"แมว Bob" เจ้าเหมียวเยียวยา ผู้เปลี่ยนชีวิตชายหนุ่มคนหนึ่งให้ดีขึ้นทันตา
ใครจะรู้ว่า แมวน้อยตัวเล็กๆ สามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตของคนๆ หนึ่งได้จริงๆ ความสัมพันธ์อันน่าประทับใจนี้ เกิดขึ้นกับ เจ้าแมวเหมียวไร้บ้านที่ชื่อว่า บ๊อบ (Bob) กับชายติดยาคนหนึ่งนามว่า เจมส์ โบเวน (James Bowen) เรื่องราวเรียกร้อยยิ้มแห่งความสุขนี้ถูกถ่ายออกมาในหนังสือ เรื่อง A Street Cat Named Bob ที่มียอดขายกว่า 160,000 ฉบับ นี่แค่เฉพาะที่วางขายในประเทศอังกฤษเท่านั้นนะ นอกจากนี้ยังได้รับการแปลไปแล้วกว่า 18 ภาษา อีกด้วย อ่ะๆ ได้ข่าวว่ากำลังสร้างเป็นหนังให้ได้ชมในโรงภาพยนตร์เร็วๆ นี้ด้วยล่ะ แต่ก่อนจะไปชมนั้น เรามาทำความรู้จักกับ เจ้า แมว Bobและเรื่องราวของพวกเขาก่อนดีกว่า!
ย้อนกลับเมื่อสมัย เจมส์ โบเวน อายุ 3 ขวบ พ่อกับแม่ของเขาได้แยกทางกัน เขาจึงต้องย้ายไปอยู่ที่ประเทศออสเตรเลียกับแม่ จากนั้นแม่ของเขาก็ได้แต่งงานใหม่ แต่ดูเหมือนว่า เจมส์ จะเข้ากับพ่อเลี้ยงและครอบครัวใหม่ได้ไม่ดีนัก เมื่อเขาอายุ 18 ปี เขาจึงตัดสินใจเดินทางกลับไปอยู่ที่ประเทศอังกฤษคนเดียว และจุดเปลี่ยนครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิตเขาก็เริ่มต้นขึ้น
เจมส์ ชายหนุ่มผู้มี ร็อคสตาร์ เป็นเป้าหมายของความฝัน แต่ทว่าโชคชะตากลับเล่นตลก เจมส์กลายเป็นคนไร้บ้าน ต้องอาศัยนอนข้างถนน และกลายเป็นคนติดยาในที่สุด เจมส์ ใช้ชีวิตอยู่บนเส้นทางยาเสพติดนานถึง 3 ปี ต่อมาในขณะที่เขากำลังเข้ารับการบำบัดอาการติดยาเสพติด เขาได้พบกับ เจ้า Bob แมวเพศผู้ สีส้ม หน้ากลม ที่กำลังบาดเจ็บและหิวโซ นอนอยู่ตรงบริเวณข้างบันได ด้วยความสงสารเขาจึงดูแลแมวส้มตัวนั้น เขาเก็บเงินที่จะนำไปซื้อยาเสพติดเอาไว้เพื่อใช้ในการรักษาอาการของแมวอ้วน
หลังจากแน่ใจแล้วว่า แมว Bob เป็นแมวไม่มีเจ้าของ เจมส์ จึงได้พาเจ้าบ๊อบไปยัง สมาคมป้องกันการทารุณสัตว์แห่งประเทศอังกฤษ (RSPCA) เพื่อทำการรักษา ซึ่งต้องใช้เงินราว 28 ยูโร แต่ในขณะนั้น เจมส์ ที่เป็นนักดนตรีเปืดหมวกมีรายได้เพียง 25 ยูโร เท่านั้น แต่เขาก็ตัดสินใจใช้เงินจำนวนนี้ในการรักษาเจ้าเหมียว (น่ารักเนอะ ><)
เมื่อเจ้าบ๊อบหายดีแล้ว เจมส์ ก็ตั้งใจจะปล่อยให้แมวส้มกลับไปเป็นแมวไร้บ้านตามเดิม แต่… แมว Bob ก็ไม่ยอมไป (ก็มันรักไปแล้วนี่ เมี๊ยว! เข้าใจกันบ้างจิ) เจ้าแมวอ้วนยังคงเดินตามเจมส์ไปทุกที ไม่ยอมห่างไปไหน ขนาดเดินหนีขึ้นรถประจำทางยังอุตส่าห์เดินตามขึ้นมานั่งใกล้ๆ ดีไม่ดีก็กระโดดขึ้นมาเกาะไหล่กลายร่างตัวเองเป็นผ้าพันคอไปซะอย่างนั้น ในเวลาที่ เจมส์ เล่นดนตรี เจ้าบ๊อบ มักจะนอนรออยู่บนผ้าห่มข้างๆ ถ้าว่างๆ ก็จะมาแตะ Hi 5 เพื่อเรียกคนดู ทำงานกันได้น่ารักและเข้าขามากเลยทีเดียว
ท้ายที่สุด เจมส์ ก็ปล่อยให้เจ้าเหมียวอยู่กับเขาอย่างเป็นเรื่องเป็นราว เกิดเป็นภาพน่ารักๆ จนทำให้มีคนถ่ายภาพของพวกเขา และส่งต่อความประทับใจเหล่านั้นผ่านทางโลกออนไลน์ เจมส์และแมว Bob จึงกลายเป็นที่รู้จักอย่างรวดเร็ว แถมยังได้รับการติดต่อจาก แมรี่ แพนโช่ ตัวแทนสำนักพิมพ์ผู้เคยทำให้เรื่องราวของ สุนัขลาบราดอร์กลายเป็นหนังสือขายดีและหนังที่โด่งดังอย่างเรื่อง Marley & Me จึงเกิดเป็นหนังสือที่ถ่ายทอดเรื่องราวความสัมพันธ์อันน่าประทับใจของพวกเขาอย่าง A Street Cat Named Bob : How one man and his cat found hope on the streets. ที่เปลี่ยนแปลงชีวิตของ เจมส์และ แมว Bob ไปโดยปริยาย
“ผมไม่ใช่เจ้าของบ๊อบ และบ๊อบไม่ใช่สัตว์เลี้ยง แต่เขาเป็นคู่หูของผมต่างหากล่ะ” คำพูดทิ้งท้ายของ เจมส์ มองดูแล้วคล้ายกับว่า เจ้าบ๊อบ เข้ามาเติมเต็มชีวิตส่วนที่ขาดหายไป แถมยังทำให้ เจมส์ ได้รู้จักกับการให้ที่มาจากใจโดยไม่หวังสิ่งใดตอบแทนอีกด้วย เหมือนทั้งสองกลายเป็นแสงสว่างของกันและกันเลยเนอะ เห็นแบบนี้แล้วรู้เลยว่า เจ้าเหมียวส้มผู้มีเนมว่า บ๊อบ ช่างเป็นคนสำคัญของ เจมส์ จริงๆ (^^)