รูปปั้น “โมอายแห่งเกาะอีสเตอร์” อันน่าอัศจรรย์นี้ มี “ความลับ” บางอย่างซ่อนอยู่!
รูปปั้น “โมอายแห่งเกาะอีสเตอร์” อันน่าอัศจรรย์นี้ มี “ความลับ” บางอย่างซ่อนอยู่!
เมื่อนึกถึงรูปปั้นโมอาย รูปปั้นหินรูปหัวคนจำนวนมากที่ตั้งเรียงกันอยู่บนเกาะอีสเตอร์นั้น มันเป็นความมหัศจรรย์ และเราคงนึกไม่ถึงกันแน่ว่าในสมัยก่อน คนสร้างมันขึ้นมากันได้อย่างไร
รูปปั้นโมอายถูกสร้างในช่วงระหว่างปีค.ศ. 1250 และ 1500 โดยกลุ่มคนที่เรียกกันว่า Rapa Nui ที่มีพื้นเพมาจาก Polynesia บนเกาะ มีรูปปั้นโมอายทั้งหมด 887 ตัว ตัวที่สูงที่สุดมีความสูง 30 ฟุต และหนักกว่า 82 ตัน ซึ่งมีหลักฐานที่เชื่อกันว่ามันเคลื่อนที่ไปรอบ ๆ เกาะ แม้มันจะมีน้ำหนักมากขนาดนี้ก็ตาม
เมื่อนึกถึงรูปปั้นโมอาย รูปปั้นหินรูปหัวคนจำนวนมากที่ตั้งเรียงกันอยู่บนเกาะอีสเตอร์นั้น มันเป็นความมหัศจรรย์ และเราคงนึกไม่ถึงกันแน่ว่าในสมัยก่อน คนสร้างมันขึ้นมากันได้อย่างไร
รูปปั้นโมอายถูกสร้างในช่วงระหว่างปีค.ศ. 1250 และ 1500 โดยกลุ่มคนที่เรียกกันว่า Rapa Nui ที่มีพื้นเพมาจาก Polynesia บนเกาะ มีรูปปั้นโมอายทั้งหมด 887 ตัว ตัวที่สูงที่สุดมีความสูง 30 ฟุต และหนักกว่า 82 ตัน ซึ่งมีหลักฐานที่เชื่อกันว่ามันเคลื่อนที่ไปรอบ ๆ เกาะ แม้มันจะมีน้ำหนักมากขนาดนี้ก็ตาม
รูปปั้นเหล่านี้เป็นตัวแทนของบรรพบุรุษ และพวกมันตั้งอยู่ในตำแหน่งที่หันหน้ามองออกไปยังดินแดนดั้งเดิม
Wikimedia Commons
ภูมิประเทศบนเกาะแห่งนี้เต็มไปด้วยรูปปั้นโมอายที่เรียงรายอยู่เป็นเวลากว่าร้อยปีแล้ว
Wikimedia Commons
แต่อันที่จริงแล้ว รูปปั้นเหล่านี้ไม่ได้มีเฉพาะแค่ส่วนหัว มีการขุดค้นลงไปใต้ดิน และพบส่วนช่วงบริเวณลำตัวของรูปปั้นเหล่านี้อีกด้วย ผ่านช่วงเวลาหลายทศวรรษ ที่ทำให้พวกมันถูกฝังลงไปเรื่อย ๆ จนเหลือแค่ส่วนหัว ช่วงลำตัวขนาดหลายเมตรถูกฝังอยู่ใต้ดินลึกลงไป บางส่วนถูกขุดค้นขึ้นมา และบางส่วนก็ยังคงถูกฝังอยู่ ส่วนตัวของรูปปั้นยังมีการสลักอักขระที่ยังไม่ได้ถูกถอดรหัสออก
เหล่าตัวรูปปั้น Ahu Tongariki ที่ถูกขุดขึ้นมา
Wikimedia Commons
โมอายบางตัวมีมวยผม ที่เรียกว่า Pukao แสดงถึงผู้เป็นหัวหน้า
Wikimedia Commons
รูปปั้นยังคงมีการประดับตกแต่งด้วยดวงตาที่ทำมาจากปะการังขาว บริเวณดวงตานั้นเป็นสิ่งที่ทำขึ้นมาใหม่ ซึ่งเชื่อกันว่า การประดับตกแต่งรูปปั้นโมอายนั้นเป็นการใช้อธิบายว่าแต่ละตัวเป็นใคร และมีหน้าที่อะไร
รูปปั้นโมอายส่วนใหญ่ตั้งอยู่บริเวณชายฝั่ง โมอายทั้งตัวที่ขุดขึ้นมาเหล่านี้นั้นเป็นกลุ่มที่ตั้งอยู่บริเวณในเกาะ
Wikimedia Commons
การขุดค้นเผยให้เห็นส่วนช่วงลำตัวที่ฝังอยู่ใต้ดิน
Wikimedia Commons
Wikimedia Commons
นอกจากนั้นบริเวณหลังของรูปปั้น ยังมีสัญลักษณ์แกะสลักที่เราเองก็ไม่รู้ความหมายของมัน
Wikimedia Commons
มันอาจจะแสดงถึงสัญลักษณ์พื้นเมืองของ Rapa Nui ที่เป็นของคนท้องถิ่น หรือมันอาจจะเป็นสิ่งที่ใช้เพื่อเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับบรรพบุรุษ เรื่องนี้ยังคงอยู่ในระหว่างการศึกษา
Wikimedia Commons
ในช่วงประมาณ ค.ศ. 1500 การขุดค้นโมอายได้หยุดลง การนับถือศาสนาของคนได้เปลี่ยนไป จากการบูชาบรรพบุรุษมาเป็นการบูชารูปปั้นครึ่งคนครึ่งนก
Wikimedia Commons
ในช่วงปี 1700s มีการแก่งแย่งอำนาจของกลุ่มคนบนเกาะเกิดขึ้น โมอายจำนวนมากถูกโค่นล้มลงไป รวมถึงบางส่วนพังทลายลงจากเหตุแผ่นดินไหว หลังจากนั้น เกาะยังเผชิญกับปัญหาขาดแคลนอาหารจากการตัดไม้ทำลายป่า จากการล่าอาณานิคมของมิชชันนารีชาวคริสต์ และยังพยายามที่จะระงับวัฒนธรรมพื้นเมือง จากสาเหตุเหล่านี้ ทำให้โมอายยังคงจมอยู่ในความลึกลับ
ปัจจุบันนี้ โมอายกว่า 50 ตัวได้ขุดขึ้นมา และนำกลับไปวางยังตำแหน่งเดิมบนเกาะ บางส่วนถูกนำไปไว้ในพิพิธภัณฑ์ทั่วโลก
Wikimedia Commons
Wikimedia CommonsWikimedia Commons
รูปปั้นโมอายแห่งเกาะอีสเตอร์ได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลกโดย UNESCO การศึกษาเรื่องราวของรูปปั้นเหล่านี้ยังคงมีต่อไปโดย Easter Island Statue Project ที่จะขุดค้นหาเรื่องราว และความจริงเกี่ยวกับรูปปั้นหินยักษ์เหล่านี้ รวมถึงผู้คนที่สร้างพวกมันขึ้นมา
ถ้ามีโอกาสไปเที่ยวที่เกาะแห่งนี้ อย่าลืมไปเยี่ยมชมพวกมันกันด้วย และอย่าลืมส่งต่อเรื่องราวที่น่าสนใจเช่นนี้ให้เพื่อน ๆ ของคุณกันด้วยนะ!
ที่มา Viralnova