10 อันดับหนังฮอลลีวู๊ด ทำรายได้มากสุด ที่มาถ่ายทำในประเทศไทย

ประเทศไทยของเรา เป็นประเทศที่อุดมสมบูรณ์ ไปด้วย ทรัพยการด้านการท่องเที่ยว ที่หลากหลาย ทรงคุณค่า ด้านวัฒนธรรม และผู้คน ที่ให้การต้อนรับ นักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศ มานักต่อนัก ทำให้ ทั่วโลกกล่าวถึงว่า ประเทศไทยเป็นประเทศที่สวยงาม น่าลงทุน และ น่าค้นหา

ทำให้ที่ผ่านมา โดยเฉพาะกองถ่ายภาพยนตร์ของนานาชาติ ได้เข้ามาอาศัย โลเกชั่น ในประเทศ เพื่อการถ่ายทำมากมาย ทั้ง เอเชีย ยุโรป หรือ ฮอลลีวู๊ด ซึ่งหนังฮ่องกล เกาหลี และญี่ปุ่น มักจะเข้ามาถ่ายทำในเมืองไทย ไม่ขาดสายตลอด แต่ทางฝั่งของฮอลลีวู๊ด นั้น ค่อนข้างไม่มากนัก ทางคอหนัง จึงได้รวบรวม 10 ภายนตร์ ที่ถ่ายทำในประเทศไทย และสามารถทำรายได้ มากที่สุด 10 อันดับ ในตาราง Boxoffice มาให้ ได้พิจารณากัน

1. Star Wars: Episode III – Revenge of the Sith (2005) ทำรายได้ 380 ล้านเหรียญสหรัฐ

เป็นตอนที่สามในภาพยนตร์ชุดสตาร์ วอร์ส (แต่สร้างเป็นลำดับที่ 6) เริ่มฉายเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2548 จัดจำหน่ายโดย 20th Century Fox กำกับและเขียนบทภาพยนตร์โดยจอร์จ ลูคัส จังหวัดภูเก็ต และ จังหวัดกระบี่ คือสถานที่ถ่ายทำของหนังเรื่องนี้ แม้ว่า ภาพที่ออกมา จะไม่เหมือนกับ สถานที่จริงที่เกิดขึ้น เพราะจะเป็นภาพของหมู่บ้านของชนเผ่าWookiee บนดาว Kashyyyk นั่นเอง จึงออกมาเป็นแบบที่เห็น

2. The Hangover Part II (2011) ทำรายได้ 254 ล้านเหรียญสหรัฐ

เป็นภาพยนตร์ภาคต่อของภาพยนตร์ตลกอเมริกันเรื่อง The Hangover หรือ เมายกแก๊ง แฮงค์ยกก๊วน กำกับโดยท็อดด์ ฟิลิปส์ เนื้อเรื่องเกี่ยวกับเหตุการณ์ยุ่งเหยิงที่เกิดกับ ฟิล, สตู, แอลัน และ ดั๊ก เพื่อนสนิทสี่คนที่จัดงานเลี้ยงฉลองสละโสดก่อนจะแต่งงาน และเมามายไม่ได้สติ หลังจากภาพยนตร์ภาคแรกประสบความสำเร็จอย่างสูง จึงมีโครงการสร้างภาคต่อ โดยในภาคนี้เป็นงานแต่งงานของสตู กับแฟนสาวที่ประเทศไทย

โดยใช้สถานที่ถ่ายทำมากมาย เช่น สถานที่หลักๆ ในไทยที่ถูกใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำก็ได้แก่ ภูเล บีช รีสอร์ต แอนด์ สปา จังหวัดกระบี่ ซึ่งใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำฉากงานแต่งงาน, ซอยแปลงนาม เยาวราช ใช้เป็นที่ถ่ายทำฉากที่ฟิล(แบรดลี่ คูเปอร์), สตู(เอ็ด เฮล์มส์) และอลัน (แซ็ค กาลิเฟียนากีส) ตื่นขึ้นหลังจากเมาไม่ได้สติ, วงเวียนถนนทรงวาดในฉากลิงส่งยา, เมืองโบราณ จังหวัดสมุทรปราการ ถูกใช้เป็นฉากวัดจีน นอกจากนี้ก็ยังมีซอยคาวบอย ย่านอโศก, ซอยสุขุมวิท 7/1 และโรงแรมเลอบัว เป็นต้น

3. American Gangster (2007) ทำรายได้ 170 ล้านเหรียญสหรัฐ

สร้างจากเรื่องจริงของเจ้าพ่อค้ายาเสพติดในยุค ’70 ที่ชื่อว่า แฟรงค์ ลูกัส เขาสร้างตัวด้วยการเดินทางมายังสามเหลี่ยมทองคำ แหล่งผลิตที่ให้ผลผลิตชั้นเยี่ยม จนทำให้เขาร่ำรวยขึ้นมาเป็นหนึ่งในเจ้าพ่อชื่อดังของนิวยอร์ค แต่อำนาจบารมีที่ได้มาด้วยความทุจริตนั้นไม่คงทน เมื่อทางการส่ง ริชชี่ โรเบิร์ตส์ สายสืบตำรวจใจซื่อฝีมือดีมาทลายขบวนการค้ายาเสพติดของนิวยอร์ค เส้นทางการยาเสพติดของเจ้าพ่อแฟรงค์ ลูกัส ที่ใช้ซ่อนไว้ในโรงศพของทหารอเมริกันที่ส่งกลับจากเวียดนาม จึงถูกเปิดโปงและนำไปสู่การกวาดล้างแก๊งค์ค้ายาเสพติดทั้งหมดของนิวยอร์ค ที่สาวไปถึงพวกตำรวจคอร์รัปชั่นที่รับส่วยอีกมากมาย จนกลายเป็นคดีประวัติศาสตร์ที่สะเทือนวงการ
แม้ว่า ส่วนใหญ่แล้ว หนังเรืื่อง American Gangster จะถ่ายทำกันในนครนิวยอร์ก แต่ฉากที่เกิดขึ้นที่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในระหว่างสงครามเวียดนาม นั้น ถ่ายทำกันที่ จังหวัดเชียงใหม่เป็นสำคัญ โดยได้ปรับภูมิทัศน์ต่าง ๆ ให้กลายเป็นเยาวราช สถานบันเทิงยามค่ำคืน ซึ่งออกแบบโดย Arthur Max และเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น

4. Tomorrow Never Dies (1997) ทำรายได้ 125 ล้านเหรียญ

ภาพยนตร์เรื่องนี้ออกฉายในพ.ศ. 2540 โดยดัดแปลงจากบทประพันธ์ของเรย์มอน เบนสัน กำกับโดย โรเจอร์ สปอตติสวูด

ทีมงานสร้างยกกองถ่ายทำมาถ่ายทำที่ประเทศไทยโดยเลือกโลเกชั่นที่อาคารรอยัลเจริญกรุงปลายถนนสีลมแถวๆเขตบางรักปรับเปลี่ยนให้เหมือนย่านไชน่าทาวน์ในเมืองโฮจิมิน์ซิต ี้ประเทศเวียตนามใช้ถ่ายทำฉากที่บอนด์กับเหว่ยหลินหนีตาย ด้วยการฉีกผ้าภาพโปสเตอร์ของคราเวอร์ที่แขวนไว้ข้างตึกจับให้มั่นแล้วโดดลงไปจากยอดตึก จากนั้นก็ตามด้วยฉากที่บอนด์ที่ถูกใส่กุญแจมือติดกันไว้ต้องขี่มอร์เตอร์ไซค์หนีวายร้ายไปทางซอยเจริญกรุง37 เข้าถนนมหาพฤฒารามเลาะคลองผดุงกรุงเกษมผ่านสะพานพิทยเสถียร คลองมหานาคไปออกหลังวัดสระเกศ ตัดฉับโผล่ดินแดงถนนไมตรีจิตในตอนนี้มีเฮลิปคอปเตอร์มาเข้าฉากทำเอาข้าวของของแม่ค้ารถเข็นปลิวกระจัดกระจาย ทีมงานยังได้ยกกองถ่ายทำลงใต้ไปที่จังหวัภูเก็ตเพื่อถ่ายฉากการค้นหาจุดที่เรือรบอังกฤษจมลง ซึ่งท้องทะเลแถบนั้นเคยใช้เป็นโลเกชั่นถ่ายทำภาพยนตร์เจมส์บอนด์ 007ตอน The Man with the Golden Gun(1974) แต่ทีมงานก็พยายามเลี่ยงไม่ใช้สถานที่เดิม

5. Good Morning, Vietnam (1987) ทำรายได้ 124 ล้านเหรียญ

ปี 1965 นาวาโท Adrian Cronauer ได้รับมอบหมายให้มาประจำการที่ ไซง่อน เมืองหลวงของเวียดนาม ซึ่งขณะนั้นยังอยู่ในช่วงที่สงครามเวียดนามระอุอยู่ทุกหย่อมหญ้า Adrian ทำหน้าที่เป็นดีเจ ประจำช่วง 6 โมงเช้า และ 4 โมงเย็น รูปแบบการจัดรายการของ Adrian เป็นที่ถูกอกถูกใจบรรดาทหารทั้งหลายเป็นอย่างมาก จนกระทั่งวันหนึ่งเขาได้ตกหลุมรักกับสาวเวียดนาม (ตรินห์: รับบทโดย จินตหรา สุขพัฒน์) ด้วยการใช้หมอง นั่งมาธิ หนึ่งอึดใจเขาก็หาหนทางเพื่อที่จะเข้าใกล้ตรินห์ได้สำเร็จ โดยผ่านน้องชายของเธอ (ตวน) ชีวิตของ Adrian ดูเหมือนว่า Adrian ที่อยู่ในช่วงเวลาแห่งความสุขนั้น ชีวิตช่างหอมหวานเหลือเกิน แต่หลังจากเหตุระเบิดในบาร์แห่งหนึ่งในไซง่อน ชีวิตของ Adrian ก็ค่อย ๆ เปลี่ยนไป เขาเริ่มมองเห็นความเป็นจริงและความโหดร้ายของสงครามมากยิ่งขึ้น

หนังสงครามเนี่ย รู้สึกจะถูกโฉลกกับโลเกชั่น ในประเทศไทย โดยเฉพาะสงครามเวียดนาม ภาพยนตร์เข้ามาถ่ายทำในประเทศไทยที่กรุงเทพฯแถวๆถนนราชดำเนิน พัฒน์พงษ์และลงใต้ไปจังหวัดภูเก็ตจำลองบ้านเมืองเป็นเมืองให้เป็นเมืองไซ่ง่อนของประเทศเวียตนาม มีนางเอกยอดนิยมของไทยร่วมแสดงในบทนางเอกของเรื่องคือคุณแหม่ม-จินตะหรา สุขพัฒน์ ในบทสาวเวียตนาม

6. Mortal Kombat (1995) ทำรายได้ไป 70.4 ล้านเหรียญสหรัฐ

สำหรับหนังเรื่องนี้ ค่อนข้างที่จะชัดเจน เรื่องของสถานที่ถ่ายทำ โดยมีเบื้องหลังอยู่ที่อุทยานประวัติศาสตร์ จ.อยุธยา เป็นฉากเปิดและฉากปิดของหนังเรื่องนี้

หนังเรื่องนี้ โด่งดังมากในสมัยนั้น ซึ่งนอกจากจะใช้เป็นที่ฝึกยุทธของประเอกแล้ว ยังใช้เป็น ดินแดนสมมุติที่เรียกว่าเอาท์เวิร์ลด์ สถานที่ที่จะใช้ต่อสู้กันระหว่างนักสู้จากโลกมนุษย์กับนักสู้จากเอาท์เวิร์ลด์ ถ้าฝ่ายมนุษย์ชนะโลกมนุษย์ก็จะสุขสงบไปอีกพันปี ถ้านักสู้ฝ่ายมนุษย์พ่ายแพ้โลกทั้งโลกจะเปลี่ยนไปกลายเป็นเมืองนรกทันที ไม่ใช่แค่นั้น ยังใช้ ฉากของ อุทยานประวัติศาสตณ์ที่สุโขทัย และ สถานที่อ่างนาง จ.พังงา ถ่ายทำอีกด้วย โดยที่นี่ เป็นฉากของการฝึกปรีือยุทธอีกที่ เหมือนเป็นแหล่งกบดานของฝ่ายพระเอกนั่นเอง

7. Rambo III (1988) ทำรายได้ไป 53.7 ล้านเหรียญสหรัฐ

พันเอกแซมมวล ทร็อตแมน (ริชาร์ด เคร็นน่า) อดีตผู้บังคับบัญชาของจอห์น แรมโบ้ ได้ขอความช่วยเหลือจากแรมโบ้ (ซิลเวสเตอร์ สตอลโลน) ให้เป็นผู้ฝึกสอนกองกำลังกบฎมูจาฮิดีน Rambo 3 HD เพื่อต่อสู้กับทหารโซเวียตที่เข้ามารุกรานอัฟกานิสถาน แต่แรมโบ้ที่ในเวลานี้ใช้ชีวิตอยู่อย่างสงบในประเทศไทยได้บอกปฏิเสธ จนเมื่อทร็อตแมนถูกทหารฝ่ายศัตรูจับตัวไป เป็นหน้าที่ของแรมโบ้ที่ต้องหวนคืนสู่สนามรบอีกครั้งเพื่อช่วยเหลือเจ้านายเก่าของเขาให้ปลอดภัย

เมื่อจบภาคสองแรมโบ้เดินหายมาทางประเทศไทย พอเริ่มต้นภาคสามทีมงานสร้างจึงต้องมาเปิดตัวแรมโบ้ที่ประเทศไทยใช้โลเกชั่นกรุงเทพฯ ในฉากที่กำลังตามหา แรมโบ้ กำลังลงสนามต่อสู้หาเงินเข้าวัดอยู่ที่เวทีเถื่อนริมน้ำ

8. Rambo (2008) ทำรายได้ไป 42.7 ล้านเหรียญสหรัฐ

จอห์น แรมโบ้ (ซิลเวสเตอร์ สตอลโลน) เก็บตัวอยู่อย่างสันโดษทางภาคเหนือของประเทศไทย ที่ซึ่งเขาทำงานอยู่บนเรือบดลำหนึ่งที่ล่องอยู่ในแม่น้ำสาละวิน คอยตกปลา และจับงูพิษไปขาย ใกล้ๆ กับชายแดนไทย-พม่า ที่มีความขัดแย้งระหว่างพม่าและชนเผ่ากะเหรี่ยง ซึ่งถือเป็นสงครามกลางเมืองที่กินเวลายาวนานที่สุดในโลก ก้าวสู่ปีที่ 60 มีทั้งหน่วยแพทย์ พวกกบฏ และผู้อพยพเดินทางผ่านไปในภูมิภาคที่แตกแยกไปด้วยเพลิงสงคราม ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไป เมื่อกลุ่มมิชชันนารี่ต้องการคนนำทางชาวอเมริกัน ซาร่าห์ (จูลี่ เบนซ์) และ ไมเคิล เบอร์เน็ตต์ (พอล ชูลซี่) ติดต่อมาหาแรมโบ้ พวกเขาอธิบายว่าเพราะการเดินทางไปยังค่ายผู้อพยพเมื่อปีที่แล้ว ทางกองกำลังทหารพม่าได้วางกับระเบิดเอาไว้ตลอดเส้นทาง ทำให้มีอันตรายมากไปกับการเดินทางทางบก พวกเขาขอให้แรมโบ้เป็นคนนำทางพวกเขาล่องไปตามแม่น้ำสาละวิน และส่งพวกเขาขึ้นฝั่ง เพื่อให้พวกเขาสามารถนำผลิตภัณฑ์ยา อาหาร และคัมภีร์ไบเบิ้ลไปส่งให้กับชนเผ่ากะเหรี่ยงได้

ก็เนื่องมาจาก Rambo 3 ภาคก่อนหน้า แรมโบ้เคยได้มาอาศัยสงบสติอารมณ์อยู่ที่วัดทางเหนือของประเทศไทยมาก่อน และในตอนนี้ภาพยนตร์ก็ยังต้องบุกเข้าไปในพม่าอีก ผู้สร้างก็เลยให้แรมโบ้อยู่ประเทศไทยต่อ ทีมงานจึงต้องยกกองมาถ่ายทำที่ประเทศไทย ที่ตำบลแม่หอพระ อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่

9. Around the World in Eighty Days (1956) ทำรายได้ไป 42 ล้านเหรียญสหรัฐ

สำหรับหนังเรื่องนี้ ถึงแม้ว่า จะถ่ายที่กรุเทพฯ แต่เขาก็เนรมิต กรุงเทพฯ ให้กลายเป็นประเทศอินเดียแทน แต่สิ่งหนึ่ง ที่ได้ตรึมตรามากก็คือ ในหนังมีขบวนเห่เรือพยุหยาตราขนาดย่อมๆล่องแม่น้ำเจ้าพระยาผ่านไปทางวัดอรุณราชวราราม ถือได้ว่า เป็นฉากที่สวยงามอีกฉากของหนังเรื่องนี้

10. Bridget Jones: The Edge of Reason (2004) ทำรายได้ไป 40.2 ล้านเหรียญ

ในที่สุด บริดเจ็ท โจนส์ (เรอเน่ เซลวีเกอร์) สาวโสดวัย 30 ชาวลอนดอน ที่ชอบสงสัยตัวเอง ชอบวิเคราะห์ตัวเอง เป็นพวกบ้างาน และชอบคำนวณปริมาณแคลอรี่ ก็ได้สุขสมหวังหวังในชีวิตรัก เป็นเวลานาน 6 อาทิตย์ที่แสนสุขสม บริดเจ็ทกลายเป็นแฟนสาวของ มาร์ก ดาร์ซี่ (โคลิน เฟิร์ธ) ทนายความหนุ่มผู้ไร้ที่ติ ชีวิตนี้คงไม่มีทางดีไปกว่านี้แล้ว หรือ…อาจจะมี? แม้ว่าดาร์ซี่จะทุ่มเทให้กับเธออย่างเห็นได้ชัด แต่ถึงกระนั้น บริดเจ็ทพบว่าเธอยังตั้งคำถามเกี่ยวกับชีวิต ความรัก และการหาวิธีเหมาะที่จะถอดชุดชั้นใน บริดเจ็ทซึ่งในที่สุดได้พบผู้ชายที่เหมาะกับเธอ ต้องเผชิญหน้ากับความท้าทาย ในการจะรักษาตัวดาร์ซี่เอาไว้ ช่วยไม่ได้จริงๆ ที่บริดเจ็ทจะสงสัยว่า จะเป็นยังไงต่อไป.. หลังตอนจบที่แสนสุข เมื่อบริดเจ็ทเริ่มจะได้คำตอบ คู่แข่งเริ่มปรากฏตัว ซึ่งก็คือเพื่อนร่วมงานสาวคนใหม่ของดาร์ซี่ที่หุ่นเพรียวบาง และพูดจาอะไรก็ดูจะถูกไปหมด จู่ๆ ความอิจฉา ความไม่แน่ใจ และสิ่งยั่วยวน ได้ปรากฏตัวในรูปแบบของ แดเนียล คลีฟเวอร์ (ฮิวจ์ แกรนท์) เจ้านายเก่าของบริดเจ็ท ซึ่งเป็นอดีตหวานใจจอมเจ้าชู้ของเธอด้วย และคลีฟเวอร์ได้เข้ามาคุกคามฝันหวานของบริดเจ็ท ท่ามกลางความยุ่งเหยิง อันเกิดจากคำแนะนำแย่ๆ การคิดไปเองอย่างไร้สาระ และหายนะทั้งปวงที่จะเกิดขึ้นได้ – – ก็แต่กับบริดเจ็ทเท่านั้น ในเรื่องราวที่ดำเนินไป จากท้องถนนของนครลอนดอน จนถึงริมทะเลของประเทศไทย เราจะได้พบบริดเจ็ทขณะดิ่งพสุธา (หรือตกลงมาจากเครื่อง?), เล่นสกี (ทำนองนั้น) และเข้าคุก (เพราะความผิดพลาดครั้งใหญ่) Bridget Jones: The Edge of Reason พาสาวบริดเจ็ทที่น่ารักของเรา ออกเดินทางผจญภัยครั้งใหญ่ ที่คาดไม่ถึงและแสนเฮฮา เมื่อเธอท่องไปในเขตแดนของเรื่องราวความรักยุคใหม่ โดยบริดเจ็ทไม่เคยทิ้งอารมณ์ขัน ที่ยากจะหาใครเลียนแบบได้ของเธอ

ทีมงานสร้างภาพยนตร์ได้ยกกองถ่ายทำมาถ่ายทำหลายๆฉาก ในประเทศไทย ทั้งพัฒน์พงษ์ในกรุงเทพฯ เป็นฉาก ฮิวส์ แกร็นต์มาถ่ายทำสารคดี ที่พระปฐมเจดีย์ นครปฐมเป็นฉากที่เรเน่ เซลวีเจอร์มาเป็นพิธีกรรายงานสถานที่สำคัญของไทยและแนะนำอาหารไทย และเกาะปันหยี จังหวัดพังงาเป็นฉากที่เร่เน่และฮิวส์ แกร็นต์ มาเที่ยวพักผ่อน ก่อนที่นางเอกเร่เน่จะถูกจับเข้าคุกข้อหามียาเสพติดไว้ในครอบครอง