมผู้ทำผิดได้อีก 4 คน เป็นนักการเมืองและข้าราชการท้องถิ่นในพื้นที่ตำบลกะรน จ.ภูเก็ต

ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ได้จับกุมผู้ทำผิดตามหมายจับของศาล จังหวัดภูเก็ต 109 คน และ 1 ในนี้มีนักเมืองท้องถิ่นด้วยถูกดำเนินคดีไปแล้วในความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุน ในการที่ผู้กระทำผิดร่วมกันตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป ข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใดหรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียง หรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเอง หรือของผู้อื่นหรือโดยใช้กำลังประทุษร้ายจนผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทำการนั้น ไม่กระทำการนั้น หรือจำยอมต่อสิ่งนั้น สนับสนุน กรรโชกและซ่องโจร

สำหรับผู้ทำผิดทั้ง 4 คน นั้น ถูกดำเนินคดีในข้อหาเดียวกัน ทั้งนี้ ต้องขอขอบคุณทุกฝ่ายที่ช่วยกันสอดส่องดูแลพื้นที่ ทำให้เมืองท่องเที่ยวเกิดภาพลักษณ์ที่ดี และป้องกันปัญหาการเอารัดเอาเปรียบจากผู้ให้บริการ เพราะที่ผ่านมามีประชาชนได้รับความเดือดร้อนต่อพฤติกรรมไม่ดีของกลุ่ม แท็กซี่เหล่านี้มานานแล้ว

สนธิกำลังกว่า 380 นายตรวจค้น 10 จุดภูเก็ตปราบมาเฟีย

เมื่อเวลา 14.00 น.วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2559 บริเวณกองบังคับการตำรวจท่องเที่ยวภูเก็ต หน่วยงานในสังกัดกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง จำนวน 11 กองบังคับการ อาทิ กองบังคับการกองปราบปราม ตำรวจท่องเที่ยว ปอท.ปคม. เป็นต้น รวมกว่า 380 นาย ทั้งในและนอกเครื่องแบบ กระจายกำลังนำหมายศาลเข้าปิดล้อมตรวจค้นเป้าหมายหลัก 10 จุด มีทั้งบ้านของนักการเมืองท้องถิ่นและนักธุรกิจ โดยดำเนินการพร้อมกันทั้ง 3 อำเภอได้แก่ อ.เมืองภูเก็ต ถลาง และกะทู้

ภายใต้การควบคุมกำกับดูแลของ พล.ต.ต.อดิศร์ งามจิตสุขศรี รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง โดยการอำนวยการของ พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผู้บัญชาการสอบสวนกลาง ลงพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ดำเนินการตามยุทธการ “ไพร่ฟ้าหน้าใส จังหวัดภูเก็ต” เพื่อดำเนินการกำจัด-ต่อต้าน –ระงับ ยับยั้งหรือควบคุมอาชญากรรมต่างๆ ทุกรูปแบบ ที่เกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต อันเป็นการสนับสนุนการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่และเพื่อเป็น การสร้างความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินให้กับพี่น้องประชาชน ตลอดจนนักท่องเที่ยว

การดำเนินการกระทำพร้อมกัน 3 จุดทั่วประเทศ คือ เชียงใหม่ พัทยาและภูเก็ต เบื้องต้นในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตสามารถจับกุมผู้ต้องหาและตรวจยึดของกลางได้ จำนวนมาก ซึ่งปฏิบัติการดังกล่าวจะดำเนินการไปจนถึงวันที่ 21 กุมภาพันธ์

พล.ต.ต.อดิศร์ งามจิตสุขศรี รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เปิดเผยการสนธิกำลังลงพื้นที่ตามปฎิบัติการ ไพร่ฟ้าหน้าใส จังหวัดภูเก็ต ว่าเนื่องจากปัจจุบันภูเก็ตเป็นจังหวัดท่องเที่ยวสำคัญและทำรายได้ให้กับ ประเทศเป็นจำนวนมาก สภาพสังคมจึงมีการการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทั้งการพัฒนาในด้านต่างๆ รวมถึงการมีเหล่ามิจฉาชีพและกลุ่มอาชญากรรมเข้ามาแฝงตัว และกระทำความผิดในพื้นที่

กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เป็นหน่วยงานเฉพาะทางที่มีภารกิจหลักในการรักษาความปลอดภัยในชีวิตและ ทรัพย์สินของประชาชน พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง จึงกำหนดแผนยุทธการ ไพร่ฟ้าหน้าใส จังหวัดภูเก็ตขึ้น โดยบูรณาการทุกหน่วยงานในกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง รวม 11 กองบังคับการ ลงพื้นที่ปิดล้อมตรวจค้น ผู้มีอิทธิพล มือปืนรับจ้าง และอาชญากรรมข้ามชาติ ในระหว่างวันที่ 18-20 กุมภาพันธ์

สำหรับผลการปฏิบัติงานในวันที่ 18 ก.พ. สามารถจับกุมผู้ต้องหารวม 58 คน และของกลาง ประกอบด้วยกัญชาแห้ง น้ำหนัก 3.01 กรัม และกัญชาอัดผสมยาเส้นน้ำประมาณ 5.16 กรัม ในข้อหา “มียาเสพติดให้โทษประเภท 5 ไว้ในครอบครองโดยไม่รับอนุญาต” จำนวน 1 ราย,ผู้ต้องหาตามหมายจับ ตามความผิดสำคัญ รวม 14 คน ตรวจยึดอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืน เพื่อการตรวจสอบ จำนวน 8 กระบอกพร้อมกระสุนบุคคลต่างด้าวปฏิบัติหน้าที่เป็นมัคคุเทศก์โดยไม่ได้รับ อนุญาต 4 ราย,ความผิดที่เกี่ยวกับใบอนุญาตการใช้เจ็ตสกีจำนวน 28 ราย,ความผิดตามพระราชบัญญัติตรวจคนเข้าเมือง 3 ราย,ความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติด 4 ราย,ความผิดตามพระราชบัญญัติอาหาร ยา เครื่องสำอาง และพระราชบัญญัติวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท 4 ราย พร้อมของกลางประมาณ 15,000 รายการ

นอกจากนี้ยังได้ตรวจสอบเต้นรถมือสองยึดรถหรู 2 คันที่ไม่ติดฉลาก 18 รายการในตัวรถตามกฎหมายนำมาตรวจสอบที่มาที่ไป และยังได้จับกุมแกงค์หมวกกันน็อคเก็บดอกเบี้ยเงินกู้รายวันโดยผิดกฎหมายด้วย