ใครเคยไม่มีเงินติดตัวซักบาท .... แล้วรอดจากช่วงนั้นมาได้ยังไงบ้างคะ
คือที่เราตั้งกระทู้นี้มา เพราะได้อ่านจากกระทู้มีเงินติดตัวร้อยบาท แล้วอยู่ได้ยังไงอาทิตย์นึงนะคะ
เกริ่นก่อนว่า เราเป็นสาวประเภทสองค่ะ พูดง่ายๆก็กะเทยนั่นล่ะค่ะ
ที่บ้านเราพ่อไม่ยอมรับ กลับบ้านมาแต่ละครั้งเห็นเราเหมือนกระสอบทราย ยิ่งตอนเมานี่อย่าให้พูดค่ะ เราทั้งอ่วมทั้งน่วม แล้วบ้านเราลูกคนเดียว ครอบครัวเดี่ยว ก็อยู่กันสามคนพ่อแม่ลูก เวลาพ่อเตะพ่อตบ ก็มีแต่แม่ที่เข้ามาห้ามค่ะ ช่วงนั้นเหมือนนรกสำหรับเด็กคนหนึ่ง พ่อเราไม่ชอบกะเทย คือ พูดง่ายๆเกลียดเลยค่ะ เหมือนเราเป็นตัวอัปมงคล เวลาเราอยู่กับพ่อสองคนเราต้องนวดฝ่าเท้า นวดตัวให้พ่อ พ่อก็จะชอบพูดย้ำๆกับเราว่าออกบ้านไปเหอะ เค้าเหนื่อยที่จะเห็นเรา ไล่ให้ไปตามทางที่ชอบ เป็นอย่างนี้ไม่รู้เหมือนกันว่าจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน ก็พูดแบบนี้ย้ำๆทุกวันค่ะ พวกเงินค่าเรียน ค่าใช้จ่ายต่างๆ แม่เราก็ออกให้อยู่ฝ่ายเดียว บางทีแม่เราก็ทะเลาะกับพ่อเรื่องเรา ... สุดท้ายจนถึงตอนสอบเข้ามหาลัยได้ เราเลยตัดสินใจมาเรียน มาตายเอาดาบหน้าที่กรุงเทพค่ะ นั่นเลยเป็นจุดเริ่มต้นแบบยากลำบากที่สุดสำหรับเรา
เรามีเงินติดตัวมาหมื่นบาท แม่เราให้มาบอกว่าแม่ก็มีแค่นี้ ตั้งตัวให้ได้นะลูก เราจำได้ดีเลย เราเข้าไปกราบเท้าแม่ ร้องไห้ เราบอกทำไมชีวิตเราหาความสุขไม่ได้เลย ชาติหน้าถ้าเลือกเกิดได้จะขอมาเกิดเป็นลูกแม่อีก
เราเข้ากรุงมาพร้อมเพื่อนสนิทมากๆคนนึง เค้าเป็นเกย์ที่นิสัยดีมากสุดๆคนหนึ่ง เป็นเพื่อนแท้คนเดียวของชีวิตเรา แต่คนเราทุกคนย่อมมีด้านมืดของตัวเองค่ะ สุดท้ายหลังเราเรียนมหาวิทยาลัยจบหนึ่งปี เพื่อนเราคนนี้ก็เป็นโรค สุดท้ายก็ฆ่าตัวตายไป .... เหตุการณ์นี้ทำให้เราเป็นโรคซึมเศร้า เรารับไม่ได้ที่เพื่อนสนิทคนเดียวต้องมาจากไป แต่เรื่องก็ยังไม่จบค่ะ เพื่อนจากไปแล้วแต่เราค้ำประกันเงินกู้ให้เค้าค่ะ เรารับหนี้เต็มๆ
ช่วงนั้นทุกอย่างเข้ามารุนแรงยังกับพายุ เราเป็นโรคซึมเศร้าด้วย ต้องไปพบจิตแพทย์ โดนเจ้าหนี้ตามทวง เงินค่าห้องก็เอามาหมุนจ่ายไม่ทัน ที่ร้านก็ขายของไม่ดี แล้วช่วงไม่มีเงินนี่ของจะพังค่ะ บอกเลยว่าอุปกรณ์ทำมาหากินพังเรียบค่ะ พังยันโทรศัพท์กับหม้อหุงข้าว แล้วคนเป็นโรคซึมเศร้านี่จะไม่อยากทำอะไรเลยค่ะ กรณีเราพอเป็นแล้วอยากนอนอย่างเดียว เราไม่แน่ใจว่าเพราะฤทธิ์ยาด้วยหรือเปล่า แต่อยากนอนมาก มีความรู้สึกไม่อยากออกไปไหน ไม่อยากทำอะไร ขี้ลืม เมื่อยไปหมด หัวตื้อๆตันๆ คิดอะไรไม่ออก
แล้วที่ซวยถึงขีดสุด คือ กระเป๋าหายค่ะ ทำให้เราไม่เหลือเงินซักบาท ไม่มีแม้แต่ค่ารถเมล์ ไม่มีตังกดน้ำตู้ลิตรละบาทดื่ม ต้องอาศัยน้ำก๊อกประทังชีวิต เราอดข้าวอดน้ำสองวันเต็มๆ ความทรงจำในแง่ลบเริ่มผุดขึ้นมาเรื่อยๆ ทั้งเรื่องพ่อ เรื่องเพื่อนสนิท เรื่องเงิน เรื่องที่ตัวเองเป็นแบบนี้ เราโทรไปหาญาติผู้ใหญ่ แต่เค้าไม่ให้เรายืมเงิน แถมบอกว่าเราไม่รู้จักเก็บของให้ดีเอง บอกว่าเราเมาแล้วทำหายล่ะซิ คงหนีไม่พ้นเที่ยวกลางคืน ยิ่งเป็นแบบนี้ด้วยคงไม่พ้นเรื่องผู้ชาย แล้วบอกว่าพ่อแม่เราอยู่บ้านก็ลำบาก อกตัญญูไม่ดูแลผู้มีพระคุณ เราฟังแล้วเรายิ่งเจ็บค่ะ เราไม่คิดว่าคนที่เป็นญาติผู้ใหญ่จะมองเราแย่ขนาดนี้
ณ วินาทีนั้น เราไม่คิดอะไรแล้ว มันถึงจุดที่เราไม่มีความหวังจะอยู่ต่อไปอีก ก็เลยหยิบเอาสายโทรศัพท์มาผูกคอ รัดแน่นมากๆ แล้วเอาแขวนคล้องกับลูกบิดประตูห้อง คุกเข่าลง พอถึงๆจุดที่เหมือนเลือดไม่เดินแล้วสติกำลังจะเลือนลาง เริ่มไม่ได้ยินเสียงทีวีชัดๆแล้ว จู่ๆมีเสียงแม่เราตะโกนเรียกชื่อเราค่ะ ดังมาก ดังมาจากไหนไม่รู้ ดังจนเราตกใจว่าแม่มาหาหรอ เราเลยรีบถอดสายรัดคอออก แล้วเปิดประตูไปดูข้างนอกก็ไม่มีใคร เพราะตอนนั้นมันก็จะห้าทุ่มแล้ว พอมีสติ มีแรงขึ้นมาหน่อย เราเห็นตัวเองในกระจกห้องน้ำ คอเป็นรอยรัดแดงๆ สภาพตัวเองก็ดูไม่ได้เลย เราก็ร้องไห้ นอนร้องไห้บนเตียง ร้องแบบจนเหนื่อย จนหลับไป ตื่นมาอีกทีตีสี่แล้วค่ะ
พอตื่นมามันคิดอะไรไม่ออก รู้แต่ว่าหิว หิวมากๆ หิวจนสั่น เราวิ่งไปดื่มน้ำก๊อกเหมือนเดิม แต่มันไม่ไหวแล้ว เราเหมือนจะเป็นลม การอดข้าวอดน้ำแค่สองวัน ทำไมมันทรมานแบบนี้ ทำอะไรไม่ถูก
ตอนนั้นเราหน้าด้านมาก เปิดประตูห้องลงไปเจอยามใต้หอพัก เราไม่อายแล้ว เราบอกพี่คะ หนูยืมเงินก่อนได้ไหม หนูหิวจริงๆไม่ได้กินอะไรมาสองวันแล้ว พี่เค้าบอกพกมาแค่ 50 บาท ก็ให้เราหมดเลย แล้วเอาปาท่องโก๋กับน้ำเต้าหู้ให้เราอีก เราก็ร้องไห้บอกช่วยเราด้วย เราไม่มีตังติดตัวแล้ว พี่หาทางช่วยหนูหน่อยได้ไหม พี่เค้าก็บอกตัวเค้าคงช่วยไม่ได้แต่เจ้าของหอพักอาจจะช่วยได้ พอซักประมาณเจ็ดโมงกว่าๆ เจ้าของหอพักมา เค้าบอกจะรับซื้อทีวีห้องเราให้ในราคาสามพัน พอได้เงินมาเท่านั้นล่ะ เราร้องไห้ต่อหน้าพี่เค้า บอกเราไม่มีเงินจริงๆ เค้าก็บอกว่าเดือนนี้แปะค่าห้องก่อนก็ได้ มีก็ค่อยๆเอามาจ่าย แล้วแม่บ้านเค้าเห็นเราสภาพนี้ก็บอกเอาของมาขายๆให้เค้าหน่อย จะช่วยซื้อ
หลังจากนั้นเราก็รักหอพักนี้มากๆ หอเก่าๆโทรมๆ ยามชอบหลับ แม่บ้านชอบรื้อถังขยะ เจ้าของหอชอบทำหน้ามุ่ย แต่เป็นหอพักที่ดีที่สุดในโลกของเรา จะเรียกว่าบ้านเลยก็ว่าได้แต่ติดที่ไม่ใช่ของของเราเอง
หลังจากเหตุการณ์ครั้งนั้นมันเหมือนจุดต่ำสุดในชีวิตเราแล้ว ก็มีแต่เรื่องดีๆเข้ามาเรื่อยๆ บางทีเราซื้อหวยถูกบ้างเล็กน้อย เราก็แบ่งๆทั้งพี่ยาม ทั้งแม่บ้าน ทั้งเจ้าของหอ แต่เชื่อไหม พวกเค้าไม่เอาอะไรจากเราเลย เคยยื่นให้หรือซื้อของให้ แกจะด่าเรา บอกเก็บเงินไว้บ้าง ตัวคนเดียวยิ่งเป็นแบบนี้ด้วย ต้องมีเงินเก็บ สุดท้ายเราก็มีอาชีพประจำเป็นหลักเป็นแหล่ง มีเงินเก็บ
เหตุการณ์เราผ่านมา 8 ปีแล้วนะ เป็นช่วงที่เราตกต่ำที่สุด เราพยายามช่วยเหลือคนรอบข้าง ถ้าเราเห็นใครลำบากเราชอบช่วย แล้วเราชอบตักบาตรหน้าปากซอยทุกเช้า ทำบุญให้เจ้ากรรมนายเวร พยายามแผ่เมตตา เราเกือบฆ่าตัวตายในหอพัก เราก็รู้สึกผิด เพราะ ถ้าเราตายจริง หอพักที่น่าอยู่นี้จะกลายเป็นความอัปมงคลทันที แต่ ณ วินาทีนั้นมันคิดอะไรไม่ได้แล้วจริงๆค่ะ
รอฟังของท่านอื่นบ้างนะคะ ขอบคุณมากค่ะ
ภาพประกอบจาก http://english.caixin.com/2014-10-22/100741913.html