หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม แต่งรูป คำคม Glitter สเปซ ไดอารี่ เกมถอดรหัสภาพ เกม วิดีโอ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

Keith Jesperson ใบหน้าเปื้อนยิ้ม

โพสท์โดย กำปวงปั๊วะทม
“มันเหมือนกับผมเล่นสงคราม....”
 
ฆาตกรต่อเนื่องเกือบทุกคนเมื่อถูกจับกุมและถูกพิพากษา พวกเขาส่วนมากจะไม่รู้สึกสำนึกสิ่งที่ตนกระทำน้อย
พวกเขาไม่เคยร้องไห้ เสียใจ เอ่ยปากขอโทษในสิ่งที่ตนกระทำต่อเหยื่ออย่างโหดร้าย อย่างเช่นกรณีของ
คีธ เจสเปอร์สันฆาตกรต่อเนื่องหน้าเปื้อนยิ้ม ที่ฆ่าเหยื่อถึง 8 ราย (แต่เขาอ้างว่ามากกว่านั้น)
และเขาไม่รู้สึกสำนึกสิ่งที่ตนทำเลยแม้แต่น้อย


 
คีธ เจสเปอร์สัน


 
คีธ เจสเปอร์สัน เป็นชาวแคนาดาที่เป็นฆาตกรต่อเนื่องฆ่าคนในประเทศอเมริกา  ออกอาละวาดในหลายรัฐไม่ว่าจะเป็น
แคลิฟอร์เนีย, ฟลอริดา, ออริกอน, วอชิงตัน, ไอโอมิง และเนแบรสกา ก่อนที่จะถูกจับวันที่ 30 มีนาคม 1995 และ
ถูกตั้งฉายาว่า “นักฆ่าหน้าเปื้อนยิ้ม” (Happy Face Killer) เนื่องจากเป็นลายเซ็นการฆาตกรรมของเขา อีกทั้งเขามักยิ้ม
เสมอเวลาอยู่ในสื่อหรืออยู่ในศาล หากแต่ชีวิตของเขานั้นไม่มีความสุขเลยแม้แต่น้อย เพราะวัยเด็กครอบครัวมีปัญหาอยู่ภายใต้
การครอบงำของพ่อที่ติดแอลกอฮอล์ และถูกปฏิบัติราวกับเศษขยะไร้ค่าโดยครอบครัว ซ้ำยังถูกล้อเลียนโดยเด็กคนอื่นๆ
ทำให้กลายคีธกลายเป็นเด็กที่เหงา และระบายความอัดอั้นด้วยการทรมานและฆ่าสัตว์ ต่อมาเมื่อเป็นวัยรุ่นก็ก่อคดีพยายามฆ่าเด็ก
เมื่อจบออกมาก็ทำงานเป็นคนขับรถบรรทุก แต่งงานมีลูกสามคนในปี 1990 หากแต่หลังจาก 15 ปีก็หย่าร้าง ต่อมาเขาฝันว่า
อยากเป็นตำรวจม้าแคนาดาหากแต่ก็หมดโอกาสเพราะบาดเจ็บ ทำให้เขากลับมาเป็นคนขับรถบรรทุกอีกครั้งพร้อมกับเป็น
ฆาตกรเนื่องในที่สุด


คีธเป็นที่รู้จักกันดีในฐานะฆาตกรต่อเนื่องฆ่าผู้หญิง 8 คนด้วยการบีบรัดซึ่งเป็นวิธีเดียวที่เขามักใช้ในการฆ่าสัตว์สมัยที่เป็นเด็ก
หลังจากที่เขาฆ่าเหยื่อรายแรกได้เขาพยายามให้สื่อต่างๆ สนใจตัวเขาด้วยการเขียนคำสารภาพที่ผนังห้องน้ำที่ห่างจากที่เกิด
เหตุและวาดหน้าเปื้อนยิ้ม แต่เมื่อไม่ได้รับการตอบสนองเขาก็พยายามเขียนจดหมาย ตัวอักษรถูกเซ็นชื่อด้วยการวาดรูปหน้า
เปื้อนยิ้มไปยังสื่อและอัยการเขตเพื่อให้เขากลายเป็นคนดัง หลายคนที่ตกเป็นเหยื่อของเขาส่วนมากเป็นโสเภณีและคนเร่ร่อน
ทำให้ตำรวจมืดบอดในการ หากแต่เหยื่อรายสุดท้ายเป็นแฟนของเขาที่คบกันมานาน ซึ่งตำรวจได้เชื่อมโยงมายังเขา นำไปสู่
การจับกุมในที่สุด

คีธมีชื่อเต็มว่า คีธ ฮันเตอร์ เจสเปอร์สัน เกิดเมื่อวันที่ 6 เมษายน 1955 ในซิลลิแวก บริติชโคลัมเบีย แคนาดา เป็นลูกคนกลาง
ที่มีพี่ชายสองคนและน้องสาวสองคน พ่อของเขาเป็นคนติดแอลกอฮอล์ ปู่ของเขาเป็นพวกใช้ความรุนแรง และมีการยืนยันว่า
มีการละเมิดทางเพศในครอบครัว

 
ชีวิตของคีธนั้นไม่เปื้อนยิ้มเหมือนฉายาของเขาเลย มีรายงานว่าพ่อของคีธเป็นคนโมโหร้าย ชอบทำร้ายลูกชายหากทำผิดเล็กน้อย
หรือมาก ด้วยการทุบตี หรือใช้เข็มจัดฟาด บางขั้นถึงขั้นเอาไฟฟ้ามาดูดเพื่อทำโทษเลยก็มี คีธมีพี่ชายสองคนคือ บรูซ และ แบรด
และสองน้องสาว ชารอน และ จิลล์ หากแต่เขาได้รับการปฏิบัติราวกับขยะในบ้าน เหมือนส่วนเกินของครอบครัว เพราะเขามีขนาดตัว
ที่ใหญ่กว่าเด็กรุ่นราวคราวเดียวกันทำให้หลายคนมักเรียกเขาว่า “อีกอร์” ล้อเลียน ด้วยเหตุนี้ เขาเลยเป็นเด็กขี้อาย และระบาย
ความอัดอั้นด้วยการทรมานและฆ่าสัตว์ เขาชอบดูสัตว์ฆ่ากันโดยมันให้ความรู้สึกเหมือนชีวิตของเขา เขาเริ่มจับนก สุนัขและแมวจรจัด
มาทรมานก่อนที่จะฆ่าเขาได้ ซึ่งในเวลาต่อมาเขาได้ให้การว่าเขาอยากทำสิ่งที่ทำกับสัตว์มาทำกับมนุษย์บ้าง

จิตใจอันชั่วร้ายของคีธเริ่มขึ้นตั้งแต่ยังเล็ก สิ่งที่เห็นได้จัดว่าเขาเตรียมตัวที่จะเป็นฆาตกรต่อเนื่อง เริ่มขึ้นเมื่อในขณะเขาอายุประมาณ
10 ขวบ เขาเคยเกือบฆ่าเพื่อนของเขาคนหนึ่งเป็นเด็กผู้ชายชื่อมาร์ติน เนื่องจากทนไม่ไหวที่เขาโดนดูถูก เขาจึงกระโจมเขาไปตี
เขาอย่างรุนแรง หากแต่โชคดีเป็นของเด็กชาย ที่พ่อของเขาดึงเขาออกไปเสียก่อน ต่อมาในอีกหนึ่งปีเขาก็พยายามให้เด็กคนหนึ่ง
จมน้ำในขณะว่ายน้ำที่ทะเลสาบ โชคดีที่คนอื่นๆ ช่วยเหลือไว้ได้ทัน

คีธได้อ้างว่าเขาสูญเสียความบริสุทธิ์ของเขาในโรงเรียนมัธยมตอนอายุ 14 ขวบ (ไม่ทราบว่าใครข่มขืน ผู้ชาย หรือผู้หญิง)
หลังจากเขาตับระดับมัธยมปลายในปี 1973 เขาก็ไม่ได้เรียนต่อวิทยาลัยยเพราะเห็นว่าไม่จำเป็น แม้ว่าเขาจะไม่เนื้อหอมกับสาวๆ
ในโรงเรียนมัธยมไม่มีแม้แต่การหาคู่เต้นรำโรงเรียน หากแต่ในปี 1975 เจาก็ได้แต่งงานกับโรสผู้หญิงเชื้อสายเม็กซิกัน อายุ 20
และทั้งสองมีลูกสาวสองคนและลูกชายหนึ่งคน และเขาก็ทำอาชีพเป็นคนขับรถบรรทุกเลี้ยงดูครอบครัว

   

 
อย่างไรก็ตามชีวิตหลังแต่งานของคีธก็ยังไม่มีรอยยิ้มเหมือนเช่นเคย เขาได้ซ้อนภาพลูกสามคนของเขาว่าเหมือนเขาสมัยยังเด็ก
เขายังจำได้ดีในวันที่เขาฆ่ากระรอกและแมวที่สวนของบ้านของเขา มันมีแรงบันดาลมาจากภาพยนตร์สยองขวัญที่พ่อของเขาดู
เป็นภาพตัวละครแขวนคอสัตว์บนราว ทำให้ภาพประสบการณ์วัยเด็กหลอกหลอนเขา ความตึงเครียดหลังการแต่งงานนับวัน
จะเพิ่มขึ้น จนกระทั้งปี 1990  คีธและภรรยาก็ตัดสินใจหย่าขาดกัน และลูกสาวคนก็ให้ภรรยาเลี้ยงดูทั้งหมด

เมื่อคีธอายุ 35 เขาตัวสูงใหญ่ หนักกว่า 240 ปอนด์ และเริ่มเปลี่ยนเป้าหมายว่าอยากเป็นตำรวจม้าแคนาดา หากแต่เขาได้กับ
ประสบอุบัติเหตุ บาดเจ็บสาหัสในขณะฝึกอบรมเสียก่อน ทำให้เป็นการดับความฝันโดยสิ้นเชิง ทำให้คีธหวนกลับมาเป็นคนขับรถ
บรรทุกอีกครั้ง และย้ายไปทำงานวอชิงตัน ก่อนที่จะกลายเป็นฆาตกรต่อเนื่องในที่สุด

 



ไม่มีใครทราบจำนวนเหยื่อที่คีธฆ่านั้นมีเท่าไหร่กันแน่ เพราะเขาอ้างว่าได้ฆ่าคนไปถึง 160 คน อย่างไรก็ตามเหยื่อที่คีธฆ่าที่ระบุ
อย่างเป็นทางการมีเพียง 8 ราย โดยเหยื่อรายแรกคือ ทอนจา เบนเน็ต  ซึ่งเป็นเหยื่อที่เขาไม่ได้ตั้งใจฆ่าตั้งแต่ต้น โดยเขาพบ
เธอเมื่อวันที่ 23 มกราคม 1990 ใกล้พอร์ตแลนด์ โอเรกอน เขาแนะนำตัวเองให้เบนเน็ตรู้จักที่บาร์ และเชิญเธอไปบ้านของเขา
ที่เช่าเอาไว้ ทั้งสองอยู่ใกล้ชิดกัน หากแต่ไม่นานก็ทะเลาะโต้เถียงกันอย่างรุนแรง คีธได้เข้าทำร้ายเธอ ทุบตี และรัดคอเธอจนเสียชีวิต
เมื่อคีธรู้สึกตัวก็พบว่า เขาฆ่าเบนเน็ตเสียแล้ว เขาจึงจัดการอ้างฐานที่อยู่ ด้วยการออกนอกบ้านสนทนาคนอื่นๆ ก่อนที่จะออกมา
กำจัดศพเธอโดยไม่ให้ใครสงสัยเขา ด้วยการเอาศพเธอไปทิ้งแม่น้ำข้างทาง ในวันถัดมา และในเวลาต่อมาก็มีคนพบร่างของเธอ


จากการตรวจสอบของตำรวจในคดีฆ่าเบนเน็ตเป็นคดีมืดมนหาผู้กระทำผิดไม่ได้ อีกทั้งการฆาตกรรมรายนี้ไม่เป็นที่สนใจในวงกว้างมากนัก
ขนาดหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นเขียนเพียงย่อหน้าสั้นๆ ว่าตำรวจพบศพหญิงปริศนาคนหนึ่ง ในสภาพเกือบเปลือยและถูกรัดคอตาย

ต่อมาหญิงชราคนหนึ่งชื่อลาเวิร์น ได้อ่านข่าวการเสียชีวิตของเบนเน็ต เกิดนึกสนุกหรืออะไรไม่ทราบ เธอไปสารภาพเท็จ
กับตำรวจให้เชื่อว่าเธอกับแฟนหนุ่มของเธอ จอห์น (John Sosnovske) เป็นฆาตกร คดีดังกล่าว ซึ่งตำรวจเลือกที่จะเชื่อ
ทำให้สื่อมวลชนได้ประโคมข่าวเป็นการใหญ่ให้มีการลงโทษสองคนในคดีฆาตกรรม อย่างไรก็ตาม คีธกลับไม่ชอบใจเลย
ในแพะรับบาปแบบนี้ เขาไม่ปล่อยให้คนอื่นมีส่วนร่วมกับอาชญากรรมของเขาแน่ เขาเลยเขียนคำสารภาพที่มีรายละเอียด
ของการฆาตกรรมบนผนังห้องน้ำสาธารณะในสถานที่หลายแห่งในออริกอนและมอนแทนา ลงนามด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
เป็นลายเซ็นต์ หากแต่วิธีดังกล่าวไม่มีใครใส่ใจมากนัก



เมื่อไม่มีใครใส่ใจ คีธเปลี่ยนวิธีใหม่ เขาเขียนจดหมายไปยังสื่อและหน่วยงานของตำรวจ สารภาพเรื่องของตนที่ก่อเอาไว้
และลงนามด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม สุดท้ายสื่อก็เชื่อพร้อมลงเนื้อหาดังกล่าวลงหน้าหนังสือพิมพ์โอเรกอน พร้อมตั้งฉายา
ฆาตกรว่า “นักฆ่าหน้าเปื้อนยิ้ม” (The Happy Face Killer)


เมื่อวันที่ 12 เมษายน 1990 คีธได้จอดรถในศูนย์กลางค้าแชสต้า ใน แคลิฟอร์เนีย เขาได้เข้าหาผู้หญิงคนหนึ่งที่กำลัง
อุ้มลูกชายอ่ายุหกเดือนของเธอ ทั้งสองพูดถูกคอกันก่อนที่ผุ้หญิงจะแนะนำตนเองว่าชื่อ “จีน” คีธบอกชื่อของตนเองแบบไม่ปิดบัง
และหลังจากที่สนทนากันคีธได้พาสองแม่ลูกขึ้นรถของเขา และพาไปยังสถานที่ร้างคน และด้วยเหตุใดไม่ทราบจีนก็ได้ใช้
ปากสำเร็คความใคร่ให้คีธ (ในขณะที่เด็กทารกนอนอยู่บนพื้นใต้ฝ่าเท้าของคีธ) หลังจากเสร็จสิ้น คีธก็ทำร้ายเธอ แต่โชคดี
ที่เขาไม่ได้ฆ่าผู้หญิงกับลูกดังกล่าว หากแต่พาเธอกับลูกไปปล่อยที่ศูนย์ช้อปปิ้งเท่านั้น และต่อมาเขาก็ถูกจับ หากแต่ก็รอดพ้น
จากคดีมาภายหลัง




อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลาผ่านหนึ่งปีครึ่งหลังจากที่คีธฆ่าเหยื่อรายแรก เขาก็กลับมาฆ่าเหยื่ออีกครั้ง และเมื่อเขาฆ่าเหยื่อ
ในแต่ละรายเขาจะส่งรายละเอียดการฆาตกรรมให้ครอบครัวเหยื่อพร้อมใบหน้าเปื้อมยิ้มในจดหมาย


เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 1992 ศพของผู้หญิงคนหนึ่งไม่ทราบชื่อที่ถูกข่มขืนและฆ่ารัดคอถูกพบอยู่ในพื้นที่ขไบลท์ แคลิฟอร์เนีย
จากการชันสูตรพบว่าเธอตายหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ตอนแรกพวกเขาตั้งชื่อศพว่า “เจนส์ โดล”  ก่อนที่จะระบุชื่อแท้จริง
ได้ว่าชื่อ “คลอเดีย”

เดือนต่อมาศพของซินเทีย ลินน์ โรส อายุ 32 ปีถูกพบตามทางหลวงสหรัฐ 99 ที่อยู่ใกล้โมเดสโต  แคลิฟอร์เนีย เธอตายหลายวัน
จากการชันสูตรพบว่าเธอตายเพราะกินยาเกินขนาด หากแต่คดีดังกล่าวคีธได้ออกมารับผิดชอบด้วยการเขียนจดหมายถึงคอลัมน์
หนังสือพิมพ์ในพอร์ตแลนด์ว่าโรสเป็นโสเภณีที่เขาใช้บริการและฆ่าเธอ แน่นอนเขายังไม่ลืมลายเซ็น “ใบหน้าเปื้อนยิ้ม”
เพื่อให้หลายฝ่ายชื่อว่านี้คือฆาตกรฆ่าต่อเนื่อง

ต่อมาในเดือนพฤศจิกายนเหยื่อรายที่ 4 ลอรี แอน เพนเทลแลด์ จากเซเลม ออริกอน  โดยคีธได้อ่างว่าในขณะที่เขาใช้บริการ
ทางเพศกับเธอ เธอกับเรียกเงินเขาสองเท่าไม่ตรงที่ตกลงไว้ในตอนแรก เธอขู่ว่าจะฆ่าตำรวจ เขาจึงรัดคอของเธอซะจะได้หมดปัญหา
 

หกเดือนต่อมาศพหญิงนิรนามก็ถูกพบอีกครั้งในเดือนกรกฎาคมในปี 1993 ทางทิศตะวันตกของซานต้า เนลลา แคลิฟอร์เนีย
ตำรวจชื่อว่าผู้ตายเสียชีวิตจากการกินยาเกินขนาด อย่างไรก็ตามคีธได้ตอบโต้อ้างว่าแธอคือเหยื่อของเขา หากแต่ชื่อจริงนั้น
คีธไม่ได้บอก แต่เรียกเธอว่า “คนบนท้องถนน” และปีต่อมาในเดือนกันยายน 1994 มีการพบศพนิรนามอีกครั้ง ในเครสต์วิว ฟลอริด้า
ในสภาพเหลือแต่กระดูก โดยภายหลังคีธบอกว่าเธอคือซูซาน

ในเดือนมกราคม ปี 1995 ระหว่างที่คีธขับรถบรรทุก เขาก็ได้ตกลงรับผู้หญิงคนหนึ่งชื่อแองเจล่า เซอร์ไพรส์  ที่สโปแคน วอชิงตัน
ไปอินเดียน่า ระหว่างเดินทางประมาณสัปดาห์คีธได้อ้างว่าแอเจล่าเป้นคนน่ารำคาญ จู้จี้ สาเหตุเพราะเธออยากจะเห็นหน้าแฟนหนุ่ม
ของเธอเร็วๆ คีธเลยตอบสนองโดยการข่มขืนและฆ่ารัดคอเธอ จากนั้นก็มัดเธอที่ช่วงล่างของรถบรรทุกของเขาและลากไปตามท้องถนน
จนใบหน้าเละ ร่างของเธอถูกพบในหลายเดือนต่อมา หลังจากที่คีธให้รายละเอียดแก่ตำรวจ สองเดือนหลังจากนั้นคีธได้ตัดสินใจ
ผิดพลาดเมื่อเขานำตัวแฟนสาวของเขาจูลี่แอน วินนิงแฮมที่พึ่งรู้จักกันมาฆ่ารัดคอที่วอชิงตันและทิ้งศพไว้ข้างทาง ซึ่งศพของเธอ
กลายเป็นตัวเชื่อมโยงให้ตำรวจจับกุมคีธในเวลาต่อมา



คีธถูกจับกุมเมื่อวันที่ 30 มีนาคม 1995 ในข้อหาฆาตกรรมแฟนของตัวเอง ตอนแรกๆ คีธปฏิเสธร่วมมือกับตำรวจ หากแต่
เมื่อเวลาผ่านไปหลายวันเขาก็เริ่มเปิดเผยรายละเอียดกรฆ่าตัวเองที่ละเล็กทีละน้อย หลังจากนั้นไม่กี่วันเขาก็เขียนจดหมาย
ถึงพี่ชายของเขา โดยสารภาพว่าเขาได้ฆ่าคนแปดคนในระยะเวลาห้าปี  และยังไม่ลืมใบหน้าเปื้อนยิ้มเซ็นปิดท้าย เมื่อตำรวจ
รู้เรื่องดังกล่าวก็เริ่มตรวจสอบคดีปริศนาไปทั่วประเทศที่เชื่อว่าเป็นเหยื่อที่เป็นไปได้ของคีธ



แม้ว่าคีธจะอ้างว่าเขาได้ฆ่าเหยื่อไป 160 คน หากแต่เมื่อตรวจสอบก็พบว่าเขาแค่แปดรายเท่านั้น ผลสุดท้ายเขาถูกตัดสิน
จำคุกตลอดชีวิตสามครั้ง และถูกจำคุกในเรือนจำโอเรกอนในซาเลม ในเดือนกันยายน 2009 ขาถูกฟ้องในข้อหาฆาตกรรม
ในริเวอร์ไซต์เคาน์ตี้ แคลิฟอร์เนีย และถูกส่งตัวข้ามแดนไปยังรัฐแคลิฟอร์เนีย


   
เมลิสสา จี มัวร์ลูกสาวของคีธ


 
ในเดือนพฤศจิกายน 2008 เมลิสสา จี มัวร์ลูกสาวของคีธ ได้ปรากฏตัวในรายการ ด็อกเตอร์วินฟรีย์โชว์ (Oprah Winfrey Show)
เพื่อพูดคุยเรื่องพ่อของเธอ (เธอยังออกหนังสือวางจำหน่าย) โดยเธอบอกเล่าเรื่องราวของเธอในช่วงที่อาศัยอยู่กับพ่อจนกระทั่ง
หย่าร้างกับแม่เมื่อปี 1990 โดยมัวร์ได้เล่าว่าเธอได้สังเกตว่าพ่อของเธอได้เปลี่ยนไประหว่างเธออยู่โรงเรียนประถมศึกษา
บ้านของพวกเขาล้อมรอบด้วยสวนผลไม้แอปเปิ้ลซึ่งพ่อของเธอมักชอบฆ่าแมวจรจัดในบริเวณใกล้เคียง วันหนึ่งเธอแอบมองพ่อ
พบว่าเขาแขวนคอลูกแมวจรจัดที่ราวตากผ้าของครอบครัว เธอรีบวิ่งไปบอกแม่ เมื่อพวกเขากลับมาก็พบลูกแมวนอนอยู่บนพื้นตายแล้ว

 
ในรายการเมลิสสายอมรับว่าเธอห่างเหินจากพ่อ แต่กระนั้นก็รู้สึกละอายใจกับการกระทำของพ่อต่อเหยื่อของเขา เธอพยายาม
กล่าวโทษตนเองตลอดมา  ตลอดชีวิตที่ได้อยู่กับพ่อเมลิสสาพยายามหลอกตัวเองว่าครอบครัวของเธอสมบูรณ์แบบ
หลังจากที่พ่อแม่หย่ากัน เธอก็ย้ายไปอยู่สถานที่แห่งใหม่ พ่อของเธอก็ได้กลายเป็นฆาตกรต่อเนื่อง และไม่ได้ติดต่อกับ
ครอบครัวอีกเลย ครั้งสุดท้ายที่เธอเห็นพ่อคือวันเกิดอายุ 16 ปี เธอไปนั่งทานอาหารกับพ่อและสนทนาตามปกติซึ่งเธอกว่า
ที่จะรู้ว่าพ่อเป็นฆาตกรก็ตอนที่พ่อถูกจับกุมตัวไปแล้ว และในเวลาต่อมาเธอก็มีชีวิตใหม่กับสามีและลูกสองคนอย่างสงบสุข
ในขณะที่คีธถูกจำคุกอยู่นั้นเขาก็มีชื่อเสียงและเริ่มวาดภาพ เป็นงานอดิเรกและขายผลงานของเขาผ่านอินเทอร์เน็ต
โดยภาพของเขาส่วนใหญ่เป็นฉากในชีวิตประจำวัน หรือไม่ก็แฟนตาซีที่เต็มไปด้วยสีสีสัน


   
 
ภาพยนตร์ทีวีซีรีย์ Mentalist

 
 
เรื่องราวของคีธปรากฎในภาพยนตร์ซีรีย์ Mentalist โดยใช้ชื่อ "เรด จอห์น " ฆาตกรต่อเนื่องที่วาดใบหน้าเปื้อนยิ้ม
ในสถานที่เกิดเหตุ อีกทั้งยังเป็นคู่ปรับของพระเอกอีกด้วย

คุณสามารถส่งจดหมายหรือติดต่อกับคีธในฐานะแฟนฆาตกรต่อเนื่องได้ที่
Keith Jesperson #11620304
Oregon State Penitentiary
2605 State Street
Salem, OR 97310

 

 

⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
กำปวงปั๊วะทม's profile


โพสท์โดย: กำปวงปั๊วะทม
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
4 VOTES (4/5 จาก 1 คน)
VOTED: ท่านฮั่ว แมวขี้งอน
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
ชาวลาวไม่ทน! หลังหนุ่มจีนโพสทิ้งเงินกีบลงในถังขยะ ทำคนลาวถึงกับไม่พอใจ?คนไข้วัย 72 ติดเชื้อโควิดนาน 613 วัน ก่อนกลายพันธุ์ในร่างกายกว่า 50 ครั้ง"ลาบูบู้" ไม่รอด โดนเขมรเคลมเรียบร้อยแล้ว..บอกรากเหง้ามาจาก "หน้ากาล"ลูกค้าหนุ่มเศร้า หลังรีวิวชุดกีฬาที่ซื้อมา แต่ดันพลาดเห็นหนอนน้อย
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
สาว "เจี๊ยบ" ทำเนียนเดินรวมกับ นร.ญี่ปุ่น..ทำเอาหนุ่ม "บอย" ถึงกับแยกไม่ออกชาวลาวไม่ทน! หลังหนุ่มจีนโพสทิ้งเงินกีบลงในถังขยะ ทำคนลาวถึงกับไม่พอใจ?อิหร่านขู่ถล่มที่ตั้งนิวเคลียร์ ของอิสราเอลด้วยขีปนาวุธชวนมารู้จักลาบูบู้ มาการอง เดี๋ยวจะคุยกับเค้าไม่รู้เรื่อง
กระทู้อื่นๆในบอร์ด สาระ เกร็ดน่ารู้
รีวิวหนังสือ ฉันแข็งแกร่งพอที่จะเชื่อความคิดของตัวเองtorment: ทรมาน ระทมทุกข์"Colosseum" โคลอสเซียม ณ อิตาลีenhance: เสริม ยกระดับ ทำให้มากขึ้น
ตั้งกระทู้ใหม่