หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

เรื่องจริงยิ่งละคร!! เรื่องราวของ มนุษย์ 5 คน ที่เติบโตมากับสัตว์ ราวกับ “เมาคลี” ในชีวิตจริง!

โพสท์โดย ลูกสาวอบต

เรียกได้ว่าเป็นภาพยนตร์การ์ตูนแอนิเมชั่นที่กระแสตอบรับดีทั่วโลก อย่าง “The Jungle Book” จนแอบสงสัยว่าเรื่องราวแปลกประหลาดที่ฟังดูเหมือนแค่นิทานอย่างหนูน้อยเมาคลีจะมีในชีวิตจริงหรือไม่?! ซึ่งมันเกิดขึ้นบนโลกใบนี้จริงๆ ที่สำคัญไม่ใช่เพียงคนเดียวเท่านั้นแต่กลับเกิดขึ้นกับเด็กหลายคนเลยทีเดียว มาดูกันว่าจะแปลกประหลาดและน่าสนใจแค่ไหน…

1. เด็กชายที่โตมากับไก่

Sujit Kumar” เป็นเด็กชายชาวฟิจิ ซึ่งเขาถูกครอบครัวทารุณมาตั้งแต่เด็ก จนกระทั่งอายุ 6 ขวบเขาก็ถูกจับมาขังไว้ในเล้าไก่ให้ใช้ชีวิตอยู่กับไก่นานกว่า 8 ปี หลังจากนั้นก็มีเจ้าหน้าที่สังคมสงเคราะห์มาช่วยเหลือออกมา แต่ชีวิตของเขากลับไม่ดีขึ้นเลย

ด้วยความที่เติบโตมากับไก่ทำให้เขามีพฤติกรรมเหมือนกับไก่ ทั้งเดินจิกขาย่องๆ ทำท่าตีปีก ทำเสียงขันแบบไก่ ชอบเกาะบนที่สูง เวลากินอาหารก็เทอาหารลงกับพื้นแล้วจิกกิน รวมถึงนั่งหลับกับพื้นด้วย ทำให้เขาถูกดูแลด้วยการมัดหรือล่ามติดกับเตียงเสมอ

จนกระทั่งในปี 2002 Elizabeth Clayton ประธานชมรมโรตารีเข้าให้การช่วยเหลือเขา ด้วยการพาตัวไปดูแลในสถานที่รับเลี้ยงเด็กกำพร้า ทั้งยังมีทีมอาสากับผู้เชี่ยวชาญคอยดูแล และบำบัดเขาควบคู่กันไป

2. ทาร์ซานตัวจริง

“John Ssebunya” ชาวอูกันดาซึ่งเขาถูกขนามนามว่า “ทาร์ซานตัวจริง” เพราะเขาเติบโตมากับฝูงลิงเวอร์เว็ตและอาศัยหากินอยู่ในป่ามาตั้งแต่เด็ก ซึ่งหลังจากที่พ่อกับแม่ของเขาถูกฆ่าตายอย่างโหดเหี้ยมต่อหน้าต่อตาก็ทำให้เขาตกใจวิ่งหนีหายเข้าไปในป่า แต่แทนที่เขาจะตายเพราะขาดอาหาร ฝูงลิงเวอร์เว็ตกลับเข้ามาช่วยหาอาหารเลี้ยงดู จนเขาเริ่มปรับตัวและใช้ชีวิตในป่าจนกลายเป็นส่วนหนึ่งของฝูงลิงเวอร์เว็ต

เมื่อในปี 1991 ขณะที่หญิงพื้นเมืองคนหนึ่งออกหาอาหารก็บังเอิญพบเขาเข้าจึงพาตัวเขาออกมาจากป่าในสภาพผมรกรุงรัง เล็บยาว เนื้อตัวมอมแมม ทั้งยังมีพฤติกรรมแปลกประหลาด ชาวบ้านจึงพยายามช่วยกันเลี้ยงดูเขาใหม่ แต่เขากลับปรับตัวใช้ชีวิตแบบมนุษย์ไม่ได้ ซึ่งในตอนนั้นเขาอายุเพียง 5 ขวบเท่านั้น

จนในที่สุดมอลลี่และพอล ซึ่งเป็นพ่อแม่บุญธรรมก็ให้ความช่วยเหลือเขา เลี้ยงดูเขาจนเขาปรับตัวใช้ชีวิตแบบคนปกติได้ ทั้งยังสามารถพูดสื่อสารและร้องเพลงได้ จนกลายเป็นนักร้องประสานเสียงในโบสถ์ และในปี 1999 เรื่องราวของเขาก็ถูกถ่ายทอดผ่านทางสารคดี

3. เด็กหญิงที่เติบโตมากับลิง

“Marina Chapman” หญิงโคลัมเบียที่เติบโตมากับฝูงลิงตั้งแต่วัย 4 ขวบ โดยเธอถูกลักพาตัวไปทิ้งไว้กลางป่าและพบเข้ากับฝูงลิงคาปูชิน เธอจึงอาศัยอยู่กับฝูงลิงคาปูชินและเรียนรู้วิธีการเอาตัวรอดในป่า ทั้งเดิน 4 ขา หาผลไม้กิน นอนในโพรงไม้ ปีนต้นไม้ แต่หลังจาก 5 ปีผ่านไป นายพรานก็ไปพบตัวเธอในป่าและพาเธออกมา ซึ่งในตอนนั้นเธอยังพูดภาษามนุษย์ไม่ได้เลย แต่ปัจจุบันเธออาศัยอยู่ในอังกฤษ

4. เด็กชายผู้เป็นจ่าฝูงสุนัข

“Ivan Mishukov” เด็กชายวัยรัสเซียที่เติบโตมาในครอบครัวที่ปัญหา ต้องเจอแม่กับพ่อเลี้ยงที่ทะเลาะกันอย่างรุนแรงทุกวัน ดังนั้นตอนเขาอายุได้ 4 ขวบเขาจึงตัดสินใจหนีออกจากบ้านและไปพบเข้ากับฝูงสุนัขกลุ่มหนึ่งและกลายเป็นเพื่อนกัน

หลังจากนั้นเขาก็อยู่อาศัยร่วมกับสุนัข และเที่ยวขอทานรวบรวมเศษเงินไปซื้อของกินแบ่งปันกับสุนัข จนเขากลายเป็นจ่าฝูงของกลุ่มสุนัขและใช้ชีวิตอยู่กับฝูงสุนัขนานถึง 2 ปี จนตำรวจสงสัยจึงเข้าให้ความช่วยเหลือ ส่งตัวเขาไปดูแลที่ศูนย์ดูแลเด็ก ปัจจุบันเขาเติบโตขึ้นมาและทำงานให้กับกองทัพรัสเซีย

5. สองสาววิถีหมาป่า

เด็กหญิงชาวอินเดียสองคน “Amala” วัย 8 ขวบและ “Kamala” วัยเพียง 1 ขวบครึ่ง ที่ถูกพบในรังของหมาป่า ซึ่งหลังจากที่มิสชั่นนารีได้ยินข่าวลือจากชาวบ้านว่ามี เสียงมนุษย์ดังออกมาจากป่าข้างหมู่บ้าน จึงได้ตามรอยเสียงไปจนพบกับจอมปลวกที่เป็นโพรงของหมาป่า เมื่อทำลายจอมปลวกก็พบหมาป่า 3 ตัว ลูกหมาป่า 2 ตัว และเด็กหญิงสองคนในโพรง ซึ่งหลังจากที่หมาป่าเห็นคนก็วิ่งออกไปกันหมด เหลือเพียงเด็กหญิง 2 คนในสภาพมอมแมม ขู่คำราม และกระโดดเข้ากัดคนที่จะเข้าใกล้

หลังจากนั้นทั้งสองคนก็ถูกส่งตัวไปดูแลในสถานเลี้ยงเด็ก แต่พวกเธอกลับปรับตัวใช้ชีวิตแบบมนุษย์ไม่ได้ พูดภาษามนุษย์ก็ไม่ได้ ทั้งยังไม่สามารถเดินหลังตรงได้อีกด้วย แต่คลานสี่ขาเหมือนหมาป่า จมูกไวต่อกลิ่น วิ่งได้รวดเร็ว มองเห็นในที่มืดได้ ไม่ชอบสวมเสื้อผ้า บางครั้งตอนกลางคืนก็คลานสี่ขาออกมาข้างนอกและส่งเสียงเห่าหอน และน่าแปลกที่ร่างกายของพวกเธอทนความร้อนและอากาศหนาวเย็นได้

หลังจากที่ได้รับการช่วยเหลือ 1 ปีต่อมา Amala ก็เสียชีวิต ส่วน Kamala อยู่ได้อีก 9 ปี ซึ่งในช่วงที่มีชีวิตนั้นเธอพยายามเรียนรู้ภาษาจนพูดได้เป็นบางคำ เริ่มเหยียดหลังตรงและเดินสองขาได้บ้าง

ขอบคุณที่มา: http://share.tsgclub.net/2016/05/5_87.html
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
ลูกสาวอบต's profile


โพสท์โดย: ลูกสาวอบต
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
88 VOTES (4/5 จาก 22 คน)
VOTED: กบขึ้นวอ, เอ๋ง ไม่ดัดจริต, Tikker, igolf, namwanpan, zerotype, unlucky, Dexter Suttipong, บางครั้งฟังแจ๊ซ, ซาอิ, แมวฮั่ว แมวขี้งอน, โอ๊ย
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
6 วิธีเติมพลังใจในวันศุกร์ เพื่อเตรียมพร้อมรับวันหยุดสุดสัปดาห์เปิดตัวตำรวจสาว นางฟ้าผู้พิสูจน์หลักฐาน สวยและเก่ง ช่วยคลี่คลายคดีแอมไซยาไนด์"น้องธาช่า" ลูกสาว "กิ๊ก สุวัจนี" แจ้งเกิดเต็มตัว! ประเดิมละครเรื่องแรกกับบทบาทสุดปังเลขเด็ด ศิษย์หลวงพ่อเนื่องเลขเด็ด เลขมาเเรง เลขดัง "รวมหวยเด็ดสำนักดัง vol.7" งวดวันที่ 1 ธันวาคม 2567"ผู้บริหารมาม่าไขปริศนา ยอดขายพุ่งเพราะเศรษฐกิจแย่ หรือแค่คิดไปเอง?"
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
'ไทเลอร์ ติณณภพ' ลูกชาย 'ธานินทร์' ดาวเด่นยุค 80 สู่พระเอกยุคใหม่"วิธีใช้รีโมทแอร์ในโหมดต่าง ๆ เพื่อประหยัดค่าไฟฟ้าหมอเหรียญทองกำลังมองหาสถานที่เช่าสำหรับตั้งซูเปอร์คลินิก เพื่อให้การช่วยเหลือผู้ป่วยที่มีบัตรทองจากโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ
กระทู้อื่นๆในบอร์ด สาระ เกร็ดน่ารู้
เกาหลีใต้ส่ายหน้า การท่องเที่ยวขาดดุลหนัก แม้ K-Culture จะปังไปทั่วโลกไทยแลนด์ปังสุด คว้าอันดับ 1 ประเทศน่าเที่ยวแห่งปี 2024 พร้อมเหตุผลที่ฝรั่งหลงรักวิชาลงทุน โดย ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร6 วิธีเติมพลังใจในวันศุกร์ เพื่อเตรียมพร้อมรับวันหยุดสุดสัปดาห์
ตั้งกระทู้ใหม่