(เรื่องดีๆ) ณ.บนรถไฟขบวนหนึ่งที่กำลังวิ่งออกนอกตัวเมือง....
เด็กหนุ่ม อายุ 24 ปี ทอดสายตามองไปที่หน้าต่างรถไฟ และตะโกนร้องว่า
พ่อ ดูนี่ซิ “ต้นไม้มันวิ่งไปข้างหลัง มันวิ่งเร็วมากเลยนะ”
ผู้เป็นพ่อได้แต่จ้องมองเขาเขม็งด้วยแววตาเปี่ยมสุขและเปื้อนรอยยิ้ม
คู่สามี-ภรรยาที่นั่งอยู่ใกล้ ๆ มองเด็กหนุ่ม อายุ 24 ปีคนนี้ และคิดในใจ
.
อะไรกัน โตขนาดนี้แล้ว ยังทำตัวเหมือนเด็ก สงสัยจะมีปัญหาทางจิต ดูซิ แม้แต่พ่อเค้ายังไม่สนใจเลย
ทันใดนั้น เด็กหนุ่มอุทานเสียงดังขึ้นมาอีก
พ่อ ดูโน่น “ก้อนเมฆมันวิ่งมากับพวกเราด้วย”
คู่สามี-ภรรยาอดใจไม่ไหว จึงพูดกับผู้เป็นพ่อว่า
ทำไมคุณไม่พาลูกชายไปหาหมอดี ๆ เช่น จิตแพทย์ ก็น่าจะดีนะ?
ชายชราผู้เป็นพ่อยิ้มและตอบว่าผมเพิ่งพาไปครับ
เราเพิ่งพบแพทย์กันมาแต่ไม่ใช่จิตแพทย์หรอกครับ
เราเพิ่งออกมาจากโรงพยาบาลจักษุกันครับ
ลูกชายผมตาบอดมาแต่กำเนิด
และเค้าเพิ่งจะมองเห็นวันนี้เป็นครั้งแรก
พฤติกรรมของเค้าอาจจะดูงี่เง่าสำหรับพวกคุณ แต่มันคือปาฏิหารย์สำหรับผมครับ
คู่สามี-ภรรยา ต่างนั่งอึ้ง พูดไม่ออก..
น้ำตาเอ่อท้น และรู้สึกเสียใจ-อับอายเป็นอย่างยิ่ง
ทุกคนบนโลกใบนี้ต่างมีเรื่องราว
อย่าตัดสินผู้อื่นเร็วเกินไป อย่าด่วนสรุปสิ่งที่คุณไม่รู้จริงในเรื่องที่เป็นส่วนตัวของเขา
คุณไม่มีทางทราบหรอกว่าเขามีความเป็นมาอย่างไร หรือเขาต้องเผชิญกับอะไรมาบ้าง
.
เมื่อความจริงเบื้องหลังเรื่องราวของเขาถูกเปิดเผย คุณอาจจะแปลกใจ
.
โปรดทำตัวสบาย ๆ กับคนอื่น (นัยคือ อย่าคิดไม่ดี อย่าหาเรื่อง) แม้ว่าคุณจะมีชีวิตที่สมบูรณ์แบบ
.
โปรดช่วยกันทำสิ่งดี ๆ ต่อกัน
เรื่องราวนี้ได้สร้างแรงบันดาลใจให้กับฉัน และฉันขอส่งเรื่องนี้มาให้คุณเพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้คุณด้วย
ฉันหวังว่าคุณจะเผยแพร่มันออกไป เพื่อสร้างแรงบันดาลใจคนอื่นๆ ต่อไป