แหวกม่านฮอลลีวูด ตอน 8

– เขาหล่อเกินไปที่จะเป็นอัลคาโปน –
____________________________
.
Michael Hancock ช่างแต่งหน้า และ Bette Iverson ช่างทำผมมือดีของฮอลลีวู้ดคือทีมแปลงโฉมให้ โรเบิร์ต เดอ นีโร่ ในหนัง The Untouchables (1987) ซึ่งป๊ะป๋าโรเบิร์ต มารับบทเป็นโคตรมาเฟีย อัลคาโปน
.
แฮนค็อค และ ไอเวอร์สัน บอกว่า มันเป็นงานที่ยากที่สุดในชีวิตการทำงานในวงการนี้ของพวกเราเลยที่จะต้องแปลงโฉมคนหล่อมากๆดูดีทุกมุมอย่าง โรเบิร์ต ให้ออกมาเป็นไอ้เจ้าพ่ออ้วนเตี้ยหัวล้าน พวกเขาพยายามแล้วจริงๆก็ได้เท่านี้ โรเบิร์ต เขาหน้าตาดีเกินไป หลายคนบอกว่าทำไมเขาดูไม่เหมือน อัลคาโปน เลย หัวล้านๆของเขาไม่เข้ากับใบหน้าคมๆของเขาเลย พวกคุณต้องแย่แน่ๆ มันจะทำให้พวกคุณไม่มีคนจ้างอีกแล้ว
.
เราเองก็จนใจกันจริงๆ พวกเรากังวลกันอย่างมากว่าผลงานจะออกมาไม่ดีเวลาหนังฉาย แต่เราโชคดีที่ โรเบิร์ต เดอ นีโร่ เขาสวมบทบาทมาเฟียอัลคาโปนได้ยอดเยี่ยมจนทุกคนลืมไปเลยว่าเขาดูไม่เหมือนอัลคาโปนเลยสักนิด การยักย้ายถ่ายเทของเขาในหนังช่วยชีวิตเราไว้จริงๆ จนนักวิจารณ์หลายๆคนบอก เขาดูคล้ายอัลคาโปนมากๆ
.
พวกเราได้แต่หัวเราะแห้งๆเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะก่อนหน้านี้ทั้งพวกเรา รวมไปจนถึงผู้กำกับ ไบรอัน เดอ พัลม่า เองยังกังวลใจเลยว่า เขาดูไม่เหมือนอัลคาโปน การแสดงของเขามันทำให้เกิดอุปทานหมู่ในพวกนักวิจารณ์กันจริงๆ

— เมแกน ฟ็อกซ์ เป็นนักดนตรีไทย —
____________________
.
" ฉันชอบเล่นเสียวแบบเลสเบี้ยนกับ นิกิต้า สาวเต้นระบำเปลื้องผ้า เพราะผิดหวังกับความรักตอนวัยรุ่น ความจริงฉันได้ทุกรูปแบบ แต่ชอบผู้หญิงมากกว่า "
.
คำให้สัมภาษณ์ทีเล่นทีจริงของ เมแกน ฟ็อกซ์ ในนิตยสาร GQ ทำให้หลายคนจินตนาการเตลิดไปไกลโดยเฉพาะหนุ่มๆ แต่มันจะเป็นไปได้ยังไงเพราะที่ผ่านมาเธอมีผัวเป็นตัวตนแถมมีลูกตั้งสองสามคน
.
แต่เมื่อ เบน เฮย์ลี่ แฟนเก่าสมัยวัยกระเตาะของ เมแกน ออกมาแฉเรื่องที่เธอมีความหลงไหลคลั่งไคล้ในเพศเดียวกันมันยิ่งตอกย้ำบทสัมภาษณ์ชวนหวาดเสียวของเธอว่าเป็นเรื่องจริง เธอเป็นพวกนิยมดนตรีไทยจริงๆ
.
" เธอไม่ได้พูดเล่นๆหรอก ผมไม่แปลกใจเลยในสิ่งที่เธอให้สัมภาษณ์ เธอมักบอกผมเสมอๆว่าเธอชอบมองผู้หญิงด้วยกันอย่างมาก หลายครั้งการที่เธอนั่งจ้องมองนิตยสารแนวเซ็กซี่เป็นชั่วโมงๆมันทำให้ผมรู้สึกไร้ตัวตน เธอคลั่ง แองเจลิน่า โจลี่ มากๆ ผมไม่รู้ว่าตอนขึ้นเตียงกันเธอจะนึกถึงหน้าโจลี่ด้วยรึเปล่า "
.
เมแกน กับ เบน คบกันอยู่ 3 ปี ก่อนแยกทางกันเพราะชีวิตของพวกเขาต่างกันเกินไป ในขณะที่ เบน เป็นหนุ่มนักผจญเพลิงที่มีชีวิตแขวนบนเส้นด้าย แต่เมแกนเธอมุ่งตรงสู่ฮอลลีวู้ดแล้วดังเป็นพลุแตกในหนังหุ่นยนต์เรื่องดัง
.
" เธอตรงไปตรงมาชัดเจน เธอเร่าร้อนจนเกินไปสำหรับผม ผมกลัวว่าสักวันเธอจะชวนผมมีเซ็กส์แบบสองรุมหนึ่ง ผมรักเธอนะ แต่ผมคงทนไม่ได้ที่จะทำอะไรแบบนั้น และมีแนวโน้มว่าจะเป็นแบบนั้นด้วยสิ เธอเคยพูดเล่นๆตอนที่เราหยอกล้อกัน "
.
ก็ยังดีที่เธอมีแววว่าจะชวนเขาเล่นเซ็กส์แบบหญิงสองชายหนึ่ง ซึ่งน่าจะเป็นสิ่งที่ผู้ชายหลายคนใฝ่ฝัน ถ้าเธอเกิดสนใจแบบ ชายสองหญิงหนึ่งขึ้นมาละก็ อันนี้น่าจะเจ็บจี๊ดกว่าเยอะ
.
" แต่ผมก็ยังเจ็บหัวใจอยู่ดี 3 ปีที่คบกับเธอ เธอร้อนแรงมาก แต่ทำไมผมรู้สึกว่าผมไม่เคยได้หัวใจเธอเลย เธอหันไปคบกับ นิกิต้า ตั้งแต่ยังไม่เลิกกับผมด้วยซ้ำไป "

– โยโกะ โอโนะ ผู้สร้างความร้าวฉานให้แก่พอลและจอห์น –
_______________________________________
เป็นที่ทราบกันอย่างเปิดเผย ว่าความร้าวฉานทางมิตรภาพระหว่างพอลกับจอห์น สองฟร้อนต์แมนแห่งวงสี่เต่าทองนั้นมีสาเหตุมาจากโยโกะ โอโนะ สาวญี่ปุ่นที่มาพัวพันกับจอห์น เลนนอนเป็นสาเหตุหลัก ในเดือนสิงหาคม ปี 1968 ซินเธีย ภรรยาของจอห์น เลนนอน เปิดเผยออกมาว่าเธอได้หย่าขาดจากจอห์น เลนนอน เสียแล้วเพราะว่าเขาหมดสิ้นซึ่งความรักที่มีให้เธอ และคนที่เป็นมือที่สามในเรื่องนี้อย่างเปิดเผยก็คือ โยโกะ โอโนะ ศิลปินสาวและบุตรสาวมหาเศรษฐีชาวญี่ปุ่นที่มาพัวพันกับจอห์นอย่างไม่ไว้หน้าซินเธีย ด้วยการไปไหนมาไหนร่วมกันกับจอห์นตลอดเวลา ไม่เว้นแม้แต่เวลาทำงานดนตรีของวง จนพอล จอร์จ และริงโก รู้สึกอึกอัดที่โยโกะมาใกล้ชิดกับวงมากเกินไป จากความยัดเยียดอันเกินพอดีที่จอห์นพยายามแสดงออกถึงพรสวรรค์ของแฟนสาวชาวญี่ปุ่นของเขา
.
นอกเหนือจากการความไม่สบายใจที่มีโยโกะมาร่วมซ้อมด้วยแล้ว (ถึงขนาดมีข่าวที่ว่าจอห์นพยายามนำเสนอเพื่อนร่วมวงให้ยอมรับโยะโกะเป็นเต่าทองตัวที่ 5 เลยทีเดียว) ข่าวการหย่าร้างของซินเธียกับจอห์นก็ยิ่งสร้างความห่างเหินให้แก่พอลและจอห์นมากยิ่งขึ้น แม้จะเป็นเพื่อนกัน แต่พอลรู้สึกกับจอห์นเหมือนเป็นพี่ชาย และจูเลียน บุตรชายของจอห์นกับซินเธียก็มีพอลเป็นพ่อทูลหัว การหย่าร้างที่เกิดขึ้นทำให้พอลสะเทือนใจ และไม่พอใจโยโกะอย่างรุนแรงที่ทำให้ลูกทูลหัวของเขามีครอบครัวที่ไม่สมบูรณ์พร้อมจากการเข้ามาเป็นมือที่สามของเธอ
.
ไม่ใช่แค่ปฏิกริยาของสมาชิกภายในวงเพียงเท่านั้น บรรดาแฟนเพลงเองก็ไม่ชอบโยโกะด้วยเช่นเดียวกัน พวกเขารู้สึกว่าเธอเป็นต้นเหตุที่ทำให้วงแตกหลังจากที่ White Album ได้วางจำหน่าย จอห์นจงใจออกอัลบั้มเดี่ยว (Two Virgins) โดยมีโยโกะเป็นผู้ร่วมงาน พร้อมกับความท้าทายด้วยการถ่ายรูปเปลือยของเขาทั้งคู่เป็นภาพปกจนล่อแหลม และต้องหาซื้อกันอย่างยากลำบากด้วยการห่อกระดาษสีน้ำตาลในยามซื้อขายเพื่อเลี่ยงกฏหมายอนาจาร
.
โยโกะรู้ตัวดีว่าเธอไม่เป็นที่ชื่นชอบของแฟนๆ บีเทิลมากเท่าใดนัก เธอให้สัมภาษณ์แก่จอห์น วีเนอร์ ผู้เขียนหนังสือ Come Together : John Lennon In His Time ในปี 1983 ไว้ว่า “สมัยที่จอห์นคบกับฉันใหม่ๆ เขาได้รับจดหมายขู่มากมาย บ้างเตือนว่าให้จอห์นระวังว่าจะโดนชาวเอเชียใช้มีดปาดคอตายตอนนอนหลับ บ้างก็ว่าฉันทำคุณไสยใส่จอห์น” โยโกะเอ่ยปากพูดถึงความรู้สึกที่เธอมีต่อแฟนๆ ที่เกลียดชัง “ความจริงที่ว่าจอห์นรักฉันมากอาจเป็นชนวนที่แฟนเพลงทนไม่ได้ แต่มันน่าสะท้านใจไม่น้อยเมื่อมองดูรูปคู่ของพอลกับลินดา (ภรรยาของพอล) พอลก็เป็นศิลปินดัง แต่ไม่เห็นมีใครต่อว่าลินดาเหมือนอย่างที่ต่อว่าฉัน ถ้าลองว่าจอห์นได้แต่งงานกับสาวอังกฤษผมบลอนด์ ปฏิกริยาแฟนๆ ก็คงไม่เป็นเช่นนี้หรอก” โยโกะอ้างอิงพอล แมคคาร์ทนีย์ และกล่าวว่าเธอถูกเหยียดผิวอยู่กลายๆ
.
ตลอดเวลาที่ผ่านมา แม้ว่าแฟนเพลงจะมองโยโกะว่าเป็น “แม่มด” ที่มีอิทธิพลเป็นอย่างสูงต่อจอห์น เลนนอน แต่ทว่าเมื่อเขาจากโลกนี้ไปอย่างไม่มีวันกลับด้วยการถูกฆาตกรรมจากฝีมือชาร์ปแมน โลกก็ได้มองเธอด้วยสายตาที่เห็นอกเห็นใจมากขึ้น แต่สิ่งที่พวกเขาได้เห็นกลับมาจากภาพลักษณ์ของโยโกะ ก็คือแววตาลึกลับเรียบเฉยเหมือนแม่มดเช่นที่พวกเขาเรียกขาน แต่สิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปก็คือผมที่กร้อนสั้นกุดของโยโกะ ที่แสดงออกว่าเป็นการไว้อาลัยให้แก่ชายผู้เป็นที่รัก และการประกาศตัวว่าเป็นม่าย
.
หลังจากการล่วงลับของสามีอันเป็นที่รัก โยโกะ โอโนะก็ยังคงทำงานศิลปะต่อไปเช่นเดิม เธอยังทำกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมและองค์กรการกุศล รวมทั้งก่อตั้งมูลนิธิเพื่อการศึกษาภายใต้ชื่อของจอห์น เลนนอน ด้วยเพียงเหตุผลเดียว นั่นก็คือ เธอไม่ต้องการให้โลกลืมเลือนจอห์น